Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 9

สรุปบท บทที่ 9: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม

อ่านสรุป บทที่ 9 จาก Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดย ShanLiangdeMiFeng

บทที่ บทที่ 9 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายMartial Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง

  “ท่านพี่ฉู่เยว่ นี่มัน…" ฉู่เฟิงไม่สามารถเอื้อนเอ่ยคำใด ออกไปได้

  "ใช่ หญ้าเซียนทิพย์ไงล่ะ ข้าให้เจ้า มันเป็นส่วนที่ข้าได้สำหรับปีนี้" นางตอบพร้อมกับยัดหญ้าเซียนทิพย์ใส่มือฉู่เฟิง

  "ถึงข้าจะต้องการหญ้าเซียนทิพย์ขนาดไหน แต่คงรับมันไว้ไม่ได้หรอก เจ้าลืมไปแล้วรึว่า ข้ายังติดค้างหญ้าเซียนทิพย์กับเจ้าอยู่สองต้น จากคราที่เจ้าเคยมอบมันให้กับข้า" ฉู่เฟิงดันหญ้าเซียนทิพย์กลับไปให้ฉู่เยว่ ขณะเดียวกันก็ดึงต้นออกมาจากกระเป๋าของมันเอง

  "ฉู่เฟิงน้องข้า นี่เจ้ายังไม่ได้สลายหญ้าเซียนทิพย์เข้ากับร่างเจ้ารึ?" ฉู่เยว่มองดูหญ้าเซียนทิพย์ต้นนั้นที่ยังอยู่ในสภาพสมบูรณ์ นางคิดว่ามันคือต้นเดียวกับที่เคยมอบให้ฉู่เฟิง

  "อืม ข้าสามารถควบคุมพลังในร่างได้แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องใช้หญ้าเซียนทิพย์ในตอนนี้ ข้าควรคืนให้เจ้าเสียดีกว่า"

  "ข้าจะรับหญ้าเซียนทิพย์ของเจ้าได้ยังไง? มันเป็นของเจ้าแล้ว เจ้ารีบใช้มันเถอะ"

  "ฉู่เยว่ ข้าบอกเจ้าแล้วว่าจะคืนให้เจ้าสองต้น ข้าก็จะทำเช่นนั้น เจ้าไม่ได้รับปากกับข้าเช่นนั้นหรอกรึ? หากเจ้าทำ เช่นนี้ข้าลำบากใจนะ"

  "แต่เจ้ามิได้ใช้หญ้าเซียนทิพย์ที่ข้าให้ไปเลยนี่ แล้วยังเอามาคืนข้าอีก แถมยังเอาของเจ้ามาให้ข้าด้วย ไม่ใช่ข้าหรอกหรือที่เอาเปรียบเจ้า?"

  "ฉู่เยว่ ข้ารู้ดีว่าเจ้ามีน้ำใจ นอกจากพี่ชายและบิดาข้า ในตระกูลฉู่ก็มีเจ้านี่แหละที่ดีกับข้าที่สุด ถือเสียว่านี่เป็นการแสดงความเคารพจากข้าผู้เป็นน้องก็แล้วกัน"

  นี่คือถ้อยคำที่ออกมาจากก้นบึ้งหัวใจของฉู่เฟิงอย่างแท้จริง ทุกคนในตระกูลฉู่ต่างผลักไสไล่ส่งมัน เมื่อฉู่เยว่ปฏิบัติกับมันด้วยความเอื้อเฟื้ออารี จึงทำให้มันซาบซึ้งยินดีอย่างยิ่ง

  เมื่อเห็นถึงความแน่วแน่ของฉู่เฟิง สีหน้าฉู่เยว่ก็ปรากฏร่องรอยความละอายใจ ในขณะที่กล่าวเสียงอ้อยอิงว่า "เจ้าทำเยี่ยงนี้ ยิ่งทำให้ข้ารู้สึกละอายใจยิ่งนัก จริง ๆ แล้วหญ้าเซียนทิพย์ไม่ได้มาจากข้าหรอก ฉู่กูหยวี่เป็นคนขอให้ข้านำมา มอบให้เจ้าต่างหาก"

  "พี่ชายข้างั้นรึ?" ฉู่เฟิงตะลึงงันไปชั่วขณะ

  ฉู่กูหยวี่เป็นบุตรชายแท้ ๆ ของฉู่ยวน อีกทั้งมันมีศักดิ์เป็นพี่ชายของฉู่เฟิง

  มันเข้าฝึกฝนวรยุทธ์ที่สำนักหลิงอวิ๋น สำนักอันดับหนึ่งของแคว้นชิงโจว มันฝึกพลังทิพย์ยุทธ์จนถึงห้วงที่หกตอนอายุ สิบเจ็ดปี อาจกล่าวได้ว่าเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลฉู่ เมื่อเทียบกับเครือญาติรุ่นเยาว์คนอื่น ๆ ในตระกูล

  "ท่านพี่เกรงว่าเจ้าจะรู้สึกลำบากใจ จึงสั่งไม่ให้ข้าบอกเจ้าเรื่องหญ้าเซียนทิพย์นี้กับเจ้า แต่ตอนนี้ข้าคงต้องพูดความจริงแล้ว" ใบหน้าฉู่เยว่แดงก่ำ และเห็นได้ชัดว่านางรู้สึกละอายใจจริง ๆ

  "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ข้าก็ยังอยากขอบคุณเจ้านะฉู่เยว่ แม้ว่าหญ้าเซียนทิพย์จะไม่ใช่ของเจ้า แต่ความรู้สึกที่เจ้ามีให้ข้าตลอดหลายปีมานี้ก็เป็นเรื่องจริง อย่างที่ข้าบอกนั่นล่ะ เจ้าจงรับหญ้าเซียนทิพย์สองต้นนี้เถอะ ถือว่าเป็นน้ำใจจากน้อง ชายคนหนึ่งที่เคารพในตัวเจ้า"

  "อีกอย่าง ในอีกไม่ช้าเมื่อเจ้าฝึกฝนถึงขั้นพลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่ห้า หญ้าเซียนทิพย์นี้จะมีความจำเป็นสำหรับเจ้ามากกว่า อย่าปฏิเสธน้ำใจจากข้าเลยนะ" ฉู่เฟิงยังคงพยายามยัดหญ้าเซียนทิพย์ใส่มือฉู่เยว่

  "ถ้างั้นข้าจะถือว่ายืมหญ้าเซียนทิพย์จากเจ้าก็แล้วกัน แต่ข้าจะยืมเพียงต้นเดียว อีกต้นหนึ่งขอคืนให้เจ้า" เมื่อเห็นท่าทียืนกรานของฉู่เฟิง นางขบฟันและสามารถรับหญ้าเซียนทิพย์ไว้ได้เพียงต้นเดียวเท่านั้น

  อันที่จริง ฉู่เฟิงพูดถูก วรยุทธ์ของฉู่เยว่กำลังจะเข้าขั้นพลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่ห้าในอีกไม่ช้า และขั้นตอนระหว่างนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นหญ้าเซียนทิพย์ต้นนี้จึงมีความจำเป็นกับนางอย่างแท้จริง

  "งั้นก็ตามนั้น" ฉู่เฟิงยิ้ม

  "เอ้อ ฉู่เฟิง พี่ของเจ้าฝากให้ข้าเอาจดหมายนี้ให้เจ้าด้วย" ฉู่เยว่ล้วงจดหมายออกมาจากผ้าคาดเอว

  ในตอนที่รับจดหมายจากฉู่เยว่นั้น ความรู้สึกต่าง ๆ ของฉู่เฟิงทะลักออกมา มันไม่ได้กลับไปตระกูลฉู่เป็นเวลาห้าปี แล้ว ซึ่งนั่นหมายความว่ามันไม่ได้เจอบิดาและพี่ชายมาห้าปี แล้วเช่นกัน มันไม่คิดอยากกลับไปที่นั่น เพราะรู้สึกละอายที่จะพบหน้าคนทั้งคู่

  ทว่าในระยะเวลาห้าปีที่ผ่านมา ทั้งบิดาและพี่ชายต่างเขียนจดหมายถึงมันแทบทุกเดือนไว้ว่างเว้น นั่นแสดงให้เห็นว่าทั้งคู่รู้สึกกับมันเช่นไร

  "เอาล่ะ เจ้าค่อยกลับไปอ่านตอนถึงเรือนที่พักละกัน ตอนนี้รีบตามข้ามาเร็วเข้าเถอะ เพราะวันนี้เป็นวันที่ดีเหลือเกิน" ฉู่เยว่คว้าแขนฉู่เฟิงและลากมันเข้าไปยังเรือนพัก

  แต่ก่อนจะถึงเรือนพัก มันเริ่มหน้านิ่วคิ้วขมวด มันได้ ยินเสียงที่คุ้ยเคยหลายเสียงในเรือนพักแห่งนั้น และทุกเสียงล้วนมาจากคนที่มันเกลียดขี้หน้าทั้งสิ้น

  "นั่นสิ ช่างน่าละอายนัก" ในคราเดียวกัน สมาชิกตระกูล ฉู่ก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ฉู่เฟิง

  ฉู่เฟิงไม่สนใจคำครหาของผู้คนเหล่านั้น ขณะที่มันเดินเข้าไปยังห้องนั้น มันก็เอ่ยขึ้นว่า

  "เมื่อสองสามวันที่ผ่านมา มีใครคนหนึ่งพนันกับข้าว่า หากข้าไม่สามารถผ่านด่านทดสอบเป็นศิษย์ฝ่ายในได้ มันผู้นั้นจะยอมมอบหญ้าเซียนทิพย์ที่มันได้รับในปีนี้ให้แก่ข้า"

  "ฉู่เจิน เจ้าคงไม่ได้ลืมเรื่องนี้ไปหรอกนะ?" ฉู่เฟิงเดินไป เผชิญหน้าฉู่เจินอย่างมิเกรงกลัว

  ฉู่เจินนั่งเคี้ยวผลไม้อยู่บนเก้าอี้ มุมปากของมันพลันเหยเก และใบหน้าของมันดูบูดเบี้ยวยิ่งนัก

  แน่นอนว่าฉู่เจินมิได้ลืมสิ่งที่ตนเองกล่าวเอาไว้ในวันนั้น แม้มันจะกังวลว่าฉู่เฟิงจะพูดเรื่องนี้ขึ้นมา แต่มันก็ยังอยู่ที่นี่ด้วยความจริงใจ หรือไม่ก็เป็นเพราะมันคิดอยู่แล้วว่าฉู่เฟิงจะต้องเป็นตัวปัญหา

  "ฉู่เฟิง เจ้ามีหลักฐานหรือไม่?" ชายหนุ่มคนหนึ่งเอ่ยถามข้อกังหาขึ้นมาในทันใด

  ในห้องนั้น ชายหญิงส่วนใหญ่ล้วนอายุรุ่นราวคราวเดียวกับฉู่เฟิง แต่ชายหนุ่มคนนี้กลับอายุมากกว่า แน่นอนว่ามันคือฉู่เวยนั่นเอง

  "ท่านพี่ฉู่เวยพูดถูก ถ้าฉู่เฟิงพนันกับฉู่เจิน เจ้าก็ต้องมีหลักฐาน มิเช่นนั้น เจ้าก็แค่ถ่มถุยข้อกล่าวหาลอย ๆ ออกมา" ฉู่เฉิงตะโกนขึ้นก่อน เพราะมันคือพี่ชายของฉู่เซิน

  "ถูกต้อง แน่จริงเจ้าเอาหลักฐานมาสิ ไม่งั้นก็อย่าคิดว่า วันนี้เจ้าจะเดินออกไปจากที่นี่ได้" หลังฉู่เฉิงพูดจบ คนตระกูลฉู่ส่วนใหญ่ที่อยู่ในห้องนั้นก็เริ่มส่งเสียงโห่ร้องกันกึกก้อง

  กระทั่งสมาชิกของพันธมิตรตระกูลฉู่ที่เป็นคนนอก ก็ยังสามารถรับรู้ได้ว่า สถานะในตระกูลฉู่ของฉู่เฟิงนั้นต่ำต้อยเพียงใด ถ้าคนในตระกูลเดียวกันยังเหยียดหยามเด็กหนุ่มคน นี้ พวกมันเองก็สามารถทำได้เช่นเดียวกัน

  "ข้าเป็นพยานให้ฉู่เฟิงเอง" ทันใดนั้น ฉู่เยว่ที่เงียบงันอยู่นานก็เอื้อนเอ่ยวาจาออกมาอย่างหนักแน่น

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม