Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 20

  "บัดซบ ไอ้เจ้าบ้านี่มันเป็นลิงกลับชาติมาเกิดหรืออย่างไร? ทำไมมันถึงว่องไว้ได้ปานนั้น?"

  "เด็กน้อยนี่ไม่ธรรมดาจริง ๆ อายุเพียงเท่านี้ แต่กลับแข็งแกร่งได้ขนาดนั้น แถมมันยังหลบเพลงกระบี่ของบิดาได้อีก มันต้องมีพรสวรรค์มิน้อย"

  "มิผิด นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าเห็นคนใช้ฝ่ามือมายาด้วยพลังระดับนั้น ถ้ามันยังฝึกฝนต่อไปเรื่อย ๆ ล่ะก็ เราคงมิอาจคาดถึงความสามารถของมันในอนาคตได้แน่ ๆ"

  "หากเป็นเช่นนั้น เรามิอาจปล่อยให้มันมีลมหายใจออกไปจากที่นี่ ไม่อย่างนั้นมันคงจะสร้างปัญหาให้เรามิรู้จบรู้สิ้นแน่นอน"

  ยิ่งพวกมันทั้งสามเข้าใจความแข็งแกร่งของฉู่เฟิงมากเท่าไหร่ พวกมันก็เพิ่มความอำมหิตมากขึ้นเท่านั้น พวกมันตัดสินใจแล้วว่าจะสังหารฉู่เฟิงในหุบเขาโอสถทิพย์นี้

  "ทั้งสามคนนั้นว่องไวเหลือเกิน ข้าคงมิอาจหนีพวกมันพ้นได้"

  ในขณะเดียวกันฉู่เฟิงก็ไม่รู้จะพรรณนาความแข็งแกร่งของทั้งสามคนได้อย่างไรเช่นกัน แม้ว่ามันจะแข็งแกร่งกว่าคน ที่มีพลังในห้วงระดับเดียวกัน แต่เมื่อต้องปะทะกับคนที่พลังทิพย์ยุทธ์สูงกว่า มันก็รู้สึกว่าตัวเองอ่อนด้อยลงไม่ต่างกัน

  แต่โชคดีที่ฉู่เฟิงมีพลังทิพย์ยุทธ์อยู่สั่งสมอยู่ในจุดตันเถียนไม่น้อย มันเชื่อว่าถ้ามันยังวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ ทั้งสามคนนั้นคงจะล้วนหยุดตามไปเองด้วยพละกำลังที่ลดลง

  อย่างไรก็ตาม ฉู่เฟิงครุ่นคิดถึงปัญหาที่จะตามมา พันธ มิตรกระบี่มิใช่กลุ่มคนเล็กน้อย ในภายภาคหน้าเมื่อมันออกจากหุบเขาโอสถทิพย์ จะต้องเกิดเรื่องยุ่งยากขึ้นแน่นอน หาก ว่าทั้งสามมิยอมปล่อยวาง และใช้พลังอำนาจของกลุ่มพันธมิตรกระบี่กลับมาคุกคามมัน

  นั่นคือสาเหตุที่ฉู่เฟิงกำลังลังเลใจอยู่เช่นกันว่า มันควรทำอย่างไรระหว่าง "จัดการให้เด็ดขาดหรือปล่อยไป" มันควรใช้เคล็ดวิชาสามอัสนีบาตจัดการปิดปากทั้งสามคนนั่นเสีย หรือไม่เช่นนั้นก็ต้องปล่อยมันเหล่านั้นไป

  แต่ในท้ายที่สุด มันก็โยนความคิดนั้นทิ้งไป อย่างไรก็ตามการสังหารศิษย์ร่วมสำนักถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรง และหากมีการค้นพบร่องรอยหลักฐาน ก็มีโอกาสเป็นไปได้ที่ตระกูลฉู่ทุกคนจะได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้

  "ขวับ"

  แต่ในทันใดนั้นเอง ฉู่เฟิงก็ต้องประหลาดใจ เมื่อลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นล้อมรอบตัวมัน

