มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1870

และยังมีเคล็ดวิชาจุดลมปราณของเขา ทรัพยากรที่ต้องสูญเสียไปนั้น อยู่เหนือกว่าเคล็ดแสงดาวเทียนเต้าเสียอีก

ความคิดขับเคลื่อน ร่างของหลัวซิวก็ได้ออกมาจากโซนสงสารวัฏ และปรากฏตัวขึ้นที่ด้านนอก

ดวงดาวดวงนั้นได้หายไปแล้ว ภายใต้การโจมตีของตำหนักวัฏสงสาร แม้กระทั่งดวงดาวก็ยังถูกทำลาย แล้วจะนับอะไรกับปีศาจสาวชุดดำที่แปลงร่างมาจาก เถาปีศาจโลหิตมารกระหาย?

“เมื่อไหร่กันข้าถึงจะมีพลังที่สามารถทำลายดวงดาวหนึ่งดวงได้?” หลัวซิวกวาดสายตามองฝุ่นละอองที่ลอยเต็มอยู่ในจักรวาล ภายในใจก็ต้องทอดถอนใจ

มีเพียงผู้แข็งแกร่งแดนจ้าวมหาเทพถึงจะมีพลังที่สามารถทำลายดวงดาวดวงหนึ่งได้ หลัวซิวประเมินอยู่ภายในใจว่าการโจมตีที่ตัวมรณาขับเคลื่อนตำหนักวัฏสงสาร เทียบได้กับการโจมตีของผู้แข็งแกร่งระดับจ้าวมหาเทพแล้ว

พลิกฝ่ามือ ตำหนักทองเหลืองโบราณขนาดเท่าฝ่ามือได้ปรากฏขึ้นที่ใจกลางฝ่ามือซ้ายของเขา ส่วนที่ใจกลางฝ่ามือขวามีลูกแก้วความเป็นตายที่ไร้ซึ่งแสงสว่างลอยอยู่

ตอนนี้ตัวมรณาได้หลับใหลไปแล้ว ก่อนที่ตัวมรณาจะหลับใหลไป ตำหนักวัฏสงสารและลูกแก้วความเป็นตายได้ถูกเขาใช้เคล็ดวิชาพิเศษอย่างหนึ่งผนึกเอาไว้ ทำให้ตอนนี้หลัวซิวสามารถขับเคลื่อนของขลังทั้งสองชนิดมารับมือกับศัตรูได้

“จะต้องรีบเพิ่มระดับผลการฝึกตนของข้าโดยเร็ว”

ตำหนักวัฏสงสารสามารถใช้ทับเพื่อสังหารศัตรูได้ ลูกแก้วความเป็นตายสามารถดูดซับพลังชีวิตและชี่มรณะของสรรพสิ่งได้ นอกจากนี้แล้วปริภูมิที่อยู่ในลูกแก้วยังได้ซ่อนเงาสะท้อนของวัฏสงสารโบราณเอาไว้ ถ้าหากแสดงออกมาละก็ ก็จะต้องเป็นอาวุธสังหารอย่างหนึ่งแน่นอน

หลัวซิวเพียงแค่ครุ่นคิดเล็กน้อยเข้าใจถึงเจตนาของตัวมรณาขึ้นมาทันที ก่อนหน้านี้เขาได้ใช้ตำหนักวัฏสงสารจู่โจมออกมาด้วยพลังที่น่าตกตะลึงซึ่งสามารถทำลายดวงดาวได้ จากนั้นยังได้ทิ้งของขลังทั้งสองอย่างเอาไว้ให้ตนเอง ก็เพราะต้องการให้หลัวซิวฝึกเซ่นสุดยอดอาวุธทั้งสองชิ้นนี้เพื่อใช้เป็นอาวุธมรรคผลของตนเอง

ของขลังทั้งสองชิ้นนี้ได้แปลงมาจากชิ้นส่วนของวัฏสงสารโบราณที่พังทลาย ถ้าหากใช้มันเป็นอาวุธชีวีมรรคผล เช่นนั้นหลัวซิวก็จะต้องฝึกฝนวิถีวัฏจักรถึงจะทำให้ของคลังทั้งสองชนิดนี้เพิ่มระดับขึ้นไปอย่างไม่หยุด และแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