สรุปเนื้อหา บทที่ 22 – Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดย ShanLiangdeMiFeng
บท บทที่ 22 ของ Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ในหมวดนิยายMartial เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที
"นี่ข้า... มิได้คิดไปแต่ผู้เดียว?” ฉู่เฟิงพรั่นพรึงเมื่อมันสัมผัสได้ว่าหญ้าทิพย์นภาเร้นกายอยู่ที่ใด และมันตระหนักได้ว่าหากความรู้สึกทั้งหมดนี้ล้วนเป็นจริงจะ หมายความว่าอย่างไร
หากการรับรู้ของมันมิอาจผิดเพี้ยน ก็แปลว่าในหุบเขาโอสถทิพย์นี้ มันก็เปรียบดุจมัจฉาในห้วงวารี
"ฟุบ"
เมื่อคิดได้ดังนั้น มันปราศความลังเลและเดินตรงไปยังทิศทางที่มันสัมผัสได้ถึงพลัง มันอยากจะพิสูจน์ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในครานี้
เมื่อมันเริ่มเดินเข้าไปใกล้ เค้าลางแห่งความปิติบังเกิดขึ้นแก่มัน ความรู้สึกของหญ้าทิพย์นภาในสมองของมันแรงกล้าขึ้น แรงกล้าขึ้น ไม่มาก ก็น้อย แต่แปลได้ว่าความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับมันนั้นเป็นความจริง
เมื่อฉู่เฟิงผ่านพุ่มไม้เบื้องหน้า ก็ปรากฏพืชสีแดงต้น หนึ่งขึ้นเบื้องหน้าของมัน นั่นคือหญ้าทิพย์นภา
หญ้าทิพย์นภามีคุณสมบัติในการเพิ่มพลังวิญญาณดี กว่าหญ้าทิพย์พสุธาเล็กน้อย กิ่งก้านและลำต้นสีแดงเปล่งประกายสีคล้ายกับเปลวไฟ มันยิ่งดูงดงามเป็นพิเศษในยาม ราตรี
"เจ้าตัวเล็ก หลังจากเล่นกันมาทั้งวัน ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าครานี้เจ้าจะหนีข้าไปอีกหรือไม่"
ตั้งแต่มันมองเห็นตำแหน่งของหญ้าทิพย์นภา มันมิได้ชะลอฝีเท้าลงเลย แถมยังรีบเร่งรุดไปตามทิศทางนั้น อีกทั้งยังขับเคลื่อนพลังวิญญาณไปรวมที่เท้าทั้งสองข้างส่งผลให้ความ เร็วของมันเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว ในพริบตามันก็ปรากฏขึ้นที่หน้าหญ้าทิพย์นภา
"ฮึ่ม" แต่ทันทีที่ฉู่เฟิงเอื้อมมือออกไป หญ้าทิพย์นภาก็รีบเร้นกายจนหายตัวไปในทันที
"เจ้าอยากจะหนีงั้นหรือ มาดูกันว่าเจ้าจะทำได้หรือไม่?"
เมื่อเห็นหญ้าทิพย์นภาพยายามจะหนีด้วยการหายตัวอีกครั้ง ฉู่เฟิงปรากฏรอยยิ้มเย็นเยียบที่มุมปาก มันก้าวเท้าขึ้นหน้าและคว้ามือออกไปในอากาศเบื้องหน้ามัน ทันใดนั้นบังเกิดเสียงร้องโหยหวนขึ้น หญ้าทิพย์นภาต้นหนึ่งเพิ่มขึ้นในมือของฉู่เฟิง
ทันทีที่หญ้าทิพย์นภาถูกจับโดยฉู่เฟิง ความสามารถใน การเร้นกายของมันมลายสิ้น และมันเริ่มดิ้นรนหาทางหลบลี้ เรี่ยวแรงของมันนั้นแข็งกล้ากว่าหญ้าทิพย์พสุธาหลายเท่านัก แต่การขัดขืนก็มินำพาสิ่งใดให้กับมัน ภายใต้การคว้าจับในอุ้งมือของฉู่เฟิง มันได้แต่จำยอมสูญเสียพลังวิญญาณจากธรรม ชาติแล้วลดขนาดกลายเป็นต้นหญ้าสีแดงขนาดครึ่งนิ้วในมือของฉู่เฟิง
"เหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นความจริงสินะ"
ฉู่เฟิงนำหญ้าทิพย์นภาใส่ลงในถุงของมัน ใจของมันบังเกิดความสุขอย่างประหลาดเพิ่มขึ้นมา แม้มันยังมิอาจเข้าใจ ว่าประสาทสัมผัสพิเศษของมันกำเนิดมาได้อย่างไร แต่มันรู้ว่ามันเชื่อมั่นในสิ่งนี้ได้อย่างแน่นอน
"นอกเสียจากว่า..."
ความคิดหนึ่งบังเกิดขึ้นแก่มัน มิใช่เรื่องยากที่ฉู่เฟิงจะ คาดเดาว่าพลังพิเศษนี้มาจากที่ใด พลังนี้ก่อตัวขึ้นหลังจากมัน ล่วงล้ำเข้าไปในสุสานหมื่นอัฐิ และเป้าหมายของกลุ่มหมอกควันประหลาดนั้นก็คือสมอง
เมื่อคิดดูแล้วตามหลักเหตุผลก็มีความเป็นไปได้ที่การจู่โจมจากกลุ่มหมอกควันประหลาดจะกลับกลายเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้ประสาทสัมผัสของมัน
"ฮ่า ๆ มีบางอย่างปรากฏที่หน้าบ้านของข้าอีกแล้วสินะ"
ทันใดนั้นเปลือกตาของมันก็กระตุกขึ้นอีกครั้งหนึ่ง สัม ผัสของหญ้าทิพย์นภาอีกต้นหนึ่งปรากฏขึ้นในขอบเขตการรับรู้ของมัน
ภายใต้พลังตรวจจับที่แข็งแกร่ง หญ้าทิพย์นภาย่อมไร้หนทางรอดพ้นจากเงื่อมมือของฉู่เฟิง การหลีกลี้ด้วยวิธีการใด ล้วนเปล่าประโยชน์
ทั้งคืนนั้นฉู่เฟิงมิได้หลับนอนจวบจนกระทั่งรุ่งสาง มันเก็บเกี่ยวหญ้าทิพย์นภาได้หลายสิบต้น หากใครรู้ถึงจำนวนที่มันเกี่ยวเก็บได้คงต้องตีอกชกตัวเป็นแน่
และหากใครล่วงรู้ถึงเรื่องนี้ ความเป็นไปได้ที่มันจะถูกปล้นก็มิใช่ไม่มี ในฤดูกาลล่าโอสถทิพย์แต่ละครั้ง จำนวนการ ต่อสู้ และปล้นชิงกันระหว่างเหล่าศิษย์ก็บังเกิดขึ้นไม่น้อย
ยังไงก็ตามพลังตรวจจับของฉู่เฟิงมิได้จำกัดอยู่แค่เพียงที่หญ้าทิพย์นภา หากแม้มีมนุษย์ผู้ใดล่วงเข้ามาในขอบเขตตรวจจับของมัน มันก็รับรู้ได้เช่นกัน จึงทำให้มันสามารถ หลบเลี่ยงร่องรอยที่จะทำให้ใครตามหาตัวมันเจอได้
อีกวันหนึ่งล่วงผ่านไป เมื่อยามราตรีย่างกายเข้ามา ถุง ผ้าของฉู่เฟิงก็เกือบจะเต็ม คราวนี้ฉู่เฟิงไม่ออกตามหาหญ้าทิพย์นภาต่อ แต่กลับเร้นกายหาที่ซ่อนเพื่อเริ่มย่อยสลายพลังจากหญ้าทิพย์นภา
ระดับการย่อยสลายพลังของมันนับว่ามิเป็นรองผู้ใด ผ่านไปเพียงสี่ชั่วโมงถุงใบเดิมที่เกือบเต็มถูกมันย่อยสลายของภายในจนหมดสิ้น
จุดตันเถียนของมันเต็มแล้วเต็มอีก สร้างความเบิกบานใจให้กับมันยิ่งนักและแม้หญ้าทิพย์นภาจะเทียบไม่ได้กับหญ้า เซียนทิพย์ แต่ถ้ามันได้เพิ่มพลังไปในระดับนี้เรื่อย ๆ ภายในสิบวันพลังของมันคงจะบรรลุไปอีกห้วง
