มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1181

สรุปบท บทที่ 1181: มหายุทธ์ สะท้านภพ

สรุปตอน บทที่ 1181 – จากเรื่อง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม

ตอน บทที่ 1181 ของนิยายประวัติศาสตร์เรื่องดัง มหายุทธ์ สะท้านภพ โดยนักเขียน หลงเซียว-มังกรคำราม เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

“นักยุทธ์ทั่วไปหลังจากที่บรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์แล้ว นักยุทธ์เหล่านั้นก็จะฝึกเซ่นสมบัติพิเศษของตัวเอง ทำให้มันเป็นอัญแห่งบรรลุ จากการยกระดับของผลการฝึกตนและแดนของตัวนักยุทธ์ จะทำให้สมบัติวิเศษวิวัฒนาการกลายเป็นศัสตราวุธ”

หลัวซิวลุกขึ้นแล้วเดินออกมาจากสถานที่ที่ฝึกตนปิดขัง พลางพูดพึมพำคนเดียว: “หลังจากที่ข้าบรรลุถึงแดนมหาจักรพรรดิยุทธ์ ก็เคยฝึกเซ่นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพหนึ่งด้านเช่นกัน แต่ทว่ามันกลับพังทลายไปในสงครามใหญ่ครั้งหนึ่ง ต้องฝึกเซ่นใหม่อีกด้านแล้วล่ะ”

สำหรับหลัวซิวแล้ว กฎการเวียนว่ายตายเกิดต่างหากที่เป็นรากฐานของเขา ถึงแม้ต่อมาเขาจะมีโอกาสได้ตระหนักรู้ในกฎห้วงเวลา แต่ทว่ากฎที่เขาให้ความสำคัญในการยกระดับมากที่สุดก็ยังคงเป็นการตระหนักรู้ในแดนกฎการเวียนว่ายตายเกิดอยู่เช่นเคย 

เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้รับมานั้น ล้วนเกิดจากลูกแก้วความเป็นตาย

และรากฐานของพลังจุติมรณะนั้นขึ้นอยู่กับวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพ ที่ซึ่งเป็นต้นแบบของวัฏสงสาร ด้วยพลังอมตะหนึ่งพลัง สามารถฝึกเซ่นให้กลายเป็นศัตราวุธกลับชาติได้

ตั้งแต่ที่วงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพถูกทำลายไปเมื่อครั้งก่อน หลัวซิวก็ไม่เคยฝึกเซ่นมันอีกเลย หากเขาจะฝึกเซ่น ก็ต้องใช้วัตถุดิบขั้นสูงมาฝึกเซ่น เช่นนี้ถึงจะไม่ถูกทำลายได้ง่าย ๆ เมื่ออยู่ในสงครามใหญ่ สามารถเจริญเติบโตไปพร้อมกับเขา 

“ได้ยินมาว่าในโลกเสวียนเทียนมีคูเมืองหนึ่ง ซึ่งมีนามว่าเมืองแก้วเทว ทุกส่วนของคูเมืองดังกล่าวล้วนสร้างมาจากแก้วเทว เจ้าเมืองคือเจ้านภาท่านหนึ่ง ผู้ซึ่งสร้างตัวด้วยการทำธุรกิจ”

“ทรัพย์สินที่ข้าได้มาจากการไปโลกเซียนเสวียนเทียนในครั้งนี้ได้มาไม่น้อย จะว่าไปข้าสามารถไปเที่ยวดูที่คูเมืองนั่นสักรอบก่อนได้ บางทีอาจจะเจอวัตถุดิบที่เหมาะกับการฝึกเซ่นวงล้อชีวิตแห่งเหล่าเทวเทพก็ได้”

เดินออกมาจากถ้ำที่เป็นสถานที่ฝึกตนปิดขัง เมื่อได้ยินว่าหลัวซิวจะไปทำธุระข้างนอก เสี่ยวเจียงหมิงก็งอแงบอกจะตามไปด้วยในทันที

ถึงอย่างไรเขาก็ยังเป็นเด็กคนหนึ่งอยู่ ตั้งแต่เช้ายันค่ำก็มีเพียงฝึกตนอยู่ในเขาทิพย์ ซึ่งมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อมาก ๆ เขากำลังทำตาแป๋วอย่างน่าสงสารพลางปากเบะ

“เอาเถอะ ข้าจะพาเจ้าไปด้วย”หลังจากที่คิดไปคิดมา หลัวซิวก็ตอบตกลง 

จากศักยภาพในปัจจุบันของเขา ไม่มีความจำเป็นต้องเกรงกลัวเทพมารอีกต่อไป ถึงแม้ผู้แข็งแกร่งเทพมารขั้นสูงจะย่างกรายมาถึง เขาก็มีความสามารถในการคุ้มกันตนอยู่ สำนักเซียนไร้เจตสิกนั่นก็ไม่มีความจำเป็นต้องส่งผู้แข็งแกร่งเทพฟ้าลงมือเพียงเพราะเด็กน้อยคนหนึ่ง

หลัวซิวไม่ยี่หระ แต่เขาไม่วางใจที่จะปล่อยให้เสี่ยวเจียงหมิงอยู่คนเดียว ดังนั้นเขาจึงพาเสี่ยวเจียงหมิงไปด้วย

อย่างไรก็ตามผู้ที่ยึดครองสำนักเต๋าเสวียนเทียนไปมิใช่เขาด้วยซ้ำ เขาจึงไม่มีทางใส่ใจเรื่องเหล่านี้อยู่แล้ว 

“ประเด็นคือทันทีที่ข้าเห็นหน้าคนในสำนักเซียนไร้เจตสิก ข้าก็อยากสับพวกมันออกเป็นหมื่นๆ ชิ้น!”

บนใบหน้าอันสวยสดงดงามของซุ๋นซินเหลียนมีความอาฆาตแค้นที่ดุดันปรากฏเล็กน้อย ความสัมพันธ์ระหว่างนางและช่าจื่อเยียนเหมือนดั่งพี่น้อง และสำนักเซียนไร้เจตสิกก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล่มสลายของสำนักเทียนช่าด้วย นี่จึงทำให้นางมองคนในสำนักเซียนไร้เจตสิกเป็นศัตรู

หลังจากที่ผ่านไปครู่หนึ่ง ซุ๋นซินเหลียนออกจากสำนักเจ้าศักดิ์สิทธิ์พลางพูดคนเดียว: “ไม่ได้ไปเยี่ยมเสี่ยวเจียงหมิงนานมากแล้ว ก็ไม่รู้เช่นกันว่าเขาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว”

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ นางจึงหกระเหินลอยขึ้นฟ้า ไม่นานนักก็ไปถึงเขาสุดหล้า

แต่ทว่าเมื่อนางตามหาถ้ำของหลัวซิวเจอแล้ว กลับพบว่าภายในถ้ำว่างเปล่าไม่มีอะไรเลย มีเพียงถังหยุนผู้เดียวเท่านั้นที่กำลังฝึกตนปิดขังอยู่ด้านใน 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