  เนื่องจากตะวันเริ่มตกดินและท้องฟ้าเริ่มมืดมิด เมื่อลำแสงสีขาวปรากฏขึ้นมานั้น จึงทำให้มันดูประหลาดผิดธรรมดาและน่าอัศจรรย์ใจอย่างยิ่ง

  "นี่มัน…"

  แสงสีขาวนั้นสว่างขึ้นเรื่อย ๆ และทำให้ทั้งป่าสว่างไสวราวกับกลางวัน แต่สิ่งที่ทำให้ฉู่เฟิงประหลาดใจนั้นกลับเป็นอัฐิสีขาวนับไม่ถ้วนที่ปรากฏอยู่ล้อมรอบตัวมัน

  อัฐิสีขาวนั้นอัดแน่นและกองพะเนินไปทั่วทั้งผืนป่า ราวกับเป็นมหาสมุทรที่ไร้จุดสิ้นสุด

  อัฐิเหล่านั้นมีความพิเศษ นอกจากมันจะมีสีขาว บริสุทธิ์ราวกับหยกแล้ว มันยังเปล่งรังสีที่รุนแรงออกมาอีกด้วย

  ฉู่เฟิงรู้สึกอึดอัดเมื่อมันถูกรังสีที่แผ่ออกจากอัฐินับไม่ถ้วนกดทับซ้อนเข้ามาเรื่อย ๆ แต่ละก้าวของมันดูหนักอึ้งและร่างกายมันก็เริ่มอ่อนแรง

  "สถานที่แห่งนี้มันอะไรกัน?"

  ฉู่เฟิงประหลาดใจอย่างยิ่ง อัฐิที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ย่อมมิใช่ของคนธรรมดาเป็นแน่ นั่นหมายความว่าคนที่เป็นเจ้า ของพวกมันต้องมีระดับเป็นปรมาจารย์เลยทีเดียว

  คนที่ฝึกวรยุทธ์จนพลังถึงระดับหนึ่ง เมื่อชีพวางวายไป อัฐิจะไม่สลายผุพัง แต่อัฐิเหล่านั้นจักเปลี่ยนเป็นสีขาวราวกับ หยก แถมยังประจุไว้ด้วยพลังงานที่แฝงความกดดันที่คุกคามคนที่ย่างกลายเข้ามาใกล้

  มีหลายเรื่องที่ฉู่เฟิงมิอาจทำความเข้าใจ มิใช่แค่เรื่องที่ว่าปรมาจารย์มากมายเหล่านี้มาจากที่ใดกันเท่านั้น แต่การที่มีอัฐิสีขาวปรากฏขึ้นปกคลุมทั่วบริเวณนี้เป็นเรื่องที่ผิดปกติ อย่างยิ่ง แถมหุบเขาโอสถทิพย์ยังเป็นดินแดนต้องห้ามอีกด้วย ในทุก ๆ วัน เหล่าผู้อาวุโสที่รับหน้าที่เฝ้าด่านประตูจะออกลาดตระเวนไปรอบ ๆ แล้วใครกันที่เอาอัฐิสีขาวมาทิ้งไว้ที่นี่โดยที่ผู้เฝ้าด่านประตูทางเข้าเหล่านั้นมิอาจรู้ตัว?

  เพิ่มเติมจากความประหลาดใจ ฉู่เฟิงเริ่มวิตกกังวล ยิ่งมันคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นนี้มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งดูเหมือนว่ามันยิ่งคิดผิดที่ผิดทาง ยิ่งคิดมันก็สั่นเทิ้มไปจนถึงกระดูกสันหลัง ฉับ พลัน มันรู้สึกกลับเป็นเพียงเด็กหนุ่มอายุสิบห้าธรรมดา การที่ถูกกักไว้ในผืนป่ามืดมิดเช่นนี้ ย่อมสร้างความความหวาดกลัว แก่มัน

  "นี่มัน…"

  ทันใดนั้น ฉู่เฟิงตาลุกโพลง มันยิ่งตกตะลึงเมื่อพบว่ามี เงาร่างหนึ่งค่อย ๆ เดินอย่างเชื่องช้าอยู่ท่ามกลางกองอัฐิสีขาวเหล่านั้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม