กู่ฉงเฟิงเริ่มรู้สึกนับถือฉีเติ่งเสียนมากขึ้นอยู่เล็กน้อย อย่างน้อยก็เพราะเขาเป็นคนที่ออกปากช่วยชีวิตหยวนสงเอาไว้
ส่วนหยวนสงที่บาดเจ็บสาหัสก็ถูกส่งตัวไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลในทันที
“ขอบคุณมาก” กู่ฉงเฟิงยกมือคารวะฉีเติ่งเสียนอย่างจริงใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเคารพอีกฝ่ายจากใจจริง
“ไม่ต้องเกรงใจ” ฉีเติ่งเสียนกล่าวอย่างสงบนิ่ง “คุณต้องทนตระกูลซุนเพื่อผลประโยชน์ส่วนรวม แต่ว่าฉันไม่มีความจำเป็นต้องทน นานๆ ที ชีวิตคนเราก็ไม่ควรจะต้องอดกลั้นอะไรมากมายเกินไป”
เมื่อตอนที่ลู่จ้านหลงตกอยู่ในสถานการณ์ลำบาก หลายคนก็เลือกจะยอมทนเพื่อแผนการณ์ใหญ่ ต้องวางแผนซับซ้อนเพื่อช่วยให้เขาหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา แต่มันกลับสายเกินไป ลู่จ้านหลงรอไม่ไหวถึงตอนนั้น ฉะนั้น ฉีเติ่งเสียนจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาจัดการเรื่องนี้ด้วยวิธีที่ตรงไปตรงมาและรุนแรง
เพื่อนไม่ใช่ของที่จะเอามาแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ มิตรภาพที่จริงใจนั้นล้ำค่าเกินกว่าจะมองข้ามไป ควรใส่ใจและปกป้องให้ถึงที่สุด
“สาขาย่อยของหลงเหมินในซีเทียน กำลังมีเจตนาทรยศอย่างเห็นได้ชัด หากไม่ใช่เพราะคุณคอยเตือนฉันไว้ ฉันเผลอพูดอะไรผิดออกไป พวกมันคงฉวยโอกาสก่อการเลยก็เป็นได้!” กู่ฉงเฟิงกล่าวอย่างเคร่งเครียด
จากท่าทีของซุนซิงเฉินวันนี้ กู่ฉงเฟิงก็มองออกแล้วว่าตระกูลซุนกำลังรอคอยโอกาสอยู่เพียงเท่านั้น และอาจจะเริ่มลงมือเมื่อไหร่ก็ได้ หากมีข้ออ้างเหมาะสม
ขณะที่ฉีเติ่งเสียนและกู่ฉงเฟิงกำลังคุยกัน รถคันหนึ่งก็มาจอดข้างๆ พวกเขา เป็นรถของจ้าวเทียนลู่ที่เพิ่งจากไปเมื่อครู่นั่นเอง
“คุณฉี ไม่ได้เจอกันนานนะ มากินข้าวด้วยกันสักมื้อไหม?” จ้าวเทียนลู่ยิ้มพลางเอ่ยชวน
“ได้สิ ไม่นึกเลยว่าคุณจ้าวจะกลายเป็นท่านผอ.กรมจ้าวในพริบตา อย่างนี้ก็ต้องเลี้ยงฉลองกันสักหน่อยแล้วล่ะ” ฉีเติ่งเสียนตอบ
คนที่เพิ่งจะแสดงบารมีสะเทือนทั้งสนามอย่างจ้าวเทียนลู่ ตอนนี้กลับแสดงท่าทีนอบน้อมต่อฉีเติ่งเสียนอย่างเห็นได้ชัด
ถึงแม้ทั้งสองจะเคยมีความขัดแย้งกันมาก่อน แต่ตอนนี้ก็ผ่านไปแล้ว ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรอีก ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ต้องร่วมมือกันเพื่อรับมือศัตรูภายนอก จะมัวมายึดติดกับความแค้นเก่าๆ ไปเพื่ออะไร?
“ไว้มีอะไรก็ค่อยติดต่อ ฉันไปกินข้าวกับท่านผอ.กรมจ้าวก่อนนะ” ฉีเติ่งเสียนกล่าวกับกู่ฉงเฟิง
“อืม” กู่ฉงเฟิงพยักหน้า มองฉีเติ่งเสียนขึ้นรถแล้วจึงหันหลังจากไป
จ้าวเทียนลู่พาเขาไปที่ร้านอาหารค่อนข้างดีแห่งหนึ่ง แล้วปล่อยให้ฉีเติ่งเสียนเป็นคนสั่งอาหาร ปรากฏว่าเขาสั่งรวดเดียวกว่าสิบจาน
เล่นเอาหน้าของจ้าวเทียนลู่เริ่มมืดลงในทันใด รู้สึกว่าไอ้หมอนี่จงใจเอาคืนแน่ๆ!
แต่ท่านอัครสังฆราชฉีคนนี้ไม่ใช่คนที่ใจแคบอย่างที่ใครคิด ที่เขาสั่งเยอะ ไม่ใช่เพราะฟุ่มเฟือยหรือต้องการเอาคืน แค่เขากินเก่งจริงๆ เท่านั้นเอง!
จ้าวเทียนลู่ก็ไม่ได้คิดอะไรมาก รีบรวบรวมสมาธิ แล้วเอ่ยว่า “จริงๆ ฉันได้รับแต่งตั้งมาเป็นผอ.ตำรวจที่ซีเทียนตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว ตอนนั้นคุณน่าจะยังอยู่ที่หนานหยางเลยไม่รู้เรื่องนี้”
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้า “วันนี้คุณมาได้ถูกจังหวะจริงๆ ไม่อย่างนั้นฉันกับซุนซิงเฉินคงปะทะกันจนถึงขั้นแตกหักแน่ ตอนนั้นคงต้องมีคนตาย และคุณก็คงถูกตำหนิในฐานะผู้ดูแลจังหวัดซีเทียนด้วยเช่นกัน”
จ้าวเทียนลู่เอ่ยด้วยใบหน้าเคร่งเครียดว่า “ตระกูลซุนปักหลักฝังรากลึกอยู่ที่จังหวัดซีเทียนมาหลายปีแล้ว พวกมันทำเรื่องมืดดำไว้มากมาย! ฉันเพิ่งมาถึงก็ตั้งใจจะเริ่มสอบสวนพวกมันทันที แต่ปัญหาคือสายข่าวของพวกมันกระจายอยู่ทั่วทั้งซีเทียน มันยากมากที่จะหาทางลงมือ”
ฉีเติ่งเสียนเอ่ยตอบ “ถ้าตระกูลซุนไม่มีฝีมือขนาดนั้น ก็คงไม่คิดจะแยกสาขาหลงเหมินออกไปตั้งเอง และก็ไม่มีทางได้รับการสนับสนุนจากตำหนักปู้หลุนด้วย ส่วนเรื่องมืดที่คุณว่าไว้ มันคืออะไรล่ะ? ยาเสพติด อาวุธสงคราม?”
จ้าวเทียนลู่กล่าวว่า “ค้ามนุษย์ โดยเฉพาะผู้หญิงวัยสาว...... จังหวัดซีเทียนมีคดีคนหายที่ยังไม่สามารถคลี่คลายได้จำนวนมาก ฉันสงสัยว่าทั้งหมดเป็นฝีมือพวกมัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...