"อ้าวเฮ้ย อะไรกันวะ?” เสียงตบหน้าสองฉาดนั้นดังกังวาลจนคนยืนหางแถวยังได้ยิน ไม่เพียงแต่พี่น้องเสือมังกรที่ถึงกับงงงัน เหล่าคนมุงรอบด้านก็ต่างงงงวยตามกันไปด้วย
"ซูเหม่ยให้สองพี่น้องนั่นขวางฉู่เฟิงไว้ไม่ใช่รึ? แล้วทำไมนางต้องตบหน้าสองพี่น้องนั่นด้วย? แถมยังแสดงสีหน้าห่วงใยฉู่เฟิงอีก นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย”
"พวกเจ้ามองอะไร อยากโดนควักลูกตารึไง?"
ซูเหม่ยหันควับ ใบหน้าสวยบาดใจมาพร้อม ๆ กับแววตาเย็นยะเยือกเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ ทุกครั้งที่นางหันไป ทางไหน มักทำให้ผู้คนต่างผวาไปตามกัน
"เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม?"
เมื่อตวาดไล่คนมุงไปหมดแล้วซูเหม่ยหันมาสนใจฉู่เฟิง อีกครั้ง
"ไม่เป็นไร แค่นี้เรื่องเล็ก"
ฉู่เฟิงยืนขึ้น ใช้หลังมือเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก เผยให้เห็นรอยแผลเล็ก ๆ ที่มันกัดตัวเองเอง
"หนอย แสร้งตบตานี่นา" ซูเหม่ยเข้าใจทันที ที่แท้เจ้านี่แสร้งโดนพลังฝ่ามือทำร้าย เล่นละครเสียสมจริงสมจัง ความจริงซูเหม่ยแทบอยากจะปรี่เข้าไปข่วนหน้าฉู่เฟิงอีกสักสี่ห้าแผล แต่สุดท้ายยับยั้งชั่งใจไว้ เพราะความจริงนางก็ต้องการ ดึงฉู่เฟิงเข้ากลุ่มของตนเหมือนกัน นางหันไปมองพี่น้องเสือมังกรแล้วพูดว่า
"ตามข้ามา"
"เหอะ"
พี่น้องเสือมังกรทั้งอับอายทั้งโมโห อย่างไรเสียพวกมันทั้งสองถือว่าพอมีชื่อเสียงในหมู่ศิษย์ฝ่ายในอยู่บ้าง กลับโดนตบต่อหน้าต่อตาคนตั้งมากมาย ต่อไปจะเอาหน้าไปไว้ไหน แต่ไม่ว่าด้วยฐานะและฝีมือ พวกมันทั้งสองย่อมต่ำต้อยกว่าซูเหม่ย จำต้องกล้ำกลืนทนอับอาย เดินตามนางไปแต่โดยดี
เมื่อถึงที่ลับตาคน ซูเหม่ยถอนหายใจ กล่าวด้วยท่าทีรู้สึกผิด
"เมื่อครู่ต้องขอโทษพวกเจ้าด้วย ข้าจำเป็นต้องทำแบบนี้ เพราะข้าก็เพิ่งรู้ว่าเจ้าฉู่เฟิงนั่นความจริงไม่ธรรมดา อย่างน้อยตอนนี้เราไม่อาจล่วงเกินมันขนาดนี้"
ซูเหม่ยอยากบอกความจริงแก่สองพี่น้องตรง ๆ ว่า ฉู่เฟิงมีพลังพิเศษซ่อนเร้นอยู่ และอาจสามารถฝึกเคล็ดวิชา ในระดับพิสดารได้
แต่เมื่อนางนึกถึงความเป็นส่วนตัวของฉู่เฟิง นางจึงไม่พูดความจริงทั้งหมดออกมา เมื่อเป็นเช่นนี้ พี่น้องเสือมังกร ถึงกับต้องคิดหนัก เจ้าฉู่เฟิงมันยิ่งใหญ่มาจากไหน ขนาดทำให้หญิงงามนิสัยเอาแต่ใจอย่างซูเหม่ยยอมอ่อนข้อให้
ในขณะที่ซูเหม่ยเรียกพี่น้องเสือมังกรออกไป ฉู่เฟิงที่ยืนคนเดียวอย่างโดดเดี่ยวก็กลายเป็นเป้าสายตาของผู้คนทันที ทุกคนเริ่มเดาต่าง ๆ นานาเกี่ยวกับฉู่เฟิง การโดนนำไปวิพากษ์วิจารณ์คือสิ่งที่ฉู่เฟิงไม่ชอบเอาเสียเลย เพราะมันอาจนำมาซึ่งความยุ่งยากมากมายภายหลัง มันจึงรีบจัดระเบียบเสื้อผ้าและเดินหลบออกจากฝูงชน
"พี่ฉู่เวย เมื่อครู่..."
เวลานั้นเอง คนจำนวนสิบคนเดินแทรกฝูงชนออกมา ที่แท้คือฉู่เวย ฉู่เจินและพรรคพวก ถุงที่อยู่บนบ่าบวมเป่ง ดู เหมือนว่า วันนี้ล่าโอสถทิพย์มาได้ไม่น้อย แต่น่าเสียดายที่มี แต่โอสถทิพย์ระดับล่างเท่านั้น
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อครู่พวกเขาล้วนเห็นกับตาต่างคน ยังรู้สึกตะลึงไม่หาย ดูเหมือนว่าการที่ฉู่เฟิงถูกชักชวนเข้าพันธมิตรแห่งปีกไม่ใช่เรื่องบังเอิญเสียแล้ว มันต้องมีความเกี่ยวโยงบางอย่างที่ยากที่จะอธิบายได้ในตอนนี้
"พวกเจ้าต่างเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับเพชฌฆาตลึกลับที่สังหารสัตว์อสูรสี่สิบตัวในคราวเดียวแล้วใช่ไหม?"
ฉู่เวยอดไม่ได้ที่ต้องเปิดประเด็น "แน่นอน ร้ายกาจชะมัด เวลานี้แม้แต่ศิษย์ฝ่ายในก็ยังต้องพูดถึงคน ๆ นี้ แต่จนบัดนี้ยังไม่มีใครรู้ว่ามันคือใคร"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ทีไร วงสนทนามักจะคึกคักขึ้นมาทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...