Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 21

สรุปบท บทที่ 21: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม

ตอน บทที่ 21 จาก Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 21 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายMartial Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ที่เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

  “รีบวิ่งเร็วเข้า" เมื่อเห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดี พันธมิตรกระบี่ทั้งสามเริ่มหาทางหนีทีไล่

  "กื๊ด"

  แม้ทั้งสามคนจะวิ่งหนีแต่ก็ไร้ประโยชน์ เพราะกลุ่มหมอกควันประหลาดนั้นพุ่งเข้าใส่ทั้งสามด้วยความเร็วปานสายฟ้า ราวกับพวกมันค้นพบเป้าหมายแล้ว

  "อ๊าก"

  บัดนั้น ใบหน้าของทั้งสามพลันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง พวกมันทิ้งดาบ ยกมือกุมขมับ และร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด

  ฉู่เฟิงเห็นได้ชัดเจนว่าใบหน้าของพวกมันเปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเขียว จากเขียวเป็นม่วง ทั้งสามคนเข่าทรุดลงกับพื้น แล้วจากนั้นพวกมันก็เริ่มดิ้นไปมา กล่าวได้ว่าพวกมันกำ ลังทรมานเพราะคลื่นความเจ็บปวดมากมายที่ถาโถมมาใส่พวกมัน

  เสียงร้องโหยหวนก้องดังอยู่เพียงไม่นาน ชั่วพริบตาลมหายใจของมันทั้งสามก็ขาดห้วง แขนขาอ่อนแรง พวกมันสิ้นชีพแล้ว ใบหน้าที่ไร้ชีวิตของทั้งสามนั้นผิดแผกออกไปยิ่งนัก สภาพบวมพอง มีโลหิตไหลออกจากทวารทั้งเจ็ดบนใบ หน้า ดวงตาเหลือกถลนออกมา และกระทั่งเส้นผมยังหลุดร่วงอีกด้วย ช่างเป็นภาพที่น่าสยดสยองเหลือเกิน

  "กื๊ด"

  แต่สำหรับฉู่เฟิง สิ่งที่น่าสยดสยองยิ่งกว่าคือกลุ่มหมอกควันประหลาดนั้นเอง

  หลังจากทรมานชายทั้งสามจนถึงแก่ความตาย กลุ่มหมอกควันที่เล็ดลอดเข้าสู่สมองของมันสามคนก็ลอยกลับออกมา ในจังหวะเดียวกัน หมอกควันประหลาดจากทั่วทุกทิศก็เริ่มลอยช้า ๆ มาทางฉู่เฟิง

  "โปรดช่วยข้าด้วย"

  ในขณะที่ตื่นตระหนกอยู่นั้น ฉู่เฟิงก็มองไปทางผู้อาวุ โสปริศนา พบว่ามีเพียงบริเวณรอบตัวผู้อาวุโสเท่านั้น ที่ไม่มี กลุ่มหมอกควันปกคลุม นั่นหมายถึงว่า หมอกควันพวกนั้น เคารพ ยำเกรงผู้อาวุโสไม่มากก็น้อย

  แต่ไม่ว่าฉู่เฟิงจะร้องขอความช่วยเหลือเช่นไร ผู้อาวุโสก็ไม่เมตตามัน แต่การเรียกร้องของมันกลับยิ่งเป็นการปลุก

  ปั่นกลุ่มหมอกควันที่อยู่รายรอบ และในวินาทีนั้นเอง พวกมันก็พุ่งเข้าโจมตีฉู่เฟิงด้วยความเร็วปานสายฟ้า

  "บ้าเอ๊ย!"

  เมื่อเห็นสถานการณ์มิสู้ดี ฉู่เฟิงขยับร่างกายแล้วออกวิ่งไปทางผู้อาวุโส มันต้องการใช้ร่างผู้อาวุโสเป็นเกราะป้อง กันหายนะนี้ แต่ถึงอย่างนั้น ฉู่เฟิงก็ยังประเมินความเร็วของ กลุ่มหมอกควันนั้นต่ำไป

  หลังจากออกวิ่งได้เพียงไม่กี่ก้าว ฉู่เฟิงรู้สึกได้ถึงคลื่นความเจ็บปวดในหัวของมัน ราวกับว่ามีบางอย่างโจมตีสติสัมปชัญญะและกำลังฉีกกระชากสมองมันออกเป็นชิ้น ๆ

  "อ๊าก"

  ความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นทำให้ฉู่เฟิงรู้ว่าหมอกควันปริมาณมากหลั่งไหลเข้าไปสู่สมองของตัวมันหมอก ควันเหมือนกัดกินร่างกายของฉู่เฟิง และนำมาซึ่งความเจ็บปวดอันมิอาจต้านทานได้

  ในสถานการณ์เช่นนั้น ไม่มีทางที่ฉู่เฟิงจะขัดขืนได้เลย มันร่วงลงพื้นอย่างรวดเร็ว เริ่มกลิ้งไปมาและร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด ไม่ต่างกับพันธมิตรกระบี่ทั้งสามคนก่อนหน้านี้

