มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 301

สรุปบท บทที่ 301 ใครกันที่เป็นโง่งี่เง่า: มังกรผู้ทรงพลัง

สรุปเนื้อหา บทที่ 301 ใครกันที่เป็นโง่งี่เง่า – มังกรผู้ทรงพลัง โดย จาง หลงหู

บท บทที่ 301 ใครกันที่เป็นโง่งี่เง่า ของ มังกรผู้ทรงพลัง ในหมวดนิยายนิยายโรแมนติกในเมือง เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย จาง หลงหู อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ใบหน้าของซูเจิ้งหยางเต็มไปด้วยความชอบธรรมที่ต้องการพิทักษ์ที่ฉีเติ่งเสียนที่ยืนอยู่ตรงหน้าราวกับเขาเป็นอาชญากรที่ชั่วร้าย

หลังจากฉีเติ่งเสียนได้ฟังคำพูดของซูเจิ้งหยางแล้ว อดไม่ได้จะตะลึงอยู่พักหนึ่ง หลังจากนั้นฉีเติ่งเสียนก็ถามด้วยรอยยิ้มเยาะ "นักสืบซูนี่ช่างยอดเยี่ยมจริงๆ ไม่จำเป็นต้องใช้หลักฐานเพื่อคลี่คลายคดีเลยเหรอ เพียงแค่คำพูดเพียงด้านหนึ่งของเรื่องราวก็เพียงพอแล้วเหรอ?”

ซูเจิ้งหยางหัวเราะอย่างเย็นชา โบกมือใหญ่ พูดอย่างเย็นชา "คุณเอาอะไรมาและคุณมีคุณสมบัติอะไรที่จะมาสอนผมว่าจะตัดสินคดีอย่างไร ผมบอกว่าคุณมีความผิด งั้นคุณก็มีความผิด!"

“ถึงแม้ว่าคุณจะไม่มีความผิดจริงๆ แต่คุณก็ยังรู้สึกผิดต่อหน้าผมอยู่ดี!”

“ ถ้าหากคุณกล้าต่อต้าน กล้าที่จะตั้งคำถามกับผม นั้นก็จะทำให้คุณต้องถูกลงโทษเพิ่มเติมด้วย!”

คำพูดของซูเจิ้งหยางทำให้เฉียวกั๋วเทานั้นรู้สึกโกรธจนตัวสั่นไปหมด ชอบรังแกคนอื่นแบบนี้นะหรอ? ชอบทำอะไรตามอำเภอใจไม่แยกแยะและไม่ฟังคำอธิบายของคนอื่นเลย เพียงเพราะเรื่องไร้สาระของหลงจงฉวน เขาจะถูกฉีเติ่งเสียนตัดสินลงโทษอย่างง่ายดายเหรอ? !

“คนที่พูดแบบนี้เหมือนคุณครั้งที่แล้วคือหัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจใหญ่อย่างจ้าวเทียนลู่”ฉีเตีงเสียนพูดอย่างไม่แยแส

“โอ้? จริงเหรอ?” ซูเจิ้งหยางอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างสนุกสนาน “แล้วไงล่ะ”

“แน่นอนแล้วว่าเขากลับตัวกลับใจและตัดสินใจที่จะเป็นหัวหน้าตำรวจที่เที่ยงตรงและยุติธรรม” ฉีเติ่งเสียนกล่าว

ซูเจิ้งหยาง หลงจงฉวน เหวินเฟิง และลูกน้องใต้บังคับบัญชาสองคนที่ตามมา ชั่วขณะนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา แล้วคิดว่านี่เป็นเพียงสิ่งที่ไร้สาระที่สุดในโลก!

ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่าขยะชิ้นนี้มีความสามารถที่จะทําให้จ้าวเทียนลู่นั้นก้มหัวให้เขาได้หรือไม่? ถึงแม้ว่าจะฆ่าพวกเขาให้ตายก็ไม่เชื่อ!

