อ่านสรุป บทที่ 29 จาก Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม โดย ShanLiangdeMiFeng
บทที่ บทที่ 29 คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายMartial Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย ShanLiangdeMiFeng อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
บ้านหลังหนึ่ง ภายในบริเวณของคฤหาสน์ตระกูลฉู่ ชายวัยกลางคนกับชายหนุ่มกำลังสนทนากัน
ฝ่ายชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาว ใบหน้าอ่อนเยาว์ แต่มีบุคลิกที่แลดูไม่ใช่ธรรมดา
มันคือฉู่กูหยวี่ บุตรชายคนโตของบ้านนี้ ศิษย์ฝ่ายใน ของสำนักเมฆา (สำนักหลิงหยุน) ซึ่งเป็นสำนักระดับหัวแถวของแคว้นชิงโจว ส่วนชายวัยกลางคนคือฉู่ยวน ผู้เป็นบิดาของฉู่กูหยวี่และฉู่เฟิง
"แอ๊ด" ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนาอย่างออกรส ประตูบ้านที่ปิดสนิทก็ถูกแง้มออก
"ทำไมไม่รู้จักเคาะประตู! ไสหัวไป!"
ฉู่ยวนตวาดเสียงดังพร้อมกับทุบโต๊ะด้วยความโมโห แต่เมื่อประตูเปิดออก เงาร่างผ่ายผอมที่ก้าวเข้ามาในบ้าน ทำให้ฉู่ยวนถึงกับต้องหยุดชะงัก ความโกรธขึ้งบนใบหน้าหายไปทันที
"ท่านพ่อ... พี่ใหญ่" ฉู่เฟิงยิ้มให้คนทั้งสอง ซึ่งเป็นคนที่มันสนิทชิดเชื้อที่สุดในโลกนี้
"น้องเฟิงหรือนี่?" ฉู่กูหยวี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง มัน วิ่งเข้าไปหาด้วยความตื้นตันพร้อมสวมกอดทันที "น้องข้ากลับมาจนได้ ข้าคิดถึงเจ้าจะแย่อยู่แล้ว!"
"พี่ใหญ่ ข้าก็คิดถึงท่านเช่นกัน" ฉู่เฟิงก็สวมกอดอีกฝ่ายแน่น
"ไม่เจอกันตั้งห้าปี เจ้าสูงขึ้นมาก หน้าตาหล่อเหลาขึ้นด้วย ข้าเกือบจำเจ้าไม่ได้จริง ๆ" ฉู่กูหยวี่สำรวจน้องชายตั้งแต่หัวจรดเท้าด้วยแววตาที่สุดแสนดีใจ
"แต่ยังเตี้ยกว่าพี่ใหญ่อยู่ดี" ฉู่เฟิงยิ้มเคอะเขิน
"เจ้าเพิ่งอายุไม่เท่าไร อีกสักสองสามปีก็คงแซงหน้าข้าแล้ว" ฉู่กูหยวี่ลูบหัวน้องชายอย่างเอ็นดู
"กลับมาทั้งทีไม่เห็นแจ้งข่าวมาก่อนเลย"
ฉู่ยวนเดินเข้าใกล้ฉู่เฟิง บุคลิกภายนอกอันสุขุมไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นดีใจที่ซ่อนอยู่ เพราะสีหน้าของฉู่ยวนแสดง ออกมาอย่างไม่มี ปิดบังไม่ว่าในสายตาคนอื่นฉู่เฟิงเป็นอย่างไร แต่สำหรับฉู่ยวน ฉู่เฟิงก็คือลูก ไม่แตกต่างจากฉู่กูหยวี่ ซึ่งเป็นลูกแท้ ๆ ฉู่ยวนสังเกตเห็นชุดคลุมสีม่วงของฉู่เฟิง
"เจ้าได้รับการบรรจุเป็นศิษย์ฝ่ายในแล้วรึ?"
"ขอรับ" ฉู่เฟิงพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้ม
"ดีมาก ไม่เสียทีที่เป็นลูกข้า" ฉู่ยวนยิ้มร่า หลายปีแล้วที่มันไม่ได้มีความสุขเท่าวันนี้
จากกันมาห้าปี ทั้งสามคนเพิ่งมีโอกาสอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา มีเรื่องที่ต้องคุยกันไม่รู้จบจนถึงขั้นลืมมื้ออาหารกลางวันไปเลย
"นายท่าน เจ้าตระกูลขอเชิญนายท่านและคุณชาย กูหยวี่" ในบ่ายวันนั้น จู่ ๆ ก็มีเสียงที่คุ้นเคยเชื้อเชิญพวกมันจากนอกบ้าน
ที่แท้เป็นพ่อบ้านเจ้า บ่าวคนสำคัญของตระกูลฉู่ แม้มันไม่มีสายเลือดของตระกูลฉู่ แต่ก็มีฐานะสูงส่ง ด้วยเหตุนี้พ่อลูกทั้งสามจึงรีบออกมาพบทันที "พ่อบ้านเจ้า ไม่ทราบว่าท่านพ่อต้องการพบข้าด้วยเรื่องอันใดหรือ?" ฉู่ยวนถามอย่าง มีมารยาท
“ท่านเจ้าตระกูลกำลังจะหารือเกี่ยวกับงานชุมนุม ประจำตระกูลปีนี้ สมาชิกของตระกูลฉู่ทุกคนถูกเชิญไปหมด" พ่อบ้านเจ้าผู้อาวุโสยิ้มตอบ
"เรื่องนี้นี่เอง ลูกหยวี่ ลูกเฟิง ตามข้ามา" ฉู่ยวนหันไปมองลูกชายทั้งสอง
"นายท่าน ท่านเจ้าตระกูลกำชับว่าเชิญเพียงนายท่านและคุณชายกูหยวี่เท่านั้น" ยังไม่ทันได้เคลื่อนตัว พ่อบ้านเจ้าก็รีบขวางทันที
"ท่านหมายความว่ายังไง?" ได้ยินเช่นนั้น ฉู่กูหยวี่รู้สึกไม่พอใจทันที
"แฮะ ๆ..." พ่อบ้านเจ้ายิ้มและอธิบายอย่างใจเย็น "นี่เป็นคำสั่งของท่านเจ้าตระกูล ข้าน้อยเพียงทำตามคำสั่งเท่า นั้น"
ไม่ใช่แค่ฉู่กูหยวี่ที่ไม่พอใจ แม้แต่สีหน้าของฉู่ยวนก็ เปลี่ยนไปด้วย รู้อยู่ว่าเป็นการหารือเรื่องสำคัญของตระกูล แต่กลับจงใจกีดกันฉู่เฟิงออกไป เจตนานี้ย่อมเป็นความจง ใจแต่แรก
"ท่านพ่อ พี่ใหญ่ รีบไปเถอะ ไม่งั้นท่านปู่จะโมโหได้" กลับกลายเป็นฉู่เฟิงที่ยังเก็บอารมณ์ไว้ได้ ความจริงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจสำหรับมันเลย มันชินชากับสถานการณ์แบบนี้มา นานแล้ว
"สัตว์อสูร" ฉู่เฟิงได้ยินเช่นนั้นจึงมุ่งหน้าไปที่หลังเขาใน ทันที
บริเวณหลังเขาเป็นแหล่งแร่สำคัญของตระกูลฉู่ เป็นที่มาของความมั่งคั่งของตระกูลเก่าแก่นี้ แต่คนงานที่ทำงานใน เหมืองส่วนใหญ่เป็นชาวบ้านธรรมดา แม้มีบางคนที่เคยฝึกวรยุทธ์บ้าง แต่ก็เรียนรู้แค่เพียงงู ๆ ปลา ๆ เท่านั้น
ฉู่เฟิงเคยเผชิญหน้ากับสัตว์อสูรมามากมายแล้ว รู้ ดีว่าต่อให้เป็นสัตว์อสูรระดับต่ำสุด ก็ใช่ว่าคนงานเหมือง ธรรมดา ๆ จะรับมือได้ ถ้าคนงานเหล่านั้นต้องเจอสัตว์ร้ายพวกนี้เข้า แทบไม่อยากจินตนาการเลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ในขณะที่ฉู่เฟิงวิ่งออกไปนั่นเอง มุมปากของอาจางผู้นี้กลับเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
"ท่านอาจาง ลำบากท่านแล้ว" ฉู่เฟิงเพิ่งจะจากไปไม่นาน ฉู่สวินก็ปรากฏตัวมันยื่นเหรียญเงินจำนวนหนึ่งให้อาจาง
"ฮิ ๆ ยินดีเสมอขอรับ" อาจางรับเงินทันที “ คุณชายฉู่สวิน สัตว์อสูรพวกนั้นอยู่แต่ในป่าลึก ท่านใช้วิธีอะไรล่อพวกมันออกมาถึงปากเหมืองหรือ?"
"เป็นความลับ"
"คุณชายช่างฉลาดหลักแหลมนัก แต่ข้าว่าสัตว์อสูรพวกนั้นมันน่ากลัวเกินไปหรือเปล่า เราควรจะรีบตามไปไหม" อาจางเพิ่งจะเห็นสัตว์อสูรเหล่านั้นจากที่ไกล แต่ภาพยังติดตา รู้สึกขวัญผวาอยู่ไม่หาย
"ท่านไม่ต้องกลัวหรอก สัตว์อสูรที่อยู่หลังเขา ต่อให้แกร่งแค่ไหนก็ไม่เกินขั้นที่สาม ฉู่เฟิงฝึกปรือวิชาอยู่ที่สำนักมังกรครามมาตั้งห้าปี ถ้าสัตว์อสูรไม่กี่ตัวนี้ยังรับมือไม่ได้ ก็ อย่ามีชีวิตอยู่ให้อับอายขายขี้หน้าเลย"
ฉู่สวินกล่าวหน้าตาเฉย มันอุตส่าห์วางแผนเล่นงานฉู่เฟิงมีหรือจะยอมเลิกราง่าย ๆ
"แต่ว่า คุณชาย... ถ้าเกิดฉู่เฟิงเป็นอะไรไปจริง ๆ แล้วถ้านายท่านฉู่ยวนจะเอาเรื่อง ก็แย่น่ะสิ" อาจางเริ่มกังวล
"งั้นก็ได้ เราตามไปดูหน่อย" ฉู่สวินเพิ่งนึกได้ว่าที่อาจางเตือนสติใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล ถ้าฉู่เฟิงตายขึ้นมาจริง ๆ ฉู่ยวนคงต้องสืบสาวราวเรื่องถึงที่สุด ถ้าจับได้ว่าเป็นแผนของ มัน เรื่องราวคงไม่สู้ดีนัก
แต่เรื่องที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วอีกครั้ง ฉู่สวินและอาจางยังไม่ทันเดินถึงตีนเขา ก็เห็นฉู่เฟิงและเหล่าคนงานเหมืองเคลื่อนขบวนมาแต่ไกล ประหนึ่งกำลังแห่ฉลอง อะไรบางอย่าง ที่แท้พวกคนงานกำลังแบกร่างสัตว์อสูรหลายตัวลงมาจากเนินเขานั่นเอง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: Martial God Asura เทพสายฟ้าราชาสงคราม
ไม่ลงต่อหรือครับ...