Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม นิยาย บท 26

สรุปบท บทที่ 26: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม

ตอน บทที่ 26 จาก Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 26 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายMartial Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ที่เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

  "อ้าวเฮ้ย อะไรกันวะ?” เสียงตบหน้าสองฉาดนั้นดังกังวาลจนคนยืนหางแถวยังได้ยิน ไม่เพียงแต่พี่น้องเสือมังกรที่ถึงกับงงงัน เหล่าคนมุงรอบด้านก็ต่างงงงวยตามกันไปด้วย

  "ซูเหม่ยให้สองพี่น้องนั่นขวางฉู่เฟิงไว้ไม่ใช่รึ? แล้วทำไมนางต้องตบหน้าสองพี่น้องนั่นด้วย? แถมยังแสดงสีหน้าห่วงใยฉู่เฟิงอีก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”

  "พวกเจ้ามองอะไร อยากโดนควักลูกตารึไง?"

  ซูเหม่ยหันควับ ใบหน้าสวยบาดใจมาพร้อม ๆ กับแววตาเย็นยะเยือกเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ทุกครั้งที่นางหันไป ทางไหน มักทำให้ผู้คนต่างผวาไปตามกัน

  "เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"

  เมื่อตวาดไล่คนมุงไปหมดแล้วซูเหม่ยหันมาสนใจฉู่เฟิง อีกครั้ง

  "ไม่เป็นไร แค่นี้เรื่องเล็ก"

  ฉู่เฟิงยืนขึ้น ใช้หลังมือเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก เผยให้เห็นรอยแผลเล็ก ๆ ที่มันกัดตัวเองเอง

  "หนอย แสร้งตบตานี่นา" ซูเหม่ยเข้าใจทันที ที่แท้เจ้านี่แสร้งโดนพลังฝ่ามือทำร้าย เล่นละครเสียสมจริงสมจัง ความจริงซูเหม่ยแทบอยากจะปรี่เข้าไปข่วนหน้าฉู่เฟิงอีกสักสี่ห้าแผล แต่สุดท้ายยับยั้งชั่งใจไว้ เพราะความจริงนางก็ต้องการ ดึงฉู่เฟิงเข้ากลุ่มของตนเหมือนกัน นางหันไปมองพี่น้องเสือมังกรแล้วพูดว่า

  "ตามข้ามา"

  "เหอะ"

  พี่น้องเสือมังกรทั้งอับอายทั้งโมโห อย่างไรเสียพวกมันทั้งสองถือว่าพอมีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์ฝ่ายในอยู่บ้าง กลับโดนตบต่อหน้าต่อตาคนตั้งมากมาย ต่อไปจะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่ไม่ว่าด้วยฐานะและฝีมือ พวกมันทั้งสองย่อมต่ำต้อยกว่าซูเหม่ย จำต้องกล้ำกลืนทนอับอาย เดินตามนางไปแต่โดยดี

  เมื่อถึงที่ลับตาคน ซูเหม่ยถอนหายใจ กล่าวด้วยท่าทีรู้สึกผิด

  "เมื่อครู่ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย ข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะข้าก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าฉู่เฟิงนั่นความจริงไม่ธรรมดา อย่างน้อยตอนนี้เราไม่อาจล่วงเกินมันขนาดนี้"

  ซูเหม่ยอยากบอกความจริงแก่สองพี่น้องตรง ๆ ว่า ฉู่เฟิงมีพลังพิเศษซ่อนเร้นอยู่ และอาจสามารถฝึกเคล็ดวิชา ในระดับพิสดารได้

  แต่เมื่อนางนึกถึงความเป็นส่วนตัวของฉู่เฟิง นางจึงไม่พูดความจริงทั้งหมดออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้ พี่น้องเสือมังกร ถึงกับต้องคิดหนัก เจ้าฉู่เฟิงมันยิ่งใหญ่มาจากไหน ขนาดทำให้หญิงงามนิสัยเอาแต่ใจอย่างซูเหม่ยยอมอ่อนข้อให้

  ในขณะที่ซูเหม่ยเรียกพี่น้องเสือมังกรออกไป ฉู่เฟิงที่ยืนคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวก็กลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนทันที ทุกคนเริ่มเดาต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับฉู่เฟิง การโดนนำไปวิพากษ์วิจารณ์คือสิ่งที่ฉู่เฟิงไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะมันอาจนำมาซึ่งความยุ่งยากมากมายภายหลัง มันจึงรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าและเดินหลบออกจากฝูงชน

  "พี่ฉู่เวย เมื่อครู่..."

  เวลานั้นเอง คนจำนวนสิบคนเดินแทรกฝูงชนออกมา ที่แท้คือฉู่เวย ฉู่เจินและพรรคพวก ถุงที่อยู่บนบ่าบวมเป่ง ดู เหมือนว่า วันนี้ล่าโอสถทิพย์มาได้ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่มี แต่โอสถทิพย์ระดับล่างเท่านั้น

  ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่พวกเขาล้วนเห็นกับตาต่างคน ยังรู้สึกตะลึงไม่หาย ดูเหมือนว่าการที่ฉู่เฟิงถูกชักชวนเข้าพันธมิตรแห่งปีกไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียแล้ว มันต้องมีความเกี่ยวโยงบางอย่างที่ยากที่จะอธิบายได้ในตอนนี้

  "พวกเจ้าต่างเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเพชฌฆาตลึกลับที่สังหารสัตว์อสูรสี่สิบตัวในคราวเดียวแล้วใช่ไหม?"

  ฉู่เวยอดไม่ได้ที่ต้องเปิดประเด็น "แน่นอน ร้ายกาจชะมัด เวลานี้แม้แต่ศิษย์ฝ่ายในก็ยังต้องพูดถึงคน ๆ นี้ แต่จนบัดนี้ยังไม่มีใครรู้ว่ามันคือใคร"

  เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทีไร วงสนทนามักจะคึกคักขึ้นมาทันที

  หลายคนกำลังสนทนาเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้นในเขาโอสถทิพย์อย่างออกรส บรรยากาศคึกคักเหลือเกิน

  "ฉู่เฟิง"

  เสียงที่คุ้นเคยแว่วมา ที่แท้เป็นฉู่เยว่และผู้ติดตาม นางยืนห่างจากฉู่เฟิงไม่ไกล

  ในกลุ่มของฉู่เยว่ นอกจากตัวฉู่เยว่และคนตระกูลฉู่อีกสองคนแล้ว คนที่เหลือล้วนเป็นสมาชิกที่เข้ากลุ่มภายหลัง พันธมิตรตระกูลฉู่กลุ่มนี้ค่อนข้างให้เกียรติฉู่เฟิง มันจึงแสดง ความเป็นมิตรด้วยการทักท้ายอย่างยิ้มแย้มแจ่มใส

  "ว้าว ฉู่เฟิงก็เก็บเกี่ยวมาไม่น้อยนะ ดูถุงสิ บวมโตขนาดนั้น"

  "นั่นสินะ ดูเหมือนได้มามากกว่าพวกเรารวมกันเสียอีก เก่งชะมัดไม่รู้ว่าในถุงคือโอสถทิพย์จริงๆ หรือแค่กิ่งไม้ใบหญ้า เอาไว้ตบตาเนอะ ฮ่า ๆ"

  ฉู่เฟิงเพิ่งจะแสดงความเป็นมิตรแท้ ๆ แต่กลับมีคน ตระกูลเดียวกันสองคนพูดจาเหน็บแนมเสียแล้ว เพราะมันทั้งสองไม่มีวันเชื่อว่าฉู่เฟิงเพียงคนเดียวจะสามารถล่าโอสถทิพย์ได้มากกว่าพวกมันสิบเอ็ดคนรวมกันเสียอีก ฉู่เยว่กำลังจะตำหนิความไร้มารยาทของผู้ติดตาม แต่ยังไม่ทันเอ่ยปาก ฉู่เฟิงก็กล่าวแทรก

  "ท่านพี่ฉู่เยว่ ท่านคงใกล้จะบรรลุห้วงที่ห้าแล้วของในถุงนี้ข้ายกให้ท่านถือเป็นการตอบแทนน้ำใจ"

  พูดจบฉู่เฟิงก็โกยโอสถทิพย์กำโตออกจากถุงแล้วยื่นให้ฉู่เยว่อย่างไม่รีรอให้ฉู่เย่วเอ่ยปฏิเสธ

  "ท่านพี่ฉู่เยว่ ข้ายังมีธุระ ขอตัวก่อน"

  ฉู่เย่วถูกยัดเยียดของขวัญให้โดยไม่ทันตั้งตัว กว่าจะ ตั้งสติได้ฉู่เฟิงก็จากไปไกลแล้ว นางแอบสังเกตผู้คนรอบตัว แต่ละคนล้วนมีสีหน้าตกตะลึงควบคู่กับความอิจฉา ฉู่เยว่ก้มดูโอสถทิพย์กองโตในสองมือ เมื่อตั้งใจมองอย่างถี่ถ้วนก็ยิ่งตะลึงเป็นสองเท่า เพราะโอสถทิพย์ที่เรืองแสงสีแดงทั้งสิบสามต้น หาใช่โอสถทิพย์ระดับล่างอย่างหญ้าทิพย์พสุธา แต่เป็นหญ้าทิพย์นภา โอสถทิพย์ระดับกลาง ไม่แปลกที่ผู้คนรอบตัวต่างแสดงอาการตะลึงงัน เพราะจินตนาการได้ไม่ยากว่าภายในถุงของฉู่เฟิงคงจะเป็นหญ้าทิพย์นภาทั้งหมด แต่ถ้ารู้ว่า ภายในถุงหนังใบที่สองของฉู่เฟิงเป็นหญ้าเซียนทิพย์ทั้งหมด ทุกคนคงจะตะลึงถึงขั้นสติพังทลายเลยทีเดียว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม