“เจ้ายังไม่ได้ตอบคำถามของข้า” หลัวซิวก็ขมวดคิ้วด้วย
“เจ้ายังอ่อนแอเกินไป!” ซางส่ายศีรษะไปมา จากนั้นก็ไม่สนใจหลัวซิวทันที หันกลับและเดินเข้าไปในตำหนักวัฏสงสาร
“นี่มันเรื่อวอะไรกัน?” หลัวซิวยิ่งหมดคำจะพูดเข้าไปใหญ่ หากไม่ใช่ว่าไม่ชัดเจนว่าซางผู้นี้เป็นใครมากจากที่ใดกันแน่ เขาก็มีความรู้สึกวู่วามอยากจะตะโกนด่าอยู่เช่นกัน
นี่เป็นตัวหยั่งรู้ของเขา มาอาศัยอาณาเขตของตนอยู่ จะให้เกียรติกันหน่อยไม่ได้เลยหรือ?
ถึงแม้ว่าซางจะไม่ได้ตอบคำถามของตน แต่หลัวซิวก็พอที่จะเดาได้คร่าว ๆ ว่าจ้าววัฏสงสารรุ่นที่สิบที่อีกฝ่ายกล่าวถึงนั้น น่าจะหมายถึงเขา ทั้งหมดนี้น่าจะเกี่ยวข้องกับการที่เขาได้รับลูกแก้วความเป็นตายและตำหนักวัฏสงสาร
เมื่อความคิดถอนออกมาจากตัวหยั่งรู้ ทันใดนั้น เสียงคำรามของปีศาจเพลิงก็ดังขึ้นที่ข้างหูของหลัวซิว
“ไอ้มนุษย์มดไร้ค่า กล้าดีอย่างไรที่ไม่สนใจผู้ยิ่งใหญ่อย่างปีศาจเพลิง?”
“ข้าจะฆ่าเจ้า!”
“……”
หลัวซิวไม่ได้สนในเจ้าปีศาจเพลิงตนนี้ ในตอนนี้เขาสามารถมองออกแล้วว่า ปีศาจเพลิงตนนี้ถูกควบคุมอยู่ที่นี่และจะไม่สามารถโจมตีตนเองได้แต่อย่างใด ด้วยพละกำลังทั้งหมดของมัน ล้วนถูกค่ายกลภายในโถงใหญ่แห่งนี้ควบคุมเอาไว้แล้ว
สำหรับเรื่องที่ซางเพิ่งเอ่ยว่าให้เขากลั่นแปรเจ้าปีศาจเพลิงตนนี้เสีย หลัวซิวกลับทำได้เพียงยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้าปีศาจเพลิงตนนี้ยังมีชีวิตอย่างดีอยู่เลย ต่อให้มันยินยอมให้ตนกลั่นแปรได้ตามใจชอบ หลัวซิวประเมินการถึงผลการฝึกตนของตนในตอนนี้ มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะกลั่นแปร
แต่โถงใหญ่นี้เต็มไปด้วยพลังอันน่าเกรงขาม ต่างเป็นค่ายกลกลั่นแปรปีศาจเพลิงที่แผ่กระจายออกมา พลังล้นเหลือเช่นนี้ สำหรับหลัวซิวแล้วนั้น ผลลัพธ์ของดูดกลืนกลั่นแปร ไม่ด้อยไปกว่าการใช้ยาเซียนระดับแปดเลย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...