ในการประเมินสนามแรกของการต่อสู้ของฉีเติ่งเสียน ผู้คุมทั้งสี่ ล้วนถูกเขาจัดการหมดแล้ว
ถึงแม้ว่าฮว่าโต๋จะฟื้นกลับมาได้ ทั้งชีวิตนี้ของพวกเขาก็อย่าได้หวังว่าจะได้กลับไปจุดสูงสุดอีก
ร้านอาหารมีชื่อว่า“หมิงยื่อ” ชื่อนี้ แสดงให้เห็นถึงอารมณ์ตอนนั้นของสวี่ไป๋หลิวไม่มากก็น้อย
อวี้เสี่ยวหลงพาฉีเติ่งเสียนเดินเข้าไป หาที่นั่ง แล้วจึงสั่งอาหาร
หลังจากที่อาหารมาเสิร์ฟ “ชิมไหม?” อวี้เสี่ยวหลงถาม
ฉีเติ่งเสียนก็ไม่เกรงใจ หยิบตะเกียบขึ้นมาชิมปลากะพงก่อนหนึ่งคำ สดใหม่ ถึงรสมาก
หลังจากนั้น เขาก็ชิมซุปไก่ต่อ ไม่เค็มและไม่จืด รสชาติยอดเยี่ยม......
ถัดมาก็ค่อยๆไล่ชิมอาหารสองสามอย่างที่อยู่บนโต๊ะ อย่างน้อยอวี้เสี่ยวหลงก็ไม่เหมือนลู่จ้านหลง เวลาเธอสั่งอาหาร เธอมักจะสั่งเกินเสมอ นอกจากนั้นอาหารส่วนมากเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงไขมันต่ำ
“รสชาตินี้เรียกได้ว่าเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ไป๋หลิวได้เชฟฝีมือดีมา?!” ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยความตะลึง
อวี้เสี่ยวหลงกลับส่ายหน้าพูด “ไป๋หลิวนั่นแหละเชฟ”
ฉีเติ่งเสียนพูดด้วยความตะลึง “เธอไม่ได้ถูกผมแทงตาบอดไปแล้วหรอ?นี่ยังทำอาหารได้อีก!”
“เธอไม่ได้ลงมือทำด้วยตัวเอง แค่ออกคำสั่งเฉยๆ แต่เดิมฝีมือการทำอาหารของเธอก็ไม่เลว หลังจากที่โดนนายแทงจนตาบอด ฝีมือการทำอาหารก็ดีขึ้นไปอีก” อวี้เสี่ยวหลงพูด
ฉีเติ่งเสียนรู้สึกว่ามันก็สมเหตุสมผลอยู่เหมือนกัน ตาของไปหลิวบอดแล้ว ศิลปะการต่อสู้จะฝึกก็ฝึกได้ แต่ฝึกไปก็ไร้ประโยชน์ ยังไงก็มีเพียงความว่างเปล่า......
หลังจากที่ค่อนชีวิตของเธออยู่ที่ จึงเปลี่ยนความตั้งใจหันมาศึกษาด้านการทำอาหารแทน
ทั้งสองที่พึ่งจะกินไปได้ไม่กี่คำ ไป๋หลิวก็ออกมา
ใบหน้าสวมใส่แว่นดำที่ทั้งหนาและหนัก โดยพื้นฐานแล้วมองไม่เห็นดวงตาภายใต้แว่นอันนั้น
ราวกับว่าเธอสามารถมองเห็นอย่างไรอย่างนั้น เดินมาอยู่ข้างโต๊ะได้อย่างชำนาญ “อาจารย์ฉี อาหารของฉันถูกปากอาจารย์ไหม?”
“ไม่เลวเลย เธอไม่ได้ใส่ยาพิษใช่ไหม?” ฉีเติ่งเสียนกล่าว
ไป๋หลิวอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ “ถึงแม้ว่าอาจารย์จะทำให้ฉันตาบอด แต่ฉันไม่ถือโทษโกรธแค้น ฉันฝึกศิลปะการต่อสู้ อีกทั้งยังได้สู้กับอาจารย์ อย่างนั้นก็ต้องเตรียมใจที่จะยอมรับผลตอบแทนไว้หมดแล้ว”
ฉีเติ่งเสียนพยักหน้า ไป๋หลิวจุดนี้ถือว่าเข้าใจได้ดี เมื่อเทียบกับคนประเภทเซี่ยขวางหลงแล้วแข็งแกร่งกว่าร้อยเท่า
“ฉันขอแนะนำอาจารย์ด้วยเมนู ผักกาดขาวต้มน้ำเปล่า นี่เป็นเมนูที่ฉันไปเรียนมาจากเชฟระดับประเทศ......” ไป๋หลิวพูดพร้อมชี้นิ้วไปที่อาหารจานหนึ่งที่อยู่บนโต๊ะ
ฉีเติ่งเสียนเลิกคิ้ว “เธอมองเห็น?!”
ไป๋หลิวส่ายหน้า “ลูกตาสองดวงนี้ก็เสียไปหมดแล้ว จะเห็นอะไรได้อีก? ถึงแม้ว่าการมองเห็นของฉันจะใช้ไม่ได้แล้ว แต่การดมกลิ่นกลับดีกว่าเดิมมาก”
ฉีเติ่งเสียนคีบผักกาดขึ้นมาหนึ่งใบ แล้วนำเข้าปาก สดและกรอบมาก แฝงด้วยรสหวานประจำตัวของผัก อีกทั้งยังมีกลิ่นหอมเครื่องเทศของน้ำแกง มีเอกลักษณ์เป็นที่สุด
เขากำลังจะเอ่ยปากชม ทันใดนั้นประตูบานใหญ่ของร้านก็ถูกแรงถีบจนกระจาย
หลังจากนั้น ก็มีคนจำนวนหนึ่งเดินจ้ำเข้ามาในร้าน
“ไป๋หลิว นังสารเลว สุดท้ายก็มีวันนี้!” หลังจากชายที่อายุประมาณสามสิบที่เป็นหัวหน้าได้เห็นไป๋หลิวแล้ว จึงตะโกนพูดพร้อมแสยะยิ้ม
“เหวินชางหวู่?” หลังจากที่ไป๋หลิวได้ยินน้ำเสียงนี้ คิ้วค่อยๆขมวดเข้าหากัน จากนั้นจึงเรียกชื่อฝ่ายตรงข้ามออกมาอย่างช้าๆ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง
ตั้งแต่ตอนที่ 217 ถ้าไม่อัพให้เต็มตอนก็คงต้องเลิกอ่านถาวรแล้ว...
อัพอีกวันไหนคะรับ...
ตอนละ6/7บรรทัด อัพใหม่ที...
ข้อความหายอีกแล้วครับ 280-284...
คนอัพไม่ดูเลยเหรอครับมันมาไม่กี่บรรทัดเอง...
ขาดตอนเลยครับ เนื้อหาไม่ครบแบบนี้...
ทำไมแต่ละตอนมันสั้นจัง...
253-264 ทำไมสั้นจังครับ...
ถ้าอัพมาแค่4, 5บรรทัดเลิกอัพเถอะ...
242 - 246 ข้อความขึ้นไม่ครบครับ...