มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 1970

สรุปบท บทที่ 1970: มหายุทธ์ สะท้านภพ

ตอน บทที่ 1970 จาก มหายุทธ์ สะท้านภพ – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

บทที่ 1970 คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายประวัติศาสตร์ มหายุทธ์ สะท้านภพ ที่เขียนโดย หลงเซียว-มังกรคำราม เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

อีกฝั่งหนึ่ง ศิษย์น้องของเสิ่นปิงหยูก็กำลังมองไปทางเงาหลังของหลัวซิวด้วยสายตาที่เลื่อมใสศรัทธาเช่นกัน ผู้ที่ถูกขนานนามว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานในหมู่อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศ ถูกลิขิตไว้แล้วว่าจะกลายเป็นตำนานเรื่องหนึ่ง

โอรสสวรรค์โชคลาภถูกสังหาร พระโอรสจ้านเทียนหลบหนี จุดจบเช่นนี้ล้วนอยู่เหนือการคาดหมายของทุกคน 

สายตาจำนวนมากต่างเขม็งมองไปทางเงาร่างที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนกลุ่มเมฆ จิตใจของคนจำนวนไม่น้อยต่างสั่นคลอนอย่างควบคุมไม่ได้

มาตรแม้นว่าพระโอรสจ้านเทียนนั่นจะได้รับสมญานามว่าเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่ง แต่ก็ไม่เคยถูกผู้อื่นเทิดทูนว่าเป็นผู้ไร้เทียมทานมาก่อน เนื่องจากในวัยรุ่นยุคใหม่มีผู้ที่เป็นผู้ภาคภูมิของสวรรค์จำนวนมากต่างคิดว่าตนเองไม่อ่อนกว่าผู้ใด ยกตัวอย่างเช่นมู่ช่าวหวงนั่น ก็เคยลงไม้ลงมือกับพระโอรสจ้านเทียนอย่างยิ่งใหญ่มาก่อนเช่นกัน 

แต่ทว่าเมื่อเผชิญหน้ากับหลัวซิวที่อยู่ตรงหน้า กลับไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ ซึ่งนี่ก็คือความน่าเกรงขามของผู้ไร้เทียมทาน!

เวลาล่วงเลยไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว ทัณฑ์สายฟ้าพิโรธยังคงดำเนินการต่อไปเรื่อย ๆ กระทั่งเสิ่นปิงหยูข้ามผ่านทัณฑ์สำเร็จ ตั้งแต่เริ่มต้นจนกระทั่งถึงบัดนี้ไม่มีผู้ใดกล้าลงมืออีกเลย

ในช่วงเวลานี้บาดแผลของหลัวซิวก็ฟื้นฟูกลับมาเล็กน้อยเช่นกัน ทว่าสำหรับระยะห่างของการฟื้นฟูกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์นั้น ยังต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่ง  

อย่างไรซะร่างกายก็ถูกตัดออกเป็นสองท่อนโดยกระบี่ตรีภพ สภาพอาการบาดเจ็บเช่นนี้ หากเปลี่ยนเป็นคนอื่นเกรงว่าคงตายไปตั้งนานแล้ว การที่เขายังมีชีวิตอยู่ อีกทั้งยังสามารถฟื้นฟูสู่สภาพเดิมโดยสิ้นเชิงได้นั้น ก็ถือว่าทำลายกฎธรรมชาติมาก ๆ แล้ว ในส่วนของการจะฟื้นฟูสู่สภาพเดิมภายในระยะเวลาสั้น ๆ นั้น กลับเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ 

อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศจำนวนมากต่างส่ายหน้า ก่อนจะพากันถอยกลับ ถึงแม้จะมีคนจำนวนมากตายใจจากกระบี่ตรีภพไม่ได้ก็ตาม ทว่ากลับไม่มีผู้ใดกล้าลงมือ

ยิ่งกว่านั้นคือขาวลือเล่ากันว่าสมบัติล้ำค่าอีกชิ้นหนึ่งอย่างหินนิรันดร์ ก็อยู่ในกำมือของคนดังกล่าวเช่นกัน

หลังจากข้ามผ่านทัณฑ์สำเร็จ บุคลิกลักษณะของเสิ่นปิงหยูก็ดูโดดเด่นมากยิ่งขึ้น นางฝึกพลังจักรพรรดิมหาวาลโดยสองขั้วอัคคีเยือก คนส่วนมากจึงเห็นเพียงด้านที่เย็นเยือกดุจเทพธิดาของนาง กลับไม่เห็นอุปนิสัยที่กระตือรือร้นดุจไฟของนาง

“เงื่อนไขใดก็ได้!”และคำตอบของเสิ่นปิงหยูก็อยู่ในการคาดหมายของหลัวซิวเช่นกัน นาง ณ วินาทีนี้ราวกับว่าหลัวซิวแค่ผงกหัว ก็สามารถดื่มด่ำกับเรือนร่างที่งามบริสุทธิ์และเย้ายวนนั่นของนางได้อย่างเต็มที่ 

และแล้วหลัวซิวก็ยังคงส่ายหน้าเช่นเคย “เจ้ารู้สึกว่าเจ้ามีเงื่อนไขอะไรที่สามารถแลกเปลี่ยนกับกระบี่ตรีภพในมือข้าหรือ? เจ้าทราบมูลค่าของกระบี่ตรีภพหรือไม่?”

หลัวซิวไม่ใช่คนเหลวไหลมักมากในกามคุณ สำหรับเสิ่นปิงหยูนั้น มากสุดก็เป็นได้เพียงสหายธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น ยังไม่ถึงขั้นมอบสมบัติไร้เทียมทานให้แล้วเปิดอกปฏิบัติต่อกันด้วยน้ำใสใจจริง 

“ตำนานเล่ากันว่าสมบัติล้ำค่าสามชิ้นในแดนเทวนิรันกาล เป็นสมบัติล้ำค่าที่กำเนิดมาจากกฎฟ้าดินดั้งเดิม และมีข่าวลือเล่ากันว่าสมบัติล้ำค่าสามชิ้นนี้อยู่เหนือกฎฟ้าดิน เป็นภัณฑ์เซียนล้ำค่าที่แม้แต่มหาจักรพรรดิยุทธ์ผู้ไร้เทียมทานยังใฝ่หาแม้ในยามหลับฝัน!”

จากตัวตนของเสิ่นปิงหยู นางก็ต้องเป็นผู้มีความรู้และประสบการณ์กว้างขวางอยู่แล้ว แม้จะไม่ทราบการคงอยู่ของพลังแห่งเกณฑ์ ทว่าก็ทราบความล้ำค่าและการไม่สามารถประมาณค่าของกระบี่ตรีภพอยู่ 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