"นั่นมันวรยุทธ์ระดับที่หนึ่ง หมัดพันกรขั้น สมบูรณ์!"
เสียงร้องระงมดังไปทั่วห้องโถง ทุกคนที่เห็นกระบวนท่าต่างล้วนเป็นประจักษ์พยานว่าฉู่เจินสำเร็จกระบวนท่านั้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
แม้ว่าหมัดพันกรจะเป็นเพียงวรยุทธ์ระดับที่หนึ่ง แต่ก็ นับได้ว่าเป็นกระบวนท่าที่หากใช้ได้อย่างเชี่ยวชาญ จะแข็งแกร่งมากเช่นเดียวกัน
หากคู่ต่อสู้อยู่ในระดับวรยุทธ์เดียวกัน และไม่มีวรยุทธ์ที่พอจะต่อกรได้ มันก็มิอาจมีโอกาสเอาชัยได้เลย นั่นคือ เหตุผลที่ทุกคนเชื่อว่าฉู่เฟิงจะพ่ายแพ้อย่างไม่ต้องสงสัย
ฉู่เยว่คิ้วผูกปม นางเดินออกมาข้างหน้าสองก้าวอย่างเงียบงัน เพราะต้องการขัดขวางเจตนาร้ายของฉู่เจิน
"ฉู่เยว่ เจ้าควรจะรู้กฎมิใช่หรือ? ผู้สังเกตการณ์ห้ามยื่นมือเข้ามายุ่งกับการประลอง"
ทันทีที่ฉู่เยว่ได้ยินเสียงดังขึ้นข้างหู นางก็หันกลับไปทางต้นเสียงและเห็นฉู่เฉิงจ้องมองนางพร้อมรอยยิ้มบนใบ หน้าของมัน
ฉู่เยว่รู้ว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีนัก เพราะนางไม่คิดว่าฉู่เฉิงจะจ้องมองนางอยู่
สถานการณ์เช่นนี้ย่อมหมายความว่า สองพี่น้องจะไม่ยอมปล่อยฉู่เฟิงไปอย่างง่ายดายแน่นอน นั่นยิ่งสร้างความ กังวลแก่ฉู่เยว่มากขึ้นไปอีก
"ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ"
หมัดที่รัวจนแทบมองตามไม่ทันพุ่งไปทุกทิศทาง ปก คลุมในอากาศจนมืดมิดและบดบังทัศนวิสัยของฉู่เฟิงเกือบทั้งหมด เมื่อได้ยินเสียงหมัดแหวกอากาศมา การโจมตีก็เดินทาง มาถึงมัน
ฉู่เฟิงรู้สึกได้ว่าหมัดของฉู่เจินไม่ธรรมดาและมันก็มิได้ลงมือโดยออมวิชาไว้แต่อย่างใด แสดงถึงความเหี้ยมโหดของมันยิ่งนัก
ทว่าฉู่เฟิงมิรู้สึกหวั่นเกรงใด ๆ มันยังคงยืนหยัด มิได้หลบเลี่ยงหรือหลีกหนี มันเพียงแค่รอการโจมตีอย่างสงบเท่านั้น
"ฉู่เฟิงมันบ้าไปแล้วรึ? ทำไมมันถึงมิคิดหลบ?"
"ข้าว่ามันอยากหลบ แต่มันคงมิอาจทำ? ด้วยวรยุทธ์ระดับมัน การหลบคงมิอาจทำได้ มันอาจจะทำตัวไม่ถูกไป แล้วก็เป็นได้"
"จริง ข้าก็คิดเช่นนั้น มันเป็นแค่ไอ้ขยะไร้ค่าที่ใช้เวลาตั้งห้าปีกว่าจะก้าวเข้ามายังสำนักฝ่ายในได้"
เมื่อเห็นว่าฉู่เฟิงมิหลบเลี่ยง เหล่าฝูงชนที่มุงล้อมล้วนคิดว่าฉู่เฟิงกลัวการโจมตีของฉู่เจินจนตัวแข็งทื่อไปเสียแล้ว ใบหน้าของพวกมันปรากฏด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นว่าคนอื่นอับจนหนทาง
"ย่าห์"
แต่เมื่อฉู่เจินลงมือเข้ามาใกล้ ฉู่เฟิงพลันชักมือออกไปด้านหน้าด้วยความเร็วเหลือเชื่อ ก่อนที่ใครจะสังเกตุเห็น ความเร็วเหลือเชื่อนั้น ฝ่ามือของมันก็ซัดเข้าที่อกของฉู่เจิน
"ปึง" เมื่อฝ่ามือนั้นกระทบกับอกของมัน ฉู่เจินสัมผัสถึงความปั่นป่วนของกำลังภายในและเลือดเนื้อภายในร่าง คลื่นความเจ็บปวดทะลักออกมาจากอกของมัน
"ฟึบ ฟึบ ฟึบ" มิทันที่ฉู่เจินจะคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นจนถ้วนถี่ อีกหลายฝ่ามือของฉู่เฟิงก็ซัดออกกระทบเข้ากับตัวของมัน
"อ๊าก!" ฉู่เจินมิอาจกลั้นเสียงกรีดร้อง ขาทั้งสองข้างของมันปรากฏอาการชา จนต้องทรุดเข่าทั้งสองลงต่อหน้า ฉู่เฟิง แล้วร่างของมันก็ร่วงลงพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง
"นี่มัน…"
เหตุการณ์เบื้องหน้าทำให้ทุกคนล้วนอ้าปากค้าง ในหมู่พวกมันมิมีใครเคยคิดว่าฉู่เฟิงจะมีพลังที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้
ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านั้นมิได้รู้เลยว่าฉู่เฟิงกำลังกดควบคุมพลังของมันเอาไว้อยู่ มิฉะนั้น เพียงฝ่ามือเดียวของมันก็สามารถปลิดชีพฉู่เจินได้แล้ว
"เจ้ามีพลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สี่แล้วหรือ?" ในตอนนั้น ฉู่เวยอ้าปากค้าง สายตาของมันทั้งคู่ที่จ้องเขม็งไปยังฉู่เฟิงนั้นเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
"อะไรนะ? พลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สี่?"
ถ้อยคำนั้นทำให้ทุกคนล้วนได้สติตระหนักรู้ การเอา ชนะผู้ที่มีพลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สามได้โดยมิต้องใช้กระบวนท่า วรยุทธ์ แปลว่ามันผู้นั้นต้องมีพลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สี่ จึงจะทำ เช่นนั้นได้
แต่กระนั้น การพยายามเชื่อมโยง "พลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สี่" เข้ากันกับฉู่เฟิง นับเป็นเรื่องที่เหนือจินตนาการและยากเกินกว่าที่พวกมันจะยอมรับได้
ไม่ใช่แค่ฝูงชนที่อยู่ในห้องเท่านั้น ฉู่เยว่เองก็ดวงตาเบิกโพลง ปากเล็กๆของนางเผยอขึ้นและสีหน้าก็เต็มไปด้วยความ ประหลาดใจ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...