หลงจงฉวนโบกมือแล้วพูดว่า "สารวัตรซูหยุดพูดไร้สาระกับขยะพวกนี้ได้แล้ว รีบจับพวกเขาและพาเขาไปที่สถานีตำรวจเพื่อดำเนินการให้เร็วที่สุด"

“เรื่องเหลือเดี๋ยวผมจะสะสางเอง คุณไม่จำเป็นต้องกังวล ผมจะดูแลตระกูลเฉียวเอง”

“ถ้าหากลงมือทำสิ่งต่าง ๆได้ เรียบร้อย เมื่อถึงเวลาผมจะมีคำพูดดีๆ สองสามคำให้คุณ”

หลังจากฟังคำพูดของหลงจงฉวน แล้วซูเจิ้งหยางก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกพึงพอใจและหัวเราะอย่างภาคภูมิใจโดยพูดว่า "เอาล่ะ โอเคๆ คุณหลงไม่ต้องกังวล ผมจะทำให้ผู้ชายคนนี้ยอมรับสารภาพผิดเอง!"

ฉีเติ่งเสียนมองไปที่ใบหน้าซูเจิ้งหยางที่ไม่แสดงสีหน้าท่าทางใดๆออกมาและพูดว่า "ผมจะให้โอกาสคุณจัดการคดีนี้อย่างยุติธรรม ถ้าหากคุณยืนกรานที่จะจัดการด้วยแนวทางของตัวเอง ผมก็ไม่เป็นไรจะได้ปล่อยให้หัวหน้าเจ้าหน้าที่ตำรวจ อย่างคุณจ้าวสอนวิธีที่จะเที่ยงตรงและยุติธรรม!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ตอนนี้ขยะชิ้นนี้ยังคงอวดดีอยู่ ถ้าเขารู้จักคนอย่างหัวหน้าตำรวจจ้าว แล้วเราจะไม่รู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

"นั่นคือถ้าเขารู้จักสารวัตรจ้าว แล้วพวกเราจะไม่รู้เรื่องนี้เหรอ"

“ด้านนอกนั้นยังมีคนโง่อีกมากมายที่โอ้อวดว่าพวกเขารู้จักผู้บัญชาการจ้าว ดังนั้นอย่าไปสนใจพวกเขาเลย”

ลูกน้องใต้บังคับบัญชาของซูเจิ้งหยางต่างก็หัวเราะออกมา โดยรู้สึกว่าฉีเติ่งเสียนนั้นพยายามแสดงตัวว่าเขารู้จักหัวหน้าผู้บัญชาการจ้าว แต่ผู้บัญชาการจ้าวนั้นจะรู้จักเขาหรือเปล่านั่นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง

ซูเจิ้งหยางอดไม่ได้ที่จะเผยรอยยิ้มเยาะเย้ยบนใบหน้าของเขาและพูดว่า "ถ้าคุณโทรหาหัวหน้าผู้บัญชาการจ้าวได้ ผมก็สามารถโทรหาปลัดหยางหลิงกวงได้โดยตรง!"

“ในเมื่อว่าคุณอยากเจอหยางหลิงกวงไม่ใช่ว่ามันจะเป็นไปไม่ได้ ผมสามารถตอบสนองความปรารถนาที่จะตายของคุณได้” ฉีเติ่งเสียนพูดออกมาอย่างเย็นชา

หลงจงฉวนปล่อยเสียงหัวเราะออกมา

ซูเจิ้งหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็เริ่มหัวเราะตาม

“สักครู่หนึ่งก็ได้พบกับผู้บัญชาการจ้าว และอีกสักครู่ต่อมาได้พบกับปลัดหยางกวงหลิง ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า...”

“ คุณนักสืบซู หากคุณยังคุยกับเขาต่อไป เขาคงจะสติแตกแน่!”

