มังกรผู้ทรงพลัง นิยาย บท 874

โจวกวางหรงรู้ดีว่าเขากำลังเผชิญสถานการณ์ที่ยากลำบากอยู่ เขาเริ่มมีความกังวล แต่เขาต้องอดทนเพื่อจัดการกับฉีเติ่งเสียนก่อน

เมื่อเห็นฉีเติ่งเสียนถูกกรงเล็บของนกอินทรีจับไว้ เขาก็ขยับเท้า บิดตัว หันหลังกลับ แล้วในขณะเดียวกันเขาฟาดแขนเหมือนแส้เบา ๆ ไปที่ด้านหลังของฉีเติ่งเสียน

พุ่งไปยังไปทางกระดูกสันหลัง ถ้าถูกโจมตีกระดูกสันหลังจะแยกออกจากกันทั้งหมด!

ท่าเท้าแปดทิศของฉีเติ่งเสียนคืออะไร? ถึงท่าเท้าแปดทิศสภาวะสมบูรณ์แบบได้ยังไง

ก่อนที่มือแส้ของโจวกวางหรงจะโจมตีลงมา เขาได้ก้าวเป็นวงกลมแล้วหันหลังกลับ แต่นอกเหนือจากฝีเท้าท่าก้าวแปดทิศแล้ว เขายังใช้เทคนิคสิงอี้ในเพิ่มเข้ามาอีกด้วย

ร่างกายของเขาแกว่งไปมาราวกับหมีแก่ที่แข็งแกร่ง เหยียดแขนออก เปิดกรงเล็บ และคว้าไหล่ของโจวกวางหรงเอาไว้!

นี่คือท่าพิเศษ “หมีอินทรีรวมร่าง” ของหมัดสิงอี้เมื่อเปิดตัว มือทั้งสองข้างก็ปิดไหล่ซ้ายกับขวาของโจวกวางหรงทันที

โจวกวางหรงในใจรู้สึกหนาวสั่น เขารู้ว่าระดับกังฟูของฉีเติ่งเสียนนั้นสูงมาก แต่เขาไม่คิดว่ามันจะถึงระดับนี้ เขาจึงลดไหล่ทันที พยายามใช้ “จั๊กจั่นลอกคราบ” เพื่อกำจัดจากการจับกุมของฉีเติ่งเสียน

แต่นิ้วของฉีเติ่งเสียนก็ดันเข้าด้านใน นิ้วทั้งสิบนั้นเหมือนกับมีดเหล็กสิบเล่มแทงเข้าไปในผิวหนังกับเนื้อของโจวกวางหรง มันแทบจะบีบกระดูกไหปลาร้าของเขาให้แตกละเอียด!

โจวกวางหรงกัดฟันพยายามส่ายกัวไหล่ พยายามผลักฉีเติ่งเสียนออกไป

แต่เมื่อกรงเล็บนกอินทรีของฉีเติ่งเสียนถูกจิกเข้าไปในเนื้อ มันจะถูกสลัดออกอย่างง่ายดายได้อย่างไร?

แม้ว่าจะเป็นลูกบอลเหล็กขนาดใหญ่ที่มีน้ำหนักหลายสิบหรือหลายร้อยกิโลกรัม เขาก็สามารถจับมันด้วยมือเปล่า สามารถถือไว้ได้เป็นเวลาหลายชั่วโมงโดยไม่หล่นลง

วินาทีถัดมา โจวกวางหรง เห็นร่างของฉีเติ่งเสียน ขึ้นลงเหมือน เหมือนเต่าพยายามจะขึ้นจากน้ำ หลังจากนั้นทันทีมวลพลังงานขนาดใหญ่เริ่มเคลื่อนไหวจากไหล่ทั้งสองข้างที่เขาจับไว้!

เต่าเป็นสัตว์ที่ฉลาดที่สุดในการลอยน้ำ ในลักษรณะหมุนน้ำไปทางซ้ายขวา!

ท่านี้ยังเป็นทักษะเฉพาะด้านกับความหมายอีกด้วย จึงถูกเรียกว่า “เต่าโผล่น้ำ”

การเคลื่อนไหวนี้ไม่ได้อยู่ในวิธีการต่อสู้ทั่วไปของหมัดสิงอี้และไม่สามารถพูดได้ว่าเป็นวิธีการต่อสู้ด้วยซ้ำ แต่รวมอยู่ในวิธีการฝึกซ้อม

ศิลปะการต่อสู้ของหัวกั๋วแบ่งออกเป็นการสร้าง ฝึกฝน ต่อสู้ และการแสดง

บำรุงรักษาร่างกายเป็นสิ่งสำคัญที่สุด รองลงมาคือการฝึก จากนั้นคือการเลือกใช้รูปแบบการต่อสู้ และสุดท้ายคือการแสดงออกมา

วิธีการฝึกฝนกับวิธีการต่อสู้นั้นแตกต่างอย่างสิ้นเชิง บางครั้งก็ตรงกันข้ามไปเลย สิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อมจะไม่เหมือนในการต่อสู้จริง!

ท่า “เต่าโผล่น้ำ” ของฉีเติ่งเสียนเดิมใช้เพื่อฝึกทักษะจ้วงกง ทักษะร่างกาย และพลังงาน พอทุกอย่างมาอยู่ในมือเขามันกลายเป็นการแสดงที่ลุ้นระทึกเพราะมันสามารถฆ่าคนได้!

ในระดับของเขา แม้แต่ “ท่าหลานจาอี” ที่ใช้สำหรับการแสดงไทเก๊กโดยเฉพาะก็ยังสามารถโจมตีผู้คนได้

ด้วยการขยับมือทำให้โจวกวางหรงถึงกับกรีดร้อง เสียงกระดูกถูกหักเป็นชิ้นดังเข้าหูคนที่อยู่ในบริเวณนั้น

ทุกคนเห็นเหตุการณ์ที่น่าสะพรึงกลัว...

แขนซ้ายกับขวาของโจวกวางหรงถูกฉีเติ่งเสียนฉีกออกจากตรงกลางกระดูกไหปลาร้าทั้งสองข้าง! บาดแผลที่ฉีกขาดนั้นไม่สม่ำเสมอ มีเศษเนื้อ หลอดเลือด เส้นเอ็น กระดูกห้อยอยู่ และมีเลือดไหลออกมาราวกับน้ำพุ

แม้แต่คนที่โตมากับความโหดร้ายมากมายในตู่ซานเจี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าขนลุก สมองส่วนหลังก็เกิดอาการชา

โจวกวางหรง กรีดร้อง ก่อนก้าวถอยหลังอย่างต่อเนื่อง เพราะเขาสูญเสียแขนไปสองข้าง ร่างกายของเขาจึงไม่สามารถรักษาสมดุลได้ เสียงดังปัง เขาจึงล้มลงแทบเท้าของโอวโม่

ใบหน้าขอโอวโม่ซีดลงด้วยความหวาดกลัว เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นนายใหญ่โจวกวงหรงนอนอยู่บนพื้น

ฉีเติ่งเสียนเป็นคนที่โหดร้ายที่สุดเมื่อพูดถึงการโจมตี ทุบตีพวกเขาจนตายไปทีละรายเกือบทุกครั้งหรือแม้แต่ฉีกแขนหรือทำให้ขาพิการ

ในตอนแรกสวีอวี้เจียกับเหวินหย่งฟู ถูกฉีเติ่งเสียนฉีกแขนออก แขนของพวกเขาถูกฉีกออกบริเวณกล้ามเนื้อเดลทอยด์บริเวณไหล่ ทำให้พวกเขาแทบจะไม่สามารถควบคุมร่างกาย ปิดหลอดเลือดเพื่อที่จะพยายามช่วยชีวิตพวกเขาได้

แต่โจวกวงหรงแตกต่างออกไปฉีเติ่งเสียนบีบตรงกลางไหล่แล้วฉีกออกจากบริเวณกระดูกไหปลาร้า ทำให้ขาดเป็นสองท่อน!

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มังกรผู้ทรงพลัง