ด้วยความอยากรู้อยากเห็นของมัน ฉู่เฟิงตัดสินใจเข้าใกล้เพื่อดูผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้น เมื่อมันกระโดดข้ามพุ่มไม้หนาแน่นไปเรื่อย ๆ ความตกใจก็บังเกิดขึ้นจากสิ่งที่มันเห็นจากที่ไกล
ต้นไม้ใหญ่สูงหนึ่งจั้ง (ประมาณสามเมตร) มีหนามสีม่วงปกคลุมโดยทั่ว และภายในปากของมันปรากฏแน่นไป
ด้วยฟันแหลมคม มันแผ่รังสีกดดันออกมาจากร่างกายของ มันที่มิได้คล้ายคลึงกับหญ้าเซียนทิพย์แต่อย่างใด หากเปรียบไปมันคล้ายกับสัตว์อสูรเสียมากกว่า
เมื่อมันเห็นร่างของสัตว์อสูรที่คือ หญ้าเซียนทิพย์จำนวนหลายต้นรวมตัวกัน มันก็พยายามมองเพ่งไปยังร่างเล็กกระจิดริดที่กำลังลงมือกับหญ้าเซียนทิพย์นับร้อยนั้นอยู่ ร่างนั้นงดงามดุจชื่อของนาง
ผมยาวที่งามสง่า ใบหน้าละเมียดละไมผิวขาวราวหิมะ สายตาที่มิกริ่งเกรงต่อภยันตรายเบื้องหน้า แถมยังมิยอมถอย ทำให้ฉู่เฟิงบังเกิดความประทับใจขึ้นหลายส่วน
มิต้องสงสัยเลยว่านางคือสตรีที่งดงามที่สุดที่ฉู่เฟิงเคยพบ แต่สิ่งที่ทำให้มันประทับใจนางมิใช่เพราะเพียง รูปโฉมภายนอก แต่เป็นเพราะพลังที่นางมีอยู่ในวัยนี้ของนางเสียมากกว่า
"ระวังข้างล่าง"
จู่ ๆ ฉู่เฟิงก็ตะโกนออกไป เพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังของหญ้าเซียนทิพย์ที่ซ่อนตัวเร้นกายอยู่ใต้ฝ่าเท้าของนาง
"อะไรนะ?"
นางมิทันได้สังเกตฉู่เฟิงมาก่อนเลย ดังนั้นเสียงร้องดังของมันสร้างความประหลาดใจให้แก่นาง จิตใต้สำนึกของนางสั่งให้สองเท้ากระทืบพื้นส่งตัวของนางลอยสู่อากาศ
ทันทีที่นางลอยตัวอยู่กลางอากาศ หญ้าเซียนทิพย์ต้นใหญ่ก็พุ่งออกมาจากใต้ดินพร้อมกับเขี้ยวที่แหลมคม และกรงเล็บที่พร้อมโจมตี
เหตุการณ์คาดไม่ถึงนี้ก่อให้เกิดความกลัวขึ้นในใจนางส่วนหนึ่ง ถ้ามิได้ยินเสียงร้องเตือน นางอาจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนราคาแพง ด้วยความรู้สึกตื้นตันนางจึงหันหน้าไปหา ทางต้นเสียงของผู้มีพระคุณ
แต่เมื่อนางพบว่าคือฉู่เฟิง หน้าละเมียดของนางกลับค้างแข็ง พร้อมกับเปล่งเสียงออกมาอย่างตระหนกตกใจ "เป็นเจ้า!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...