“ผมก็คิดแบบนั้น คนแบบนี้มันเป็นคนปัญญาอ่อนจริงๆ ยื่นเสาให้เขาแล้วปีนขึ้นไปได้เลย”

เห็นได้ชัดว่าไม่มีใครเชื่อคำพูดของฉีเติ่งเสียนเลยสักคน พวกเขาทั้งหมดคิดว่าเขาคุยโวโอ้อวดมาก

ฉีเติ่งเสียนหยิบโทรศัพท์มือถือของเขาออกมา แล้วกดหมายเลขโทรศัพท์ของจ้าวเทียนลู่และพูดอย่างใจเย็นว่า "ผู้บัญชาการจ้าว คุณรู้จักซูเจิ้งหยางหรือไม่"

“ซูเจิ้งหยางนะเหรอ นั่นคือนักสืบภายใต้กำมือผม ทำไมคุณฉีถึงถามเกี่ยวกับเรื่องนี้” จ้าวเทียนลู่ถามอย่างประหม่า

“ใช่ คนแบบนี้จะรู้จักผู้บัญชาการจ้าวของพวกเราได้อย่างไร ไม่ใช่ว่าเขาแค่กำลังสร้างเรื่องตลกระดับนานาชาติ!”

"ทุกคนต่างมองหน้าผู้บัญชาการจ้าวสักพักหนึ่งแล้วมองหน้ากันสลับกับปลัดหยาง คนที่ทุกคนล้วนรู้จักว่าเป็นคนใหญ่คนโต ฮ่าๆๆ..."

ในเวลานี้ทุกคนที่หัวเราะเยาะเย้ยฉีเติ่งเสียนนั้นและพวกเขาก็ไม่ลืมที่จะประจบสอพลอซูเจิ้งหยาง แล้วชื่นชมเขาที่ทำสิ่งที่ถูกต้อง

หลงจงฉวนกล่าวด้วยรอยยิ้มแล้วทักทายว่า "นักสืบซูดูเหมือนจะเห็นขยะประเภทนี้มากเกินไปแล้วนะและเขาไม่เต็มใจที่จะให้โอกาสแม้จะโอ้อวดด้วยซ้ำ"

ซูเจิ้งหยางพูดอย่างใจเย็นว่า "เมื่อต้องรับมือกับคนแบบนี้ ไม่จำเป็นต้องพูดคุยกับเขา!"

หลังจากพูดประโยคนี้ซูเจิ้งหยางก็หยิบกุญแจมือออกจากเอวของเขาแล้วเตรียมตัวที่จะใส่ให้ฉีเติ่งเสียน

“จะใส่เองหรือให้ผมช่วยใส่? คุณเลือกเอง” ซูเจิ้งหยางถามอย่างเยาะเย้ย

หลงจงฉวนพูดอย่างภาคภูมิใจ "คุณฉี คุณแสดงอาการเสแสร้งออกมาได้ไม่เก่งเหรอ?"

“ไม่ใช่ว่าคุณเป็นผู้ที่ร้องขอให้ผมเรียกคนเก่งๆ ทุกคนที่อยู่ที่นี้ทำได้เหรอ?”

“ทำไมละ ผมเพิ่งจะโทรหาคนแรกเอง แค่นี้คุณทนไม่ไหวแล้ว?”

“ ถ้าคุณทนไม่ไหวแล้ว ก็รีบคุกเข่าลงแล้วเรียกผมว่าคุณปู่สักร้อยครั้ง แล้วส่งเฉียวชิวเมิ่งไปที่ห้องของผมโดยซื่อตรง ผมจะพิจารณาปล่อยคุณไป!”

ฉีเติ่งเสียนยื่นมือของเขาให้ซูเจิ้งหยางอย่างเฉยเมย และพูดว่า "มาลองจับผมสิ!"

ซูเจิ้งหยางยิ้มอย่างเหยียดหยาม แล้วมีใครบ้างที่เขาไม่กล้าทรมาน?

เขาเดินตรงเข้าไปหยิบกุญแจมือขึ้นมาและใส่กุญแจมือให้ฉีเติ่งเสียน!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง