สวีเอ้าเสวี่ยมาถึงร้านอาหารก่อนหน้านี้แล้วและวันนี้เธอก็เหมาร้านอาหารแห่งนี้ด้วยราคาสูงไม่เบา
ชายชราวัย 60 ปีในชุดดำยืนอยู่ข้างเธอ เขาแบกกระเป๋าสัมภาระสีดำไว้บนหลัง กระเป๋าใบนี้ยาวประมาณหนึ่งเมตร ดูนูนๆ ออกมา ไม่รู้ว่าด้านในมีอะไร
เขาผู้นี้คือซู่หยูเจี๋ยที่ตระกูลสวีนับถือ ผู้ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น “เทพหอก” โดยชุมชนศิลปะการต่อสู้ในเมืองหลวงเมื่อยี่สิบปีก่อน!
ซู่หยูเจี๋ยพูดด้วยท่าทีสงบ “คุณดูสับสนนะคุณหนู ไม่บ่อยที่จะเห็นคุณเป็นแบบนี้”
สวีเอ้าเสี่ยยิ้มอย่างอดไม่ได้ “ลุงซู่ดูออกหมดเลยสินะ! ดูเหมือนว่าช่วงนี้สภาพของฉันคงไม่ค่อยดีเท่าไร”
ซู่หยูเจี๋ยพูดว่า “ไม่เป็นไร วันนี้จะสะสางเรื่องนี้ได้แน่ ถ้าเขายอมถอยก็ดีไป แต่ถ้าเขาไม่ถอยก็ช่างเขา ยังไงเรื่องนี้ก็ต้องจบลงที่นี่”
ขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน เสียงหัวเราะดังสนั่นของชายหนุ่มคนหนึ่งก็ดังมาจากนอกร้าน เมื่อเสียงหัวเราะเข้ามาด้านในมันก็ทำให้แก้วบนโต๊ะสั่นและน้ำในก็แก้วสะเทือนจนเป็นระลอกคลื่น
“จ้าวเหิงหยู่มาแล้ว” คิ้วสีดำที่แซมด้วยสีขาวของซู่หยูเจี๋ยขยับเล็กน้อยและเขาก็พูดอย่างใจเย็น
ชายหนุ่มสูง 1.75 เมตรก้าวเข้ามา ในมือถือลูกเหล็กขนาดเท่าหัวแม่มือไว้จำนวนหนึ่ง ระหว่างที่เดินเขาก็โยนลูกเหล็กเข้าปากและกลืนลงท้อง
สวีเอ้าเสวี่ยพูดด้วยความประหลาดใจ “อาจารย์จ้าว ลูกเหล็กที่คุณกินเข้าไป มันย่อยได้เหรอ”
จ้าวเหิงหยู่เทลูกเหล็กที่เหลือทั้งหมดเข้าปาก กลืนพวกมันลงไปเหมือนลูกอมและพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คุณหนูสวีไม่รู้อะไรเสียแล้ว ผมเป็นภาวะภูมิต้านทานบกพร่องตั้งแต่กำเนิด”
“หน้าหนาวมาเยือนทีไรก็รู้สึกท้องไส้ไม่สบายตัว!”
“ผมเลยต้องกินลูกเหล็กเป็นครั้งคราวเพื่อลดแก๊สในกระเพาะ”
“เมื่อแก๊สในกระเพาะคงที่ ผมก็ค่อยคายออกมา”
สวีเอ้าเสวี่ยตะลึงอย่างอดไม่ได้ หากคนส่วนใหญ่กลืนโลหะเข้าไปโดยไม่ตั้งใจ พวกเขาคงต้องการผ่าตัดเพื่อเอามันออก เธอไม่คาดคิดว่าจ้าวเหิงหยู่จะกลืนลูกเหล็กจำนวนมากขนาดนี้เพื่อลดแก๊สในกระเพาะ นี่มันเหลือเชื่อมาก!
“ท่านผู้นี้คงเป็นซู่หยูเจี๋ย เทพหอกที่ตระกูลสวีนับถือสินะ ผมอยากพบคุณมานานแล้ว! ท่านอาจารย์ของผมพูดถึงคุณอยู่บ่อยๆ เขาบอกว่าวิชากระบองยักษ์ของคุณสุดยอดมาก ถ้าเทียบในสมัยโบราณก็คงเป็นจ้าวจื่อหลงที่มาพร้อมม้าขาวและหอกเงิน” จ้าวเหิงหยู่พูดพร้อมกับยกมือคารวะซู่หยูเจี๋ย
ตอนแรกซู่หยูเจี๋ยไม่ได้มีความประทับใจที่ดีต่อรุ่นน้องผู้หยิ่งยโสคนนี้เท่าไรนัก แต่เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงอาจารย์จ้าวเปี้ยนจื่อ ซู่หยูเจี๋ยก็ลุกขึ้นแสดงความเลื่อมใส ยกมือคารวะและพูดว่า “ฉันคนนี้ความสามารถอ่อนด้อย ความรู้ก็ตื้นเขินนัก ไม่คู่ควรกับคำชมเช่นนี้จากผู้อาวุโสจ้าว!”
จ้าวเหิงหยู่ยิ้มและพูดว่า “ผมก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน เพราะผ่านมาหลายปีก็ได้ยินแค่ชื่อ ยังไม่เคยเจอตัวเป็นๆ เลย!”
หลังจากได้ยินเช่นนั้น สายตาของซู่หยูเจี๋ยก็แปรเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที นี่หนุ่มคนนี้กล้าท้าทายเขางั้นเหรอ
“หากชื่อเสียงของอาจารย์ซู่เป็นเพียงชื่อเสียงจอมปลอม คุณก็รีบกลับไปจะดีกว่า ผมจะได้ไม่ต้องเสียเวลา” จ้าวเหิงหยู่ยิ้ม
ซู่หยูเจี๋ยแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาและตบมือลงบนกระเป๋าสัมภาระของเขา หลังจากเสียงตบดังลั่น สัมภาระก็กระจายออกและสิ่งของด้านในก็หล่นออกมา
สิ่งแรกที่หล่นออกมาคือหัวหอกสีเงิน ตามด้วยแท่งโลหะหลายอัน
เขาโบกมือทั้งสองไปมาในอากาศ แต่ไม่เห็นว่าทำอะไร หลังจากเสียงก๊อกๆ แก๊กๆ ดังขึ้น แท่งเหล็กก็เชื่อมต่อกัน หัวหอกต่อเข้าด้านล่างและกลายเป็นหอกใหญ่ยาวกว่าสองเมตร!
ในยุทธภพมีคำพูดว่า ดาบเดือน กระบองปี หอกชั่วชีวิต
แน่นอนว่าความหมายของมันคือ วิถีแห่งหอกยากจะฝึกฝน อีกความหมายหนึ่งก็คือการทำหัวหอกไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าต้องการทำหัวหอกดีๆ สักอันก็ต้องใช้เวลากว่าครึ่งชีวิต!
บางคนถึงกับปลูกต้นอ่อนหนึ่งต้นขณะเรียนหอก จากนั้นก็ดูแลอย่างระมัดระวัง จนเมื่อต้นอ่อนโตจนได้ที่ก็ตัดมันออก แช่ในยาและใช้วิธีลับหลอมมันเข้าไปในด้ามหอก
แม้ว่าหัวหอกของซู่หยูเจี๋ยจะทำจากเหล็ก แต่ก็เป็นเหล็กชั้นดีที่โค้งงอได้ดี ไม่ได้ด้อยไปกว่าปลายหอกที่ต้องใช้เวลาทั้งชีวิตในการลับคม
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...