เฉินหยูยังเป็นคนที่ช่างแปลกจริงๆ เมื่อพูดคำพูดออกมาอย่างนี้กลับทำให้ฉีเติ่งเสียนเขินอาย
เธอรู้สึกเสียดายอยู่บ้างเล็กน้อยที่คนที่มีความสามารถอย่างสวี่เอ้าเสวี่ยไม่สามารถอยู่ที่หนานหยางเพื่อทำงานได้ ไม่เพียงแต่ทุกคนต่างก็มีความคิดและวิถีชีวิตของตัวเองที่ไม่เหมือนกัน
“จะพูดก็พูดต้องยอมรับเลยว่า แม่ของนายช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ฉันโทรหาติดต่อเพื่อพูดคุยกับเธอทุกวันและเธอให้คำแนะนำดี ๆ กับฉันตั้งมากมาย” เฉินหยูพูด
“ในเมืองหลวงเมื่อไหร่ที่ได้ยินชื่อฉายาของดาบที่อ่อนโยน มีคนกี่คนที่ไม่กลัว แน่นอนว่าเธอยอดเยี่ยมจริงๆ” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ
“แถมยังเป็นดาบที่อ่อนโยนที่ทำไส้หมูเก้าชั้นเป็นอีกต่างหากนะ” เฉินหยูพูดพร้อมกับยิ้มกว้าง
“จะไม่สามารถเลิกแซวเรื่องนี้ใช่ปะ ครั้งหน้าถ้าหากคุณไปที่เมืองหลวง ผมจะขอให้เธอทำไส้หมูเก้าชั้นให้คุณทานจริงๆ” ฉีเติ่งเสียนหัวเราะเยาะ
“ถ้าอย่างนั้นก็พอเถอะ ไม่ว่าอาหารจะรสชาติแย่แค่ไหน มันก็ดีกว่าขี้” เฉินหยูส่ายหัว เธอไม่อยากสัมผัสกับความรู้สึกของการทานอุจจาระ
หลังจากนั้นฉีเติ่งเสียนกับเฉินหยูก็เดินไปยังคฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเฉิน พูดกันว่าช่วงนี้คนในตระกูลเฉินเริ่มทำตัวเหลิงกันแล้วเลยต้องทำให้เขาเอาอำนาจบารมีของเขาเอามากดไว้หน่อยซะแล้ว
ตระกูลเฉินมอบอำนาจทุกอย่างให้เฉินหยูจัดสรร เพื่อให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตไปให้ได้ แต่พอทุกอย่างผ่านพ้นไปด้วยดี กลับคิดจะดึงอำนาจทั้งหมดกลับคืน
ไม่เพียงแต่เฉินหยูได้กุมอำนาจไว้ในมือแล้ว ทำไมจะต้องยอมให้พวกเขาดึงอำนาจกลับไปได้ง่าย ๆ ได้อย่างไรกัน?ความขัดแย้งจึงเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
หลังจากผ่านมหันตภัยครั้งใหญ่มาครั้งนี้ คนในตระกูลเฉินก็เริ่มมองเห็นเรื่องต่างๆต่อมิอะไรชัดเจนขึ้นมาก รู้แล้วว่าถ้ายังดันทุรังใช้อำนาจเผด็จการเหมือนเมื่อก่อน สุดท้ายก็มีแต่หนทางตาย และจะถูกกวาดทิ้งไปกองรวมกับเศษซากของ ประวัติศาสตร์
เฉินหยูได้รับการสนับสนุนภายในจากคนในตระกูลเฉินมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ว่าในเมื่อตระกูลเฉินใหญ่โตขนาดนี้การเกิดความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันจึงเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงอย่างไม่ได้
เมื่อฉีเติ่งเสียนเดินเข้าไปในคฤหาสน์ตระกูลเฉินอย่างสง่าผ่าเผยเคียงข้างเฉินหยู เมื่อพวกคนในตระกูลเห็นเขา หลังจาหนั้นก็ทำสีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างตกใจสุดขีดราวกับเห็นผีเข้าเลยทีเดียว
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพระอัครสังฆราชยังคงมีอิทธิพลสูงมากในหนานหยาง
เฉินหยูหัวเราะเหอะเหอะพลางพูดว่า “ไม่ใช่ว่าวันนี้พวกคุณจะเลี้ยงข้าวฉันเหรอ ฉันพาอีกคนมาร่วมทานบนโต๊ะด้วย คงไม่มีใครอยากขัดข้องใช่ไหม?”
สีหน้าของคนในห้องต่างก็ซีดเซียวเหงื่อออกมาเคร่งเครียด แต่ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมา ในสายตาของคนตระกูลนี้พวกเขามองฉีเติ่งเสียนก็เหมือนเหมือนลูกศิษย์จอมนักเลงและยังเป็นคนที่น่ากลัวสุด ๆ
ฉีเติ่งเสียนเองก็ยิ้มพลางยกมือคารวะต่อหน้าทุกคนด้วยท่าทางที่สุภาพอ่อนน้อมอย่างยิ่ง
คุณย่าใหญ่เฉินพูดอย่างสงบนิ่งว่า “พวกเราย่อมไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้วอย่างแน่นอน”
เฉินหยูจูงมือฉีเติ่งเสียนไปนั่งที่โต๊ะด้วยท่าทางสนิทสนม เธอดูพึงพอใจมากกับท่าทีของคนในตระกูลเฉินหลังจากที่เห็น
ฉีเติ่งเสียน
“ท่านทั้งหลาย ตอนนี้หนานหยางเริ่มกลับเข้าสู่เส้นทางที่มั่นคงแล้ว และตระกูลเฉินของพวกเราก็ได้เริ่มถอยฉากออกไปอยู่เบื้องหลังตามแผนที่ฉันวางไว้”
เฉินหยูพลางพูดพลางทานอาหารอย่างสบายใจและพุดว่า“และฉันก็รู้สึกยินดีที่ตลอดช่วงเวลานี้ ไม่มีใครแอบดึงขาฉันไว้จากข้างหลัง”
เฉินฝูและเฉินเย่พ่อลูกสองคนนี้ต่างก็มีสีหน้าแข็งทื่อ แต่ก็ไม่กล้าตอบโต้
คุณย่าใหญ่เฉินพูดว่า “อย่างนั้นก็แน่นอนอยู่แล้ว พวกเราเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน ในเมื่อพวกเราตัดสินใจให้เธอเป็นใจกลางแกนหลักแล้ว อย่างนั้นก็ไม่มีใครคิดจะขัดขวางเธอหรอกทำงานให้เต็มที่ได้เลย”
คุณย่าใหญ่เฉินเองก็มองสถานการณ์ออกอย่างชัดเจนว่าในตอนนี้เฉินหยูถืออำนาจอยู่ในมืออย่างเต็มตัว ใครคิดจะต่อต้าน ก็คงจะโดนจัดการภายในพริบตา แถมวันนี้เด็กคนนี้ยังตั้งใจพาฉีเติ่งเสียน คนที่ใคร ๆ ก็กลัวกันนักหนามาด้วย
ตระกูลเผยเพิ่งล้มละลายไป ทรัพย์สินกว่าหมื่นล้านถูกกวาดไปหมด คนในตระกูลเหลือเงินไม่กี่ล้านเพื่อให้ใช้ยังชีพกันทั้งตระกูล
ในตอนนี้พวกเขาถึงกับต้องย้ายออกจากหนานหยางแล้ว คนในสมาคมหัวเมิ่นที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ยังคงโกรธแค้นตระกูลเผยอย่างรุนแรง ทั้งที่มีชีวิตสุขสบายแท้ ๆกลับไปยุ่งกับพวกนอกรีตทำไมกันนะ?!
เฉินเย่พูดด้วยความขุ่นเคืองว่า “คุณย่า เฉินหยูคนนี้มันจะมากเกินไปแลว้ แล้วยังจะเชิญฉีเติ้งเซียนมาข่มขู่พวกเรา!”
คุณย่าใหญ่เฉินมองดูเขาแล้วพูดว่า“ตอนนี้เฉินหยู่มีอำนาจอยู่ในมือ พวกคุณไม่สามารถแข่งขันกับเธอได้ และจะทำได้อย่างไร คุณจะเอาชนะฉีเติ่งเสียนได้ไหม?!”
เมื่อพูดประโยคนี้จบ ทุกคนก็นิ่งเงียบไป ใช่แล้วคลาร์กตายจากน้ำมือของฉีเติ่งเสียน แล้วใครล่ะจะจัดการกับผู้ชายคนนี้ได้?
“พวกคุณก็มองเห็นสถานการณ์ปัจจุบัน ลูกศิษย์ไม่ควรดิ้นรนอย่างไร้ประโยชน์ ตระกูลเฉินจะเคลื่อนไหวอยู่เบื้องหลัง ทุกคนจะยังคงทำเงินต่อไป แต่ลืมเรื่องอำนาจไป”คุณย่าใหญ่เฉินส่ายหัวและกำหนดเหตุการณ์ในวันนี้อย่างสมบูรณ์ไว้แล้ว
เฉินเย่รู้สึกไม่เต็มใจ แต่เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้นผ่านมาไม่นานมานี้ เขาก็ยังรู้สึกใจเต้นแรงที่รอดชีวิตจากภัยพิบัติได้
เดิมทีคิดว่าการนำตระกูลจ่าวเข้ามาจะเป็นการโจมตีครั้งใหญ่สำหรับเฉินหยู แต่ไม่คาดยคิดเลยว่าจะเหมือนกับการเชิญหมาป่าเข้ามาในบ้าน และมันเกือบจะควบคุมไม่ได้ ทำให้ทั้งตระกูลเฉินล่มสลายด้วยหายนะนี้
เฉินเย่เข้าใจด้วยว่าจากนี้ไป เขาจะไม่สามารถสร้างคลื่นใดๆ ต่อหน้าเฉินหยูได้อีกต่อไป แม้ว่าเขาจะอยากกระโดด เธอก็จะกดเขาลงพื้นด้วยมือข้างเดียว
เฉินหยูรู้สึกพึงพอใจมากกับผลลัพธ์ของวันนี้ เธอมองฉีเติ่งเสียนด้วยสายตาชื่นชมและพูดว่า “ตอนนี้คุณเป็นผีจริงๆ หลังจากที่เห็นคุณ คนจำนวนมากจากตระกูลเฉินไม่กล้าแม้แต่จะพูดเสียงดัง”
ฉีเติ้งเซียนกลอกตามองและไม่ตอบกลับเธอ
เขาวางแผนที่จะกลับไปที่ ประเทศหัวกั๋วในอีกสองวัน จากนั้นจะขึ้นรถไฟไปที่จังหวัดซีเทียนซึ่งเป็นเมืองหลวงของมณฑล
เหตุผลที่เลือกขึ้นรถไฟก็คือต้องปรับตัวคุ้นชินให้เข้ากับที่ราบสูง ถ้าหากขึ้นเครื่องบินจะไม่สามารถปรับตัวได้สักพักและ ร่างกายจะมีปัญหา
หลังจากนัดหมายกับเฉินหยูเรียบร้อยแล้ว เเละการนัดครั้งถัดไป ฉีเติ่งเสียนขึ้นเครื่องบินโดยตรงและ กลับไปเมืองเซียงซาน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...