ในชั่วขณะนั้น ทั้งห้องปกคลุมไปด้วยความเงียบงัน สายตาทุกคู่จับจ้องที่ฉู่เยว่โดยพร้อมเพรียงกัน
"เจ้าพูดอะไรออกมาฉู่เยว่? เจ้าจะพูดจาพล่อย ๆ เพื่อเป็นพยานให้มันไม่ได้นะ"
ในตอนที่ฉู่เวยกล่าวเช่นนั้น มันจ้องเขม็งไปยังฉู่เยว่ ด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า นี่คือสัญญาณเตือน ความหมายของมันนั้นชัดเจนโจ่งแจ้ง เพราะฉู่เยว่ดันพูดความจริงที่มันต้อง การซ่อนไว้
"ข้ามิได้งี่เง่าพูดจาไร้สาระ วันนั้นตอนที่ฉู่เจินและฉู่เฟิงท้าพนันกัน ข้าก็อยู่ตรงนั้นด้วย แล้วฉู่เจินเอง เจ้าเองนั่นแหละที่ขอให้ข้าเป็นพยานให้"
ในตอนนั้น ฉู่เยว่ไร้ซึ่งความหวั่นเกรงต่อฉู่เวยอีกต่อไป นางยืนข้างฉู่เฟิง ราวกับต้องการบอกให้คนที่อยู่ในห้องนี้รู้ว่านางอยู่ฝ่ายไหน
ครานั้นไม่ใช่เพียงแค่ฉู่เจินเท่านั้น แม้กระทั่งฉู่เฉิง ฉู่เวยและคนส่วนใหญ่ในตระกูลฉู่ก็เริ่มหน้าเผือดสีขึ้นมาในทันที
พวกมันไม่คาดคิดมาก่อนว่า ฉู่เยว่จะทำเพื่อฉู่เฟิงเช่นนี้ เพราะการทำแบบนี้ก็เหมือนกับเป็นปฏิปักษ์กับคนตระกูลฉู่ทั้งตระกูลอีกด้วย
อันที่จริง แม้กระทั่งฉู่เฟิงเองก็ยังประหลาดใจ เพราะ การกระทำเช่นนี้ ราวกับว่าฉู่เยว่ยอมเป็นศัตรูกับคนมากมาย ใจของมันร้อนวูบขึ้นมา
"ฉู่เจินเจ้าจะตระบัดสัตย์ไม่ชดใช้หนี้รึ?" ฉู่เฟิงตั้งใจกดดันบีบคั้นเข้าไปอย่างต่อเนื่อง ในเมื่อฉู่เยว่เป็นประจักษ์พยานให้มันเช่นนี้ มันมิอาจคิดว่าฉู่เจินจะกล้าปฏิเสธ
"ข้า…" ใบหน้าฉู่เจินเหยเก เพราะมันมิอาจคิดคำตอบให้คำถามนั้นได้
ในแต่ละปี ตระกูลฉู่จะมอบหญ้าเซียนทิพย์ให้สมาชิกในครอบครัวคนละต้น นอกจากต้นที่ได้รับมานั้น ไม่มีหนทางอื่นที่จะได้รับเพิ่มอีกเลย
ปีนี้ฉู่เจินเพิ่งได้รับหญ้าเซียนทิพย์มา และมันก็เตรียมการที่จะใช้เพื่อพัฒนาพลังทิพย์ยุทธ์ให้ไปถึงห้วงที่สี่ แล้วมันจะมอบให้คนอื่นได้อย่างไรเล่า?
"อืม ถ้าเป็นความจริงแล้วอย่างไรเล่า?"