  ผู้อาวุโสปริศนามิได้ขยับกายแม้เพียงน้อยในขณะมองมาที่ฉู่เฟิง สิ่งที่ต่างไปมีเพียงรอยยิ้มแปลกแปร่งบนใบหน้าของมันค่อย ๆ จางไป แทนที่ด้วยการเบะปากจากความผิดหวัง

  "อ๊าก"

  ในตอนนั้นเอง ฉู่เฟิงเริ่มคำรามออกมา รังสีสีขาวพุ่งออกมาจากศีรษะของมันราวกับน้ำวน แล้วเริ่มหมุนวนไป รอบ ๆ ฉับพลันกลุ่มหมอกควันที่ก่อตัวมีขนาดเส้นรอบวงหลายหลา ก็แตกกระจายราวกับฝุ่นและเขม่าควัน

  หลังจากร้องคำรามออกมา ฉู่เฟิงก็ล้มลงบนพื้นโดยสิ้นสติและไร้เรี่ยวแรง ทว่ารังสีสีขาวที่คล้ายน้ำวนนั้นยังคงหมุนคว้างอยู่กึ่งกลางของร่างมัน

  เนื่องจากรังสีสีขาวนั้นปกป้องร่างฉู่เฟิงอยู่ กลุ่มควันประหลาดที่อยู่รายรอบจึงไม่กล้าเข้าใกล้ร่างมัน แม้กระทั่งเสียงทำลายโสตประสาทที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ยังเบาบางลง ราวกับว่าพวกมันหวาดกลัวบางอย่าง

  "หืม?"

  เมื่อประสบกับความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น สีหน้าของผู้อาวุโสก็เปลี่ยนไป แทนที่ด้วยประกายตาที่มีความประหลาด ใจแกมยินดี จากนั้นมันยกแขนขึ้นโบกแล้วคลื่นประหลาดก็

  เมื่อฉู่เฟิงกวาดตามองไปยังศพของพันธมิตรกระบี่ทั้งสาม มันกระโดดผลุงขึ้นในทันใด เมื่อเห็นสภาพศพอันน่าสยดสยอง มันก็รู้ทันทีว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นล้วนคือเรื่องจริง

  "น่าสยดสยองเกินไปแล้ว ทำไมจึงมีสถานที่ประหลาด เช่นนี้อยู่ในหุบเขาโอสถทิพย์ด้วย?"

  “สุสานหมื่นอัฐินี่มาจากไหนกันแน่ ? แล้วผู้อาวุโสปริศนา นั่นเป็นใคร?"

  ฉู่เฟิงประหลาดใจอย่างล้นพ้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนถึงตอนนี้เป็นสิ่งที่เหนือจินตนาการ มันเกินขอบเขตที่จะรับไหว

  "ตุบ ตุบ ตุบ"

  ทันใดนั้นเอง ฉู่เฟิงก็ได้ยินเสียงฝีเท้า มันรู้ได้ทันทีว่ามี คนใกล้เข้ามาเมื่อนึกถึงสถานการณ์นี้ฉู่เฟิงจึงหันหลังกลับแล้ว หลบลี้หนีลึกเข้าไปในป่า

  มันจำเป็นต้องออกมาจากที่นั่น เพราะไม่อาจให้ใครรู้ได้ว่ามันมีความเกี่ยวข้องกับศพสมาชิกกลุ่มพันธมิตรกระบี่ทั้งสามคน หรืออีกอย่างก็คือ มันไม่รู้จะอธิบายเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างไร

  มันไม่อาจบอกได้ว่าทั้งสามคนตามมันเข้าไปในสุสานหมื่นอัฐิในตำนาน แล้วก็ถูกสังหาร ในขณะที่มันเองมิมีแม้รอยขีดข่วน

  เรื่องนี้แปลกเกินไป แม้จะเล่าให้คนอื่นฟังก็คงไม่มีใครเชื่อ หากมีคนเชื่อ มันผู้นั้นก็คงจะกลายเป็นคนประหลาดใน สำนักมังกรคราม ดังนั้นมันจึงต้องลบร่องรอยทุกอย่าง

  ในขณะที่ฉู่เฟิงออกวิ่ง มันพบว่ามีบางอย่างผิดปกติเกิดขึ้น มันรู้สึกว่าประสาทสัมผัสของมันแหลมคมชัดเจนขึ้น กระทั่งใบหญ้าที่ลอยมาตามลม ฉู่เฟิงก็ยังสัมผัสถึงมันได้ มันไม่เคยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อนเลย

  "ประสาทสัมผัสของข้าไวขึ้น เพราะว่าในหุบเขาโอสถทิพย์มีพลังทิพย์มากมายที่หลอมรวมเข้ากับความเงียบสงัดยามราตรีหรือเปล่านะ?"

  ฉู่เฟิงพยายามหาคำตอบว่าเพราะเหตุใดประสาทสัมผัสมันถึงดีขึ้น แต่ทันใดนั้นมันก็ต้องชะงัก ดวงตาของ ฉู่เฟิงเบิกโพลง ความประหลาดใจปรากฏขึ้นบนใบหน้า

  ฉู่เฟิงรู้สึกได้ว่ามีพลังงานประหลาดบางอย่างเคลื่อน ไหว แม้ว่ามันจะอยู่ไกลออกไป แต่มันแน่ใจว่านั่นคือ หญ้าทิพย์นภาอย่างแน่นอน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม