สรุปตอน บทที่ 18 – จากเรื่อง Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดย ShanLiangdeMiFeng
ตอน บทที่ 18 ของนิยายMartialเรื่องดัง Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดยนักเขียน ShanLiangdeMiFeng เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
"ฉู่เฟิง ข้าว่าเจ้าก็ไม่ได้เก็บอะไรได้มากมายไปกว่าพวกข้านัก วันนี้ทั้งวันข้าไม่เห็นเจ้าจะเก็บอะไรได้เลย" จากที่ฉู่เสว่สังเกตเห็นนั้น ถุงของฉู่เฟิงก็ยังคงว่างเปล่าอยู่ ฉู่เสว่ยิ้มล้อเลียนและหันกลับไปลงมือขุดหาหญ้าต่ออย่างดูลำบากยากเย็น
"เจ้าว่าอย่างนั้นหรือ? พวกเจ้ามีกันตั้งสิบกว่าคน แต่ข้าก็เห็นพวกเจ้าไม่ได้ต่างไปจากข้าสักเท่าไร" ฉู่เฟิงมองไปยังถุงของฉู่เสว่ที่ยังดูว่างเปล่าไม่ต่างไปจากของตัวมันเอง และ ทำหน้าล้อเลียนกลับมา
"ข้าไม่เข้าใจจริงๆ ว่าทำไมฉู่เยว่ กำลังคิดอะไรอยู่ จึงส่งพวกเจ้าที่ไร้ประโยชน์มาที่นี่ตั้งสิบคน พวกไร้ประโยชน์ อย่างพวกเจ้าก็ได้แต่วิ่งวุ่นกันโดยไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ ขึ้นมา นี่พวกเจ้าออกมาตั้งค่ายพักกลางป่ากันแค่นั้นหรือไร พวกเจ้ามีเสบียงปันส่วนเหลือเฟืองั้นหรือ"
"หยุดกล่าววาจาไร้สาระของเจ้าเสียฉู่เฟิง" ฉู่เสว่เหลืออดหลังจากฟังคำกล่าวเหน็บแนมของฉู่เฟิง และพลพรรคที่เหลืออีกเก้าคนของนางก็เริ่มจะรู้สึกแบบเดียวกัน
โดยเฉพาะฉู่เกามันถึงขั้นชี้นิ้วใส่หน้าฉู่เฟิง พร้อมตะคอกว่า "ถ้าเจ้ายังกล้าใช้วาจาล่วงเกินคุณหนูอีก ข้าจะอัดเจ้าให้พูดไม่ได้อีกต่อไป”
"ถ้าเจ้าคิดว่าเจ้ามีความสามารถที่จะทำได้อย่างที่พูด ก็ลองเข้ามาได้เลย" ฉู่เฟิงพูดสวนกลับและชำเลืองมองอย่างเหยียดหยาม จากนั้นมันก็ก้มหน้ากินเสบียงจากปันส่วนของ มันต่อ
"เจ้าคิดว่าข้าไม่กล้างั้นหรือ?" ฉู่เกาประกาศวาจาพร้อมวิ่งอย่างเกรี้ยวกราดเข้าใส่ฉู่เฟิง ใต้ฝ่าเท้าของมันก่อกำเนิดลมหมุนหอบใบไม้กองใหญ่ให้ลอยตัวขึ้น มันขับดันทิพย์ยุทธ์ห้วงที่สี่อย่างเต็มตัว
แต่แล้วเมื่อฉู่เกาขยับตัวเข้ามาใกล้ ฉับพลันฉู่เฟิงเงยหน้าขึ้นสายตาเย็นเยียบประดุจคมมีดของมันเสียดแทงไปที่สายตาของฉู่เกา
"ปัง"
ในทันใดนั้น ฉู่เกาหยุดการเคลื่อนไหว มันรีบถอยหลังออกมาสองก้าว เมื่อสายตาของมันประสานกับฉู่เฟิงมันสัมผัส ถึงพลังบางอย่าง พลังที่สามารถยับยั้งมันได้
พลังนั้นทำให้มันเสียวสันหลังวาบ ความตื่นตระหนกทำให้หัวใจของมันเต้นระส่ำระส่าย เพราะมันเคยสัมผัสกับ
พลังนี้มาแล้วในอดีต และคนที่ทำให้มันต้องเผชิญความรู้สึกนี้ในครานั้น คือคนที่น่ากลัวอย่างหาใดเปรียบ
"ตึก"
แม้มันจะเกิดความรู้สึกนี้ขึ้นอีกครั้งในครานี้มันก็อดทำ ใจเชื่อไม่ได้ว่าพลังคุกคามนี้มาจากฉู่เฟิงไอ้เด็กที่พึ่งบรรลุทิพย์ ยุทธ์ห้วงที่สี่ และพึ่งก้าวเข้าสู่สำนักฝ่ายใน มันได้แต่ตระหนักว่ามันไม่ใช่คู่ปรับกับฉู่เฟิงในวันนี้
"เฮือก"
มันกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ แล้วตัดสินใจหันหลังกลับอย่างรวดเร็ว
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้ฉู่เสว่และคนอื่น ๆ ล้วนทำตัวไม่ถูก ทำไมฉู่เกาถึงหันหลังหนีโดยไม่แม้แต่จะประมือสู้? มิใช่ความอับอายหรือที่ลงมือกระทำการเยี่ยงนี้?
ถ้าพวกมันรู้ว่าความหวาดกลัวของฉู่เกามาจากเพียงการกระทำโดยสายตาของฉู่เฟิง พวกมันคงต้องรู้สึกเสียหน้ามากกว่านี้เป็นแน่
"ฉู่เกา มันเกิดอะไรขึ้น?" ฉู่เสว่แผดเสียงออกมาด้วย ความโมโห
"คุณหนูข้า..." ฉู่เกาไม่รู้จะกล่าวอันใดออกมา
"เจ้าสวะเลี้ยงเสียข้าวสุก"
ยิ่งฉู่เสว่เห็นฉู่เกาที่หมดสภาพในเวลานี้ นางถึงกับต้อง กัดฟันด้วยความโกรธ แต่นางก็ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป นางทำได้แค่มอบวาจาดุร้ายให้แก่ฉู่เฟิง
"ฉู่เฟิง เหมือนว่าเจ้าจะเติบใหญ่ขึ้นมากเลยนะ แต่อย่าหลงลืมตัวไป เมื่อครั้งเจ้ายังเด็กจำได้หรือไม่ว่าเจ้าเคยพ่ายแพ้ แก่ท่านพี่หงเฟยมาก่อน?"
"ข้าขอเตือนเจ้าไว้เลยว่า ทางที่ดีเจ้าไม่ควรกลับไปสู่บ้านตระกูลฉู่ของเรา มิเช่นนั้นข้าจะตามท่านพี่หงเฟยให้มาสั่งสอนเจ้าให้หนักกว่าเดิม"
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่เสว่ ฉู่เฟิงรวบมือทั้งสองข้างกำ แน่น เสบียงอาหารที่อยู่ในมือของมันถูกบดจนเป็นผุยผง พลันเกิดสายลมหมุนขึ้นรอบตัวโดยมีมันเป็นแกนกลาง ผลักดันให้ฉู่เสว่และพรรคพวกคนอื่นถอยหลังออกไปอย่างสุดฝืน แม้กระทั่งฉู่เกาก็ไม่สามารถต้านไหว
ฉู่หงเฟย บุรุษที่เคยสร้างความอับอายแก่ฉู่เฟิงในอดีต ฉู่เฟิงไม่เลยลืม เมื่อมันอายุแปดขวบ มันถูกฉู่หงเฟยวัยสิบขวบลงมือเสียจนยืนไม่ไหว และทำให้มันต้องนอนพักฟื้นไป กว่าครึ่งเดือน
ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อพี่ชายของมัน ฉู่กูหยวี่ ตัดสินใจลงมือแก้แค้นให้กับมัน ฉู่กูหยวี่กลับเป็นฝ่ายที่พลาดพลั้งโดนลงมือ
กลับมาเช่นกัน เหตุการณ์เหล่านั้นเปรียบเสมือนหนามแหลม ที่ปักแทงหัวใจของมัน หนามที่สร้างความเจ็บปวดแสนสาหัสให้มันตลอดมา... เว้นแต่ว่ามันจะถูกถอนออก
ฉู่เฟิงผงกหัวของมันเงยขึ้นมาอย่างช้า ๆ จิตสังหารเย็นเยียบและขุ่นมัวเปล่งออกมาจากสายตาทั้งคู่ของมัน มัน กล่าววาจาด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็นแก่ฉู่เสว่
"ฉู่เสว่เจ้าจงไปบอกฉู่หงเฟยว่า ข้าจะกลับไปร่วมใน การชุมนุมประจำตระกูล และให้มันเตรียมพร้อมที่จะคุกเข่าและร้องขอชีวิตต่อหน้าข้า"