"เจ้าเข้าสำนักมังกรครามพร้อมกับฉู่เจิน มันผ่านเข้าเป็นศิษย์ฝ่ายในเมื่อสองปีที่แล้ว ส่วนเจ้าช้าไปสองปี"
"เรื่องนั้นไม่ต้องบอกข้า พี่ชายเจ้าควรรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น"
"ถ้าเจ้าตระบัดสัตย์ไม่ยอมชดใช้หนี้ ก็ยอมรับมาเถอะ ข้าทำเป็นลืมเสียก็ได้ แต่เจ้าต้องให้มันยอมรับด้วยตัวเองว่า วาจาของมันดั่งผายลม และเชื่อถืออันใดไม่ได้เลย" ฉู่เฟิงไม่ยอมปล่อยมันไปง่าย ๆ
"เจ้า…" ถ้อยคำเหล่านั้นทำให้ฉู่เจินกัดฟันกรอดด้วย ความเกรี้ยวโกรธ มันมิอาจปฏิเสธอะไรได้เลย ด้วยความที่ว่ามันคือเรื่องจริง
"ฮ่า ฮ่า น่าขันสิ้นดี ตระบัดสัตย์ไม่ชดใช้หนี้เรอะ? ข้าเคยพูดอะไรแบบนั้นเมื่อไหร่?"
"เจ้าเอาหญ้าเซียนทิพย์ของฉู่เจินไปก็ได้ แต่เจ้าก็ต้องยอมรับต่อหน้าธารกำนัลว่า เจ้าเป็นขยะที่ไร้ค่าในตระกูลฉู่ และเป็นไอ้งั่งที่ใช้เวลาถึงห้าปีจึงผ่านการทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายใน"
"ข้าพูดถูกหรือไม่พี่น้องทุกท่าน?" ฉู่เฉิงเปล่งเสียงดังสนั่น
"ถูกแล้ว ฉู่เฉิงพูดถูก"
"อย่างที่บอก ถ้าเจ้าอยากได้หญ้าเซียนทิพย์ก็ต้องยอม รับว่าเจ้ามันขยะ ถ้าเจ้ายอมรับล่ะก็ ข้าก็จะยินยอมมอบหญ้าเซียนทิพย์กับเจ้าโดยไม่มีข้อแม้ ถือว่าเมตตาให้กับยาจกอย่างเจ้าละกัน" ฉู่เฉิงยกมือขึ้นพร้อมทั้งแผดเสียง และคนที่เหลือตะโกนตอบโดยอัติโนมัติ
นอกจากฉู่ยวน ฉู่กูหยู่ และฉู่เยว่แล้ว คนในตระกูลฉู่ต่างไม่ชอบฉู่เฟิง พยายามต้องการขับไล่มันออกจากตระกูล
ดังนั้นจะเป็นเรื่องที่รุนแรงเกินเหตุแค่ไหนก็ไม่สำคัญ ตราบเท่าที่เกี่ยวข้องกับฉู่เฟิง ทุกคนก็พร้อมจะคล้อยตาม เพียงแค่ให้ฉู่เฟิงรู้สึกต่ำตม
"ฉู่เฉิง อย่าสร้างปัญหาโดยไร้เหตุผล นี่มันเป็นเรื่องส่วนตัวระหว่างฉู่เจินกับฉู่เฟิง พวกเจ้าทุกคนไม่เหมาะที่จะยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้" ฉู่เยว่ตะโกนขึ้น
"เราไม่เหมาะที่จะยุ่งเรื่องนี้งั้นรึ แล้วเจ้าล่ะ? เจ้าเป็นพี่ฉู่เจิน แต่กลับเข้าข้างคนนอกไม่มีหัวนอนปลายเท้าเช่นนั้น เจ้ายังนับว่าตนเองเป็นคนตระกูลฉู่อีกงั้นรึ?" ฉู่เฉิงโต้ตอบด้วยความเกรี้ยวกราดและอาฆาตแค้น
"ข้ามองเป็นเรื่อง ๆ ไป ไม่ได้มองที่ตัวบุคคล ในกรณีนี้ ฉู่เฟิงไม่ใช่คนนอก มันก็เป็นส่วนหนึ่งของตระกูลฉู่เช่น เดียวกัน”
"ไม่ว่าเจ้าจะมองว่ามันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวหรือไม่ก็ตาม แต่ถึงกระนั้นฉู่เจินก็เป็นน้องชายแท้ ๆ ของเจ้า เจ้าไม่รู้รึว่าเลือดย่อมข้นกว่าน้ำ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...