ตอน บทที่ 16 จาก Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
บทที่ 16 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายMartial Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ที่เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ด้วยความไม่เข้าใจ การสนทนาระเบิดขึ้นประดุจ น้ำมันร้อนที่ประทุอยู่บนกระทะหน้าเตาไฟ โดยทุกสายตา ล้วนมีฉู่เฟิงเป็นศูนย์กลาง พวกมันพยายามมองหาว่าตัวเอง มีอะไรต่างจากฉู่เฟิง เผื่อว่าพวกมันจะมีโอกาสได้รับเชิญเข้าร่วมพันธมิตรแห่งปีกด้วยเช่นกัน
"เป็นไปไม่ได้ เจ้าต้องหูฟาดไปแน่ ๆ"
คำพูดจากปากของสองพี่หลงหู่ล้วนสร้างความตื่นตะลึงแก่ผู้คนที่มุงล้อมอยู่ ใบหน้าของพวกมันล้วนปรากฏความรู้สึกที่ซับซ้อนและยากจะอธิบายอย่างพร้อมเพรียง
ตอนนั้น พวกมันล้วนคิดว่ายอมให้หูของพวกมันคงฟั่นเฟือนดีกว่าจะยอมรับว่าสิ่งที่ได้ยินเป็นความจริง
พวกมันมิล้วนอาจเข้าใจว่าเหตุใดพันธมิตรแห่งปีกถึงอยากให้ฉู่เฟิงเข้าร่วมกับพันธมิตร แม้กระทั่งพันธมิตรเล็กน้อยกระจ้อยร่อยยังปฏิเสธมัน เหตุผลกลใดมันจึงได้รับการยอมรับจากพันธมิตรแห่งปีก?
"ฉู่เฟิง เจ้าอยากจะเข้าร่วมพันธมิตรแห่งปีกหรือไม่?"
พวกมันรู้ว่าทุกคนต่างงุนงงสงสัย ดังนั้นไป๋หลงจึงพูด อย่างฝืนเกร็งและเน้นเสียงเพิ่มอีกหนึ่งประโยค
"นี่... นี่คือเรื่องจริง? พันธมิตรแห่งปีกต้องการฉู่เฟิงให้เข้าร่วมกับพวกมันจริง ๆ?"
"มันเป็นใครมาจากไหน ทำไมถึงได้รับเชิญจากพันธ มิตรแห่งปีก? ไม่ใช่ว่าพันธมิตรแห่งปีกรับแต่อัจฉริยะเท่านั้นหรอกหรือ? ทำไมครานี้ถึงจะรับคนธรรมดาแบบนี้?"
"มิอาจเข้าใจได้ ยิ่งมิอาจเข้าใจได้ หรือมันมีความ สามารถอื่นใดที่พิเศษ? แต่ข้าไม่เห็นว่ามันจะมีอะไรพิเศษเลย แม้กระทั่งพันธมิตรเล็ก ๆ ยังมิอาจรับมัน แล้วเรื่องมันกลายมาเป็นแบบนี้ได้อย่างไร?"
ด้วยความไม่เข้าใจ การสนทนาระเบิดขึ้นประดุจน้ำมันร้อนที่ประทุอยู่บนกระทะหน้าเตาไฟ โดยทุกสายตาล้วนมีฉู่เฟิงเป็นศูนย์กลาง พวกมันพยายามมองหาว่าตัวเองมีอะไรต่างจากฉู่เฟิง เผื่อว่าพวกมันจะมีโอกาสได้รับเชิญเข้าร่วมพันธมิตรแห่งปีกด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตามพวกมันมิอาจพบว่ามีอะไรที่แตกต่างกับฉู่เฟิง ในท้ายที่สุดพวกมันยังถึงกับแอบชื่นชมฉู่เฟิงอยู่ในใจ ด้วยซ้ำ
พันธมิตรแห่งปีกเปรียบประหนึ่งดินแดนที่เหล่าศิษย์ร่วมสำนักจำนวนนับไม่ถ้วนต้องการเดินทางไปให้ถึง และ
อัจฉริยะมากมายเช่นกันที่มิอาจเดินทางไปถึงดินแดนแห่งนั้นได้ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบประดุจหัวใจในหมู่ศิษย์ฝ่ายในของสำนัก
พันธมิตรแห่งปีกเปรียบประดุจความฝันที่เหล่าศิษย์ล้วนถวิลหา ความฝันที่พวกมันทำได้เพียงจินตนาการถึงและไม่อาจคว้ามาไว้ในครอบครอง
แต่บัดนี้กลับมีคนได้รับเชิญเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์และมีโอกาสได้จับต้องความฝันที่พวกมันโหยหา พวกมันจะมิอาจไม่อิจฉาได้อย่างไร?