หนึ่งในนั้นเป็นชายที่มีใบหน้าปุปะอันเกิดจากฝีหนอง มันออกแรงดึงชุดสีม่วงของฉู่เสว่จนทำให้แขนเสื้อข้างหนึ่งของนางฉีกออกเผยให้เห็นผิวของนางที่ขาวผ่องราวหิมะ
"หึ หึ งดงามยิ่งนัก ข้าล่ะชอบจริง ๆ แบบนี้"
ส่วนอีกสองคนยังคงลูบคลำเรือนร่างของฉู่เสว่ไม่หยุดหย่อน ความหื่นกระหายปรากฏในดวงตาของพวกมัน มุมปากของพวกมันแทบจะปรากฏน้ำลายไหลย้อยออกมา
"ปล่อยข้านะ เราต่างล้วนเป็นศิษย์ร่วมสำนัก หากการกระทำนี้ล่วงรู้ถึงเหล่าผู้อาวุโส พวกเจ้าล้วนต้องถูกลง ทัณฑ์ เจ้าไม่กลัวงั้นหรือที่ทำกับข้าแบบนี้?"ใบหน้าของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาขณะที่พยายามขัดขืนอย่างสุดกำลัง
"ศิษย์น้อง พวกเราล้วนกำลังปกป้องเจ้าอยู่ แล้วพวกผู้อาวุโสน่ะหรือ พวกท่านไม่สนใจเรื่องพรรค์นี้หรอก เวลาจะ สนใจให้ความชื่นชมเหล่าศิษย์ยังไม่ค่อยจะมี จะมีเวลาที่ไหน มาลงโทษพวกเราล่ะ"
"ล้วนกล่าวถูกต้องยิ่งนัก" ชายหนุ่มอีกคนในกลุ่มกล่าวสำทับ "หากศิษย์น้องยังคงเดินทางในป่ากับสวะเหล่านี้ พวก มันล้วนแต่จะพาเจ้าไปพบอันตราย มิสู้มากับเรา เมื่อฤดูล่าโอสถทิพย์จบลง พวกเราจักตบรางวัลให้กับเจ้าอีกด้วยซ้ำ"
ยิ่งฟ้าใกล้พบค่ำ พวกมันก็ยิ่งรู้สึกเปล่าเปลี่ยว ประจวบเหมาะกับที่พวกมันมาพบพานกับลูกแกะน้อยบอบบางอย่างฉู่เสว่ พวกมันจะปล่อยโอกาสการหยอกเย้านี้ให้ผ่านไปได้อย่างไร?
"ศิษย์พี่ ขอพวกท่านโปรดเห็นแก่หน้าตระกูลฉู่ของเรา ปล่อยพวกเราไปตามทางเถิด" ฉู่เกาพูดพลางตัวสั่น
"ฟึบ"
ไม่ทันที่ฉู่เกาจะจบประโยค หนึ่งในพันธมิตรกระบี่กระชากกระบี่เหล็กดำออกมาจากหลังของมัน สะบัดผ่าน ร่างฉู่เกา จนเกิดกระแสลมแรงพัดกระทบร่างเบื้องหน้าของมัน
"ฟึบ"
สายลมพัดผ่านไป ฝากไว้เพียงโลหิตเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนขาของฉู่เกา มันทรุดกายลงกับพื้น
"ทิพย์ยุทธ์ห้วงที่ห้า"
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พลพรรคตระกูลฉู่แตกฮือวิ่งหนีด้วยความกลัว เพียงลมจากปลายกระบี่และการเอาชัยเหนือฉู่เกาในกระบี่เดียว ไม่ต้องสงสัย นั่นคือทิพย์ยุทธ์ห้วงที่ห้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...