มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 187

ตอนที่หลัวซิวสังเกตเห็นเรือยักษ์ ดวงตาทั้งคู่ลุกวาวเป็นประกายทันที

อย่างไรเขาก็ถือเป็นปรมาจารย์ค่ายกลคนหนึ่ง แม้จะไม่เคยเห็น แต่ก็เคยได้ยินเรื่องของเรือรบ มันเป็นของวิเศษที่มีแต่ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งถึงมีสิทธิ์ขับเคลื่อน

ตัวเรือจำเป็นต้องได้รับการขัดเกลาโดยปรมาจารย์ด้านการหล่อหลอม หลังจากนั้นให้ปรมาจารย์ค่ายกลสลักอักษรรูนและยันต์ลงไป ทรัพยากรที่ต้องใช้ค่อนข้างสูง

เหตุผลที่เรียกเรือรบ เป็นเพราะมีความสามารถในการทำศึกที่แข็งแกร่ง

ก่อนอื่นคือบนเรือมีการติดตั้งปืนใหญ่พลังจิต ใช้หินพลังจิตเป็นตัวขับเคลื่อนพลังงาน ระเบิดพลังจิตธรรมดาเพียงแค่ลูกเดียว มีอานุภาพเพียงพอที่จะสังหารปรมาจารย์ฝึกจิต!

นอกเหนือจากนี้ บนตัวเรือมีการสลักอักษรรูนและยันต์ มีทั้งค่ายกลสังหาร ค่ายกลพันธนาการ ค่ายกลคุ้มกัน ล้วนแต่เป็นค่ายกลที่ซับซ้อนและแข็งแกร่งมาก และจำเป็นต้องใช้เวลาหลายปีภายใต้ความพยายามของปรมาจารย์รับร้อย ถึงจะเสร็จสมบูรณ์

เรือรบมีการแบ่งเป็นสี่ระดับ ได้แก่ ล่าง กลาง สูง และสุดยอด ในบรรดาทั้งหมดที่ธรรมดามากที่สุดคือเรือรบระดับล่าง และเพียงพอที่จะทำให้ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิ์ยุทธ์ขายบ้านขายทรัพย์สินก็ยังไม่มีปัญญาซื้อ

หนานหรงชินหวางที่รับผิดชอบในการแข่งครั้งนี้ไม่ใช่ผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิยุทธ์์ เรือลำนี้ก็ย่อมไม่ได้เป็นของเขา แต่เป็นของราชวงศ์ประเทศเทียนหวู

ในมุมมองของผู้คนมากมาย ที่ราชวงศ์ประเทศเทียนหวูยอมปล่อยให้หนานหรงชินหวางนำเรือรบลำนี้มา เป็นเพราะต้องการแสดงความน่าเกรงขามของราชวงศ์ แสดงความแข็งแกร่งของราชวงศ์

“เรือลำนี้น่าเกรงขามมาก ถ้าข้ามีแบบนี้สักลำก็คงจะดีไม่น้อย”

“เจ้าฝันไปเถอะ ถึงให้เจ้าหนึ่งลำ เจ้ามีปัญญาขับเคลื่อนหรือ?”

“ได้ยินมาว่ากันขับเคลื่อนเรือรบจำเป็นต้องใช้พลังจำนวนมหาศาล แม้แต่จักรพรรดิยุทธ์ทั่วไปก็ไม่มีปัญญาขับเคลื่อน”

……

ทันทีที่ทุกคนสังเกตเห็นเรือรบลำนี้ ภายในใจเต็มไปด้วยความตกใจ เพราะนี่เป็นสิ่งของในตำนาน อย่าว่าแต่สิบสามเขตปกครองของประเทศเทียนหวู่ แม้จะเป็นดินแดนทั้งหกเมือง ก็แทบจะไม่มีของชั้นสูงแบบนี้

เล่ากันว่าทั่วทั้งประเทศเทียนหวู่ มีแต่ราชวงศ์ของประเทศเทียนหวู่ที่มีเพียงเรือรบระดับล่างสองลำ ถ้าหากเปิดอานุภาพการทำลายล้างทั้งหมด ต้องเป็นอาวุธสังหารที่น่าสะพรึงกลัวในสนามรบอย่างแน่นอน

เรือรบลำนี้ดูเหมือนจะไม่ใหญ่ แต่บนดาดฟ้าและพื้นที่ภายในกลับโล่งกว้างมาก เห็นได้ชัดว่าเป็นพื้นที่ที่ก่อตัวขึ้นจากค่ายกล คล้ายคลึงกับหลักการของแหวนเก็บของ

เรือรบระดับล่างหนึ่งลำ เพียงพอที่จะจุคนหนึ่งพันคน

ทันทีที่หลัวซิวก้าวขึ้นบนเรือรบ ภายในใจเริ่มพลุ่งพล่านอย่างไม่สามารถควบคุม บนเรือรบมีการสลักอักษรรูนและยันต์ไว้มากมาย ละเอียดอ่อนและซับซ้อนมาก อยู่เหนือขอบเขตการเข้าใจของเขา

ในอนาคตหากตนเองสามารถครอบครองเรือรบแบบนี้สักลำ บินอยู่เหนือน่านฟ้าของสำนักเหลยหวู่โดยตรง มันจะน่าเกรงขามเพียงใด?

“หลัวซิว”

มีเสียงที่อ่อนโยนสายหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา หลัวซิวหันไปมอง สังเกตเห็นเหยียนซีโรว่ทันที

ขอเพียงแค่ได้เจอผู้หญิงคนนี้ หลัวซิวราวกับไม่สามารถควบคุมจิตใจของตัวเอง ทำให้เขาอยากรู้ว่ามันเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวแบบไหนกันแน่ ถึงสามารถทะลวงวัฏจักรการกลับชาติมาเกิดของฟ้าดิน หลบซ่อนอยู่ในส่วนลึกของจิตวิญญาณตนเอง?

“ซีโรว่” หลัวซิวก็ยิ้มทักทาย แม้มีการต่อต้านอิทธิพลของสิ่งยึดเหนี่ยวเล็กน้อย แต่โดยพื้นฐานภายในจิตใจ หลัวซิวไม่ได้รังเกียจผู้หญิงคนนี้

เทพแห่งวัฏจักรชีวิตก็เคยพูดแล้ว เหยียนซีโรว่เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวของเขา เรื่องนี้การกลับชาติมาเกิดไม่สามารถเปลี่ยนแปลง

หลินเจียเอ่อร์ที่มากับหลัวซิวมองด้วยความสงสัยแวบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว

นางรู้ว่าข้างกายของหลัวซิวมีผู้หญิงที่ชื่อลู่เมิ่งเหยา และตอนนี้ก็มีผู้หญิงที่งดงามแบบนี้ปรากฏขึ้นอีกคน หมอนี่เป็นคนประเภทเจ้าชู้หลายใจด้วยหรือ?

คิดถึงตรงนี้ ภายในใจของนางเกิดความรู้สึกรังเกียจหลัวซิวเพิ่มอีกเล็กน้อย ส่งเสียงฮึ่มแล้วหันหลังเดินจากไป สิ่งที่เธอรังเกียจมากที่สุดก็คือผู้ชายเจ้าชู้

หลินเจียเอ่อร์จะคิดยังไง หลัวซิวขี้เกียจไปสนใจ

“ไอ้เด็กเมื่อวานซืนใช้ได้เลยนะ” หัวหน้าแก๊งเสิ่นหยวนหนานกะพริบตาใส่หลัวซิว ในรอยยิ้มมีความหมายที่ลึกซึ้งแอบแฝง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