"ฉู่เยว่ ดูเหมือนว่าพวกเจ้าจะเก็บเกี่ยวมาไม่น้อย" เสียงของฉู่เวยแว่วมาจากข้างหลัง มันเดินมาพร้อมกับผู้ติด ตามกลุ่มหนึ่ง
"โอ้โห... พวกเจ้าไปล่าหญ้าทิพย์นภาหรือนี่ แถมยังล่า มาได้เยอะขนาดนี้"
เมื่อฉู่เวยเห็นหญ้าทิพย์นภากองโตในอ้อมแขนฉู่เยว่ก็ถึงกับตกตะลึง หญ้าทิพย์นภาหนึ่งต้นเทียบเท่าหญ้าทิพย์ พสุธาถึงยี่สิบต้น ในอ้อมแขนของฉู่เยว่มีหญ้าทิพย์นภาถึงสิบสามต้น มันมีค่ามากกว่าโอสถทิพย์ทั้งหมดที่ฉู่เวยและพรรคพวกล่ามาได้เสียอีก
"ความจริงไม่ใช่ของพวกข้าหรอก แต่น้องฉู่เฟิงมอบให้ข้า"
ฉู่เยว่พูดพร้อมกับเก็บโอสถทิพท์ทั้งหมดเข้าไปใน กระเป๋าคาดเอวของตน ทุกคนมองฉู่เยว่เก็บโอสถทิพย์เข้ากระเป๋าตาปริบ ๆ พวกมันทำได้แค่กลืนน้ำลายอย่างอิจฉาตาร้อน โดยเฉพาะสองคนที่เพิ่งจะกล่าวเหน็บแนมฉู่เฟิงไป ทั้งอิจฉาทั้งอับอายจนอยากจะแทรกแผ่นดินหนี
การกระทำอันโง่เขลาของพวกมันไม่ต่างกับขอทานที่มี เงินเพียงสลึงเดียว แต่กลับปากดีเยาะเย้ยมหาเศรษฐี ช่างน่าขบขันสิ้นดี
"เจ้าบอกว่าฉู่เฟิงมอบให้... หรือว่า"
ฉู่เวยและพวกต่างพากันหน้าเปลี่ยนสี พวกมันเพิ่งเจอฉู่เฟิงเมื่อครู่นี้เอง ถุงของฉู่เฟิงยังบวมเต่งอยู่เลย
"พี่ใหญ่ฉู่เวย พี่ฉู่เยว่ แย่แล้ว พี่ฉู่เฟิงมัน..."
ทันใดนั้น ฉู่เสว่และกลุ่มของนางก็วิ่งเข้ามาอย่างรีบ ร้อน แถมยังมีสีหน้าตื่นตระหนกอย่างเห็นได้ชัด
"เกิดอะไรขึ้นรึ? โดนฉู่เฟิงรังแกมาหรือเปล่า?"
เมื่อเห็นสีหน้าตื่นตระหนกของฉู่เสว่และอาการบาดเจ็บที่ขาของฉู่เกา ชาวตระกูลฉู่ทุกกลุ่มต่างเข้าใจว่าเป็นฝีมือของฉู่เฟิงพวกมันพากันเข้าไปถามไถ่ แต่เมื่อรู้ความจริงจากปากของฉู่เสว่ ทุกคนก็ถึงกับออกอาการเงียบงันอีกครั้ง
จากคำให้การของฉู่เสว่ เพื่อช่วยเหลือนาง ทำให้ฉู่เฟิง ต้องตกอยู่ในวงล้อมของยอดฝีมือที่มีพลังทิพย์ยุทธ์ห้วงที่ห้าถึงสามคน ตามหลักแล้วฉู่เฟิงน่าจะถูกทำร้ายสาหัส ไม่ตายก็ คงต้องพิการ แต่เมื่อครู่นี้ทุกคนต่างเห็นชัด ๆ ว่า ฉู่เฟิงอยู่ใน สภาพยิ้มแย้มแจ่มใส มันไม่มีอาการบาดเจ็บเลยแม้แต่นิด
เดียว มันเป็นไปได้อย่างไร? เท่ากับว่าฉู่เฟิงสามารถประมือกับยอดฝีมือทิพย์ยุทธ์ห้วงที่ห้าสามคนโดยที่มันไม่เป็นอะไรเลย
พวกมันยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกสะพรึงกลัว ถึงกับไม่กล้าคิดต่อ ว่าแท้จริงแล้ว ฝีมือของฉู่เฟิงจะสูงส่งขนาดไหน
"พี่ฉู่เยว่ พี่บอกว่าพี่ฉู่เฟิงไม่เป็นไร?" ฉู่เสว่ถามด้วย ความตื่นเต้น ยังคงไม่อาจทำใจเชื่อได้
"อืม มันไม่เป็นไรจริง ๆ พวกข้าเพิ่งจะแยกกับมันเมื่อครู่นี้เอง" ฉู่เยว่พยักหน้า
"ดีจังเลย พี่ฉู่เฟิงไม่เป็นไร... ฮือ" ฉู่เสว่ถึงกับกลั้นน้ำตา ไม่อยู่ ปล่อยโฮโผเข้าไปกอดฉู่เยว่
"พี่ฉู่เยว่ ข้าผิดไปแล้ว และพวกเราทุกคนก็ผิดด้วย พี่พูดถูก ความจริงพี่ฉู่เฟิงคือผู้กล้าของตระกูลฉู่ที่แท้จริง เราควรจะดีกับเขา ถ้าวันนี้ไม่ได้เขาช่วย ข้าคง... ฮือ"
ฉู่เยว่รู้สึกโล่งอกที่เห็นญาติผู้น้องรู้จักเปลี่ยนมุมมองที่มีต่อฉู่เฟิงเสียที
"พวกเราคงมองฉู่เฟิงผิดไปจริง ๆ"
แม้แต่ฉู่เวยก็ยังรู้สึกละอายใจอย่างบอกไม่ถูก เพราะ ไม่อาจปฏิเสธความจริงที่ฉู่เสว่ยืนยัน ต่อไปนี้ควรมองฉู่เฟิงเสียใหม่
ในขณะที่บรรดาศิษย์ที่เข้าร่วมการล่าโอสถทิพย์กำลังถอนกำลังจากหุบเขาโอสถทิพย์ กลุ่มคนที่ประกอบด้วยเหล่าผู้อาวุโสกลับกำลังมุ่งหน้าสู่ใจกลางของเขาโอสถทิพย์ ซูโหรว ผู้พิทักษ์หอคัมภีร์ และผู้อาวุโสฝ่ายในอื่น ๆ มากันพร้อมหน้า พวกเขากำลังสำรวจร่างไร้วิญญาณของศิษย์สามคนที่อยู่เบื้องหน้า สีหน้าเคร่งเครียด แม้อาวุโสเหล่านี้ต่างมีสถานะสูงส่ง แต่ยามนี้พวกเขากลับไม่ได้อยู่ในฐานะที่ให้ความเห็นใด ๆ ได้ เพราะข้างศพทั้งสามศพนั้น บุคคลในชุดคลุมสีขาวกำลังตรวจดูอย่างตั้งใจ
ดูเหมือนว่าแม้แต่เหล่าผู้อาวุโสก็ยังต้องยำเกรงคนผู้นี้ ชุดคลุมสีขาวของเขาดูไม่ธรรมดา เต็มไปด้วยลวดลายคล้ายคาถาอาคมและยันต์เวทมนต์ต่าง ๆ แถมยังปกปิดทั้งใบหน้าและนิ้วมือไว้
"จริงสิ พันธมิตรแห่งปีกได้เชิญไอ้หนุ่มคนนั้นหรือยัง?"
"โอ้ย อย่าให้พูดเลย ยิ่งพูดยิ่งปวดหัว ข้าได้ข่าวจาก ซูเหม่ยว่ามันปฏิเสธคำเชิญเรียบร้อยแล้ว" พูดถึงฉู่เฟิง ซูโหรว ถึงกับต้องถอนหายใจยาวอีกครั้ง
"งั้นรึ?" ผู้อาวุโสโอวหยางนิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะ หัวเราะเบา ๆ
"ไอ้หนุ่มคนนี้มันพิลึกดีแท้"
เมื่อฉู่เฟิงกลับถึงเรือนพัก สิ่งแรกที่มันอยากจะทำคือแช่น้ำสบาย ๆ สักชั่วยามเพื่อผ่อนคลาย มันถอดชุดออกและกำลังจะก้าวลงไปในอ่าง ทันใดนั้นสีหน้าของมันก็เปลี่ยนไป
"นี่มัน... อะไรกัน?"
เมื่อเห็นสิ่งที่ปรากฏบนหน้าอกของตน ฉู่เฟิงถึงกับต้อง อุทานเสียงหลง ลวดลายประหลาดปรากฏอยู่กลางอกของ มันและแผ่ออกไปทั่วร่าง เมื่อเพ่งมองรายละเอียดของลวด ลายพบว่าคล้ายกับอักขระเวทมนต์คาถานับไม่ถ้วนเกาะเกี่ยวพัวพันกันอยู่ คาถาแต่ละชุดกำลังคล้อยเคลื่อนไปตามผิวหนังของมันอย่างช้า ๆ ราวกับมีชีวิต
ฉู่เฟิงพยายามใช้มือขัดถูกไปตามลำตัว เพื่อทดลองลบลวดลายเหล่านั้นทิ้งไป แต่กลับไม่เป็นผล ดูเหมือนว่าลวดลายเหล่านั้นได้ซึมลึกเป็นเนื้อเดียวกับผิวหนังไปแล้ว เมื่อแน่ ใจว่าไม่อาจทำอะไรได้
ฉู่เฟิงได้แต่ครุ่นคิดด้วยความว้าวุ่นใจ "เห็นที คำสาปสุสานหมื่นอัฐิยังคงฝังอยู่ในร่างข้าเป็นแน่"
ทันใดนั้น ฉู่เฟิงก็ยิ้มออกราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้ ความจริงไม่ว่าของประหลาดที่พัวพันบนร่างกายจะดีหรือร้าย มันก็ ไม่อาจปฏิเสธสิ่งนี้ได้ ทุกอย่างสวรรค์คงลิขิตไว้แล้ว ถือเสียว่าเป็นของที่ระลึกที่ได้จากสุสานหมื่นอัฐิก็แล้วกัน
ถึงคิดมากก็ป่วยการ นึกถึงตรงนี้ฉู่เฟิงก็ไม่รู้สึกต้อง กังวลอะไรอีก มันก้าวลงไปในอ่างน้ำอย่างผ่อนคลาย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...