"มันเป็นไปได้อย่างไร มันจะเป็น... ฉู่เฟิง... จริง ๆ?"
แต่บัดนี้มีคนที่ปรากฏรอยบิดเบี้ยวเหยเกขึ้นบนใบ หน้า และไม่อยากจะยอมรับว่าเรื่องที่เกิดขึ้นนั้นเป็นจริง คนเหล่านั้นโดยมากมาจากตระกูลฉู่
โดยเฉพาะฉู่เวย มันเหมือนโดนค้อนหนักฟาดเข้าที่หัวจนมึนงง สมองของมันสั่นรัวด้วยความสับสน
ฉู่เยว่ก็เช่นกัน นางยืนอยู่ข้างฉู่เฟิง ปากของนางเผยอค้าง ตาของนางกระพริบไม่หยุดด้วยความแปลกใจขณะมองไปที่ฉู่เฟิง
ปฏิกิริยาของผู้คนที่เกิดขึ้นทำให้สองพี่หลงหู่ยิ้มด้วย ความพึงพอใจ พวกมันมองฉู่เฟิง
เมื่อเทียบกับปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นกับคนอื่นๆแล้ว มันคาด หวังกับปฏิกิริยาของฉู่เฟิงเสียมากกว่า มันอยากเห็นฉู่เฟิงกรีด ร้องฉลองอย่างบ้าคลั่งที่ได้ย่างก้าวเข้าสู่ความฝัน
แต่ฉู่เฟิงทำให้พวกมันล้วนผิดหวัง ไม่มีความยินดีใด ๆ เกิดขึ้น ฉู่เฟิงกลับแสดงออกโดยไร้ซึ่งความรู้สึกใด ๆ หน้าของ มันนิ่งประดุจผิวน้ำสงบ สิ่งที่ทำให้พวกมันแปลกใจที่สุดกลับเป็นคำพูดที่ฉู่เฟิงพูดต่อมา
"ข้าขอขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่านทั้งสอง แต่ ข้ายังไม่อยากเข้าร่วมพันธมิตรใด ๆ ในตอนนี้" ฉู่เฟิงกล่าว อย่างเรียบเฉย
"อะไรนะ? มิใช่ข้าได้ยินอะไรผิดไปใช่หรือไม่? มันปฏิเสธ?!"
เมื่อฉู่เฟิงพูดออกมาตามนั้น ผู้คนต่างระเบิดเสียงฮือฮา ขึ้นมาอีกครั้ง คราวนี้เหมือนหม้อน้ำมันที่เดือดพล่านถึงขีดสุดเลยทีเดียว การปฏิเสธสิ่งที่ผู้คนจำนวนมิอาจนับล้วนถวิลหา นับเป็นเรื่องที่มิอาจคาดถึงเลยทีเดียว
คำตอบของฉู่เฟิงถึงกลับทำให้สองพี่น้องหลงหู่ปรากฏคิ้วที่ผูกกันขึ้นบนใบหน้า ตอนนี้สีหน้าของพวกมันบอกได้ถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจน
"ฉู่เฟิงถ้าเจ้าเข้าร่วมกับพันธมิตรแห่งปีกของเรา ทุกอย่างล้วนจะมีแต่ประโยชน์ต่อตัวเจ้าในการฝึกวรยุทธ์
ในอนาคต เจ้ายังจะปฏิเสธอีกหรือ?" ไป๋หลง เชิงถามและให้คำแนะนำแก่มันไปพร้อม ๆ กัน
"ข้าต้องขออภัยจริง ๆ" ฉู่เฟิงยังยืนกราน
"เจ้า..."
ไป๋หู่ก็เริ่มบังเกิดความโกรธขึ้นมาเช่นกัน แต่ก่อนที่มันจะยั้งสติไม่อยู่พุ่งเข้าหาฉู่เฟิง มือของไป๋หลงก็ยื่นออกมาขัดขวางมัน
ไป๋หลงพิจารณาฉู่เฟิงอีกครา และกล่าวว่า "ฉู่เฟิงข้าหวังว่าเจ้าจะทบทวนเรื่องนี้อีกครั้ง"
หลังจากนั้นไป๋หลงก็หมุนตัวกลับและเดินจากไป ไป๋หู่จ้องมองฉู่เฟิงอย่างเกรี้ยวกราดอีกครั้งก่อนที่จะก้าวเท้ายาว ๆ จากไปเช่นกัน
"ยังมีคนกล้าปฏิเสธคำเชิญของพันธมิตรแห่งปีกของเราด้วยหรอ มันคงเบื่อชีวิตแล้วสินะ" หญิงสาวกัดริมฝีปากของนาง ร่องรอยแห่งความโกรธแผ่กระจายภายในตาคู่งามของนาง
"ศิษย์พี่ซูเหม่ยเรียนท่านตามตรง เราทั้งสองไม่เห็นเค้าความสามารถที่โดดเด่นใด ๆ จากไอ้หนุ่มนั่นเลย แต่เพราะมันถูกทั้งสองท่าน ‘กล่าวถึง' และพวกข้าได้รับคำสั่งจากท่านเหล่านั้นให้ชักชวนมันเข้าพันธมิตรของพวกเรา ข้าเกรงว่าถ้าเราผลีพลามลงมืออะไรไป..."
"มีอะไรที่ต้องกลัว? เราให้เกียรติมันด้วยการชักชวนมันแล้ว มันยังกล้าปฏิเสธ มันปฏิเสธเกียรติที่เรามอบให้"
"ถ้าหากเราไม่สั่งสอนให้มันรู้จักความเจ็บปวดสักหน่อย เกียรติยศแห่งพันธมิตรแห่งปีกของเราคงต้องด่าง พร้อย? ข้าจะให้เจ้าทั้งสองไปจัดการเรื่องนี้ ไม่ต้องกังวลเรื่องพี่สาวของข้า รับรองได้ว่านางจะไม่ทำอะไรเจ้าทั้งสอง "
"อ่า... ถ้าศิษย์พี่ว่าดังนั้น" ทั้งสองพี่น้องหลงหู่ มิกล้าโต้เถียงอะไรต่อหน้าสาวน้อยคนงามเลยแม้แต่น้อย
"และ ข้าจะขอพูดกับพวกเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย อย่าเรียกข้าว่าศิษย์พี่อายุข้ามิได้ต่างอะไรจากพวกเจ้าเลย" นางถลึงตาใส่ทั้งสองแล้วก็เดินจากไป
สองพี่น้องยืนมองหญิงสาวเดินจากไปอย่างเงียบงัน จนกระทั่งนางค่อย ๆ ไกลออกไป ๆ จนลับสายตา พวกมันทั้งสองได้แต่ก็ถอนหายใจราวกับว่าภาระหนักได้ถูกยกออก
"แม่สาวน้อยคนนี้ช่างรับมือได้ยากเย็น ดูไปแล้วสำหรับนางพวกเราคงไม่ต่างอะไรไปจากทาส..." ไป๋หู่ได้แต่กล่าวออกมาขณะที่เช็ดเหงื่อเย็นเยียบออกจากหน้าผาก
"ยังไงก็เถอะ เราไม่สามารถขัดขืนคำสั่งอะไรของนางได้ สถานะของตระกูลนางมิใช่ธรรมดา เจ้าดูอิทธิพลที่พี่สาวของนางมีต่อสำนักฝ่ายในสิ" ไป๋หลงกล่าวอย่างขมขื่น
"สำหรับประเด็นนี้ ข้ารู้สึกดีกับพี่สาวนางมากกว่า อย่างน้อยก็เรื่องความอ่อนโยน"
"อ่อนโยน? เจ้าน่ะยังไม่เคยเห็นความอำมหิตของนาง น่ากลัวกว่าซูเหม่ยมากนัก"
"แม้ทั้งสองนางจะถูกเรียกรวมกันว่า 'โหรวเหม่ย' แน่นอนว่าเจ้าจะพานพบความงดงาม แต่ไร้ซึ่งความอ่อนโยน อย่างแน่นอน (โหรวมาจากชื่อของซูโหรว พ้องกับคำว่าอ่อนโยน และเหม่ยมาจากชื่อของซูเหม่ย พ้องกับคำว่าสวยงาม) แล้วคราวนี้เราจะเอาอย่างไรต่อ? เราต้องไปจัดการเจ้าหนุ่ม ฉู่เฟิงนั่นหรือ?
"ข้าคิดว่าเราต้องมอบการตักเตือนที่เหมาะสมกับมัน เราไม่ควรทำอะไรมากกว่านั้น อย่าลืมว่านอกจากสองพี่น้อง
โหรวเหม่ย ยังมีท่านผู้นั้นอยู่อีกคน" พูดจบไป๋หลงก็ได้แต่ถอนหายใจแรงอีกครา
ในการชุมนุมของพันธมิตรเราที่หาได้ยาก ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งสองท่านล้วนปรากฏกายโดยมิได้รับเชิญ
แถมทั้งสองยังร้องขอในสิ่งเดียวกัน นั่นคือการรับ ฉู่เฟิงเข้าร่วมพันธมิตรแห่งปีก
แม้ว่าพวกมันอาจจะรู้สึกไม่พอใจ แต่เหล่าสมาชิกของพันธมิตรแห่งปีกยังคงต้องเห็นชอบ เพราะการคงอยู่ของทั้งสองท่านนั้นคือสิ่งที่พวกมันมิอาจไปขัดแย้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...