มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1926

สรุปบท บทที่ 1926: มหายุทธ์ สะท้านภพ

บทที่ 1926 – ตอนที่ต้องอ่านของ มหายุทธ์ สะท้านภพ

ตอนนี้ของ มหายุทธ์ สะท้านภพ โดย หลงเซียว-มังกรคำราม ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายประวัติศาสตร์ทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง บทที่ 1926 จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที

ในจำนวนดาราทั้งหมดบนผังดาวตก ดาราที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังเป็นเงาลวงของดาราโบราณมกุฎเทพทั้ง 18 ดวง 

เส้นผมที่ยาวสลวยปลิวลอย ชุดคลุมยาวสีดำล้วน กำหอกมังกรแดงมืดไว้ในมือ หน้ากากสีแดงเลือดดุร้าย ส่วนด้านหลังของหลัวซิวนั้นคือดาราที่ลอยเต็มท้องฟ้า พร้อมกับวัฏสงสารที่กว้างใหญ่……

รูม่านตาของมู่ช่าวหวงหดลง พลังออร่าอันเกะกะระรานที่หลัวซิวแสดงออกมา ณ วินาทีนี้ รวมไปถึงปรากฏการณ์ประหลาดที่กลายมาจากวิถียุทธ์ของเขามันทำให้ผู้อื่นตกตะลึงได้จริง ๆ 

“ศักยภาพของมึงแข็งแกร่งมาก อยู่เหนือการคาดหมายของคุณชายอย่างกู ซึ่งมีคุณสมบัติให้กูลงมือจบเรื่องนี้โดยกำมือของกูแล้ว”

มู่ช่าวหวงยืนอยู่บนชั้นดาดฟ้าของเรือรบ ทันใดนั้นเองเรือรบทองคำก็เหมือนภูเขาสูงใหญ่ที่สูงตระหง่านพุ่งชนเข้ามาทางหลัวซิวอย่างดุดัน

เรือรบทองคำลำนี้เทียบเท่าของขลังระดับจ้าวมหาเทพหนึ่งชิ้น ถึงแม้หลัวซิวจะถือดีมากเพียงใด เขาก็รู้ดีอยู่ว่าตนต้านทานไม่ไหว

ด้วยเหตุนี้เขาจึงเรียกดาราโบราณมกุฎเทพดวงหนึ่งออกมาอย่างไม่ลังเลใจ แล้วพุ่งชนเข้าไปทางเรือรบทองคำ 

“ตู้มม!”

การพุ่งชนของของขลังระดับจ้าวมหาเทพนั้นน่าสยดสยองอย่างยิ่ง สีหน้าของหลัวซิวเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน มีเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปาก ร่างกายถอยหลังกลับไปอย่างต่อเนื่อง ทุกย่างก้าวที่ถอยหลัง เขาก็จะกระอักเลือดออกมาหนึ่งครั้ง

ในการปะทะของของขลังระดับจ้าวมหาเทพ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าดาราโบราณมกุฎเทพเสียเปรียบ ภายใต้การกดอัดและพุ่งชนของเรือรบทองคำ มันจึงพ่ายแพ้ถอยร่นอย่างต่อเนื่อง 

“เรือรบทองคำลำนี้ของกูเป็นของขลังจ้าวมหาเทพชั้นสูง ส่วนของมึงก็เป็นเพียงชั้นล่างกระจอก ๆ ชิ้นหนึ่ง จักสามารถต่อกรกับเรือรบของกูได้หรือ?”

มู่ช่าวหวงยิ้มอย่างเยือกเย็น มีแสงเรืองเป็นประกายระยิบระยับตรงหว่างคิ้ว กงล้อเทพวงหนึ่งบินออกมาและกลายเป็นกงล้อที่มีรัศมีหลายร้อยเมตรภายในชั่วพริบตา คำรามแล้วพุ่งตรงไปฆ่าหลัวซิว 

กงล้อเทพวงนี้ก็ไม่ใช่ของธรรมดาเช่นกัน แต่เป็นศัตราวุธราชาชั้นยอดชิ้นหนึ่ง พลานุภาพแข็งแกร่ง ซึ่งสามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งมกุฎเทพช่วงปลายหวาดหวั่นพรั่นพรึง!

“แผดเผา!”

หลัวซิวร่ายพลังตราประทับอีกครั้ง ดาราโบราณมกุฎเทพดวงที่สามและสี่บินออกมา ดารามืดสนิทสี่ดวงที่ใหญ่โตมโหฬารลอยเรียงกันในแนวขวางอยู่ตรงขอบฟ้า ภายใต้การโน้มนำจากปณิธานของหลัวซิว ทั้งสี่ดวงจึงเรียงกันเป็นค่ายเทวสี่ทิศ

ดาราโบราณมกุฎเทพไม่ใช่ของขลังที่ฝึกเซ่นมาจากวัตถุดิบระดับจ้าวมหาเทพแต่อย่างใด แต่เป็นดาราชีวีที่ผนึกรวมขึ้นมาในร่างกายของจ้าวมหาเทพแสงดาวครั้นเมื่อท่านฝึกเคล็ดแสงดาวเทียนเต้า

หลังจากที่จ้าวมหาเทพแสงดาวดับสลายสูญสิ้นไปแล้ว ดาราชีวีที่ผ่านการฝึกฝนและทดสอบมาอย่างโชกโชนจึงถูกเก็บรักษาไว้และสืบต่อมา มันถึงจะกลายเป็นของขลังระดับจ้าวมหาเทพ ซึ่งมีส่วนที่ยอดเยี่ยมที่สุดของผลการฝึกตนตลอดทั้งชีวิตของผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพท่านนี้บรรจุไว้ในดารา

ดาราโบราณมกุฎเทพดวงหนึ่งเทียบเท่าของขลังระดับจ้าวมหาเทพชั้นล่าง แต่ถ้าเกิดดาราโบราณมกุฎเทพทั้งสี่ดวงเรียงกันจนประกอบเป็นค่ายกล พลานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาจึงสามารถเทียบทัดของขลังระดับจ้าวมหาเทพชั้นกลางแล้ว

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว สีหน้าของมู่ช่าวหวงจึงเปลี่ยนแปลงไป มีสมบัติอีกชิ้นหนึ่งบินออกมาจากจุดตันเถียน ซึ่งมันก็คือกระบี่เทวที่สะดุดตาเล่มหนึ่ง เป็นศัตราวุธราชาชั้นยอดเช่นกัน ฉีกกระชากแผ่นฟ้า ปราณกระบี่ยาวหลายสิบไมล์

หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง แล้วเรียกตำหนักวัฏสงสารออกมา เมื่อปราณกระบี่ที่ยาวหลายสิบไมล์ฟาดฟันลงด้านลง ก็ไม่สามารถทำให้ตำหนักหลังนี้สั่นคลอนได้แม้แต่น้อย

ถึงแม้พลานุภาพจากดาราโบราณมกุฎเทพทั้งสี่ดวงที่เรียงกันเป็นค่ายกลก็ยังด้อยกว่าเรือรบทองคำหนึ่งขั้น แต่ทว่าระยะความต่างของทั้งสองกลับต่างกันไม่มากแล้ว จากพลังโจมตีที่ถ่ายทอดมาจากดาราโบราณมกุฎเทพ เมื่ออาศัยร่างยุทธ์ร่างเนื้อของหลัวซิวแล้วก็สามารถต้านทานเรือรบทองคำไว้ได้แล้ว

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