ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็ยกมือขึ้นมาสลักวาดลงกลางอากาศที่ว่างเปล่า ยันต์ค่ายสิบกว่ายันต์ถูกเขาวาดออกมาอย่างต่อเนื่อง จากนั้นมันก็กลายเป็นลำแสงหลายดวง พุ่งเข้าไปในกำแพงหินที่อยู่ข้างหน้า
บนกำแพงหินนี้มีค่ายกลต้องห้ามแฝงซ่อนอยู่ หากผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องค่ายกลไม่มีทางมองออกแน่นอน อีกทั้งค่ายกลต้องห้ามดังกล่าวถูกสลักวาดโดยคนไม่ธรรมดา หากไม่ใช่เพราะกาลเวลาผ่านพ้นมายาวอย่างไม่รู้จบจนค่ายกลเสื่อมถอยลงไปมากแล้ว จากระดับฝีมือและผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของหลัวซิว การที่จะทลายมันนั้น เกรงว่าคงเป็นเรื่องที่ทำได้ยากมาก
โครมคราม……
หลังจากยันต์ค่ายสิบกว่ายันต์ถูกปล่อยลงกำแพงหินแล้ว ท่ามกลางเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น ก็มีรอยแยกหนึ่งปรากฏกลางกำแพงหิน
มีคนจำนวนไม่น้อยก็เข้ามาในเส้นทางดังกล่าวของหุบเขาเช่นกัน เสียงการเคลื่อนไหวฝั่งหลัวซิว ได้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนมากในทันที
ดังนั้นภายใต้กระแสสัมผัสตัวสำนึกของหลัวซิว มีพลังออร่าจำนวนมากเร่งความเร็วกะทันหัน มุ่งหน้าตรงมายังทิศทางนี้
“ไปกันเถอะ เราเข้าไปก่อน”หลัวซิวไม่เก็บเอามาใส่ใจ จากผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขา นอกเสียจากว่าจ้าวมหาเทพจะย่างกรายมาถึงด้วยตนเอง โดยส่วนใหญ่แล้วคนอื่น ๆ แทบจะไม่สามารถข่มขู่เขาได้เลย
“ท่านพี่ช่างเก่งกาจเสียจริง ข้าถึงขั้นอยากเรียนค่ายกลแล้วเจ้าค่ะ”เมื่อเห็นว่ามีรอยแตกปรากฏบนกำแพงหิน หนิงหานยู่จึงอดไม่ได้ที่จะยิ้มแป้นพลางพูด
“ยัยหนูอย่างเจ้าน่ะช่างมันเถอะ เจ้าไม่มีพรสวรรค์ด้านค่ายกล”หลัวซิวยิ้มพลางส่ายหน้า ก่อนจะย่างเท้าเดินนำเข้าไปก่อน
หลังจากข้ามผ่านกำแพงหินมาแล้ว หลัวซิวก็เห็นแท่นหินหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล มีแสงสีทองที่แวววาวจับตาลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบแท่นหิน แล้วสัมผัสออร่ากฎธาตุทองที่เฉียบคมได้อีกด้วย
“นั่นคืออะไรน่ะ?”หนิงหานยู่ยืดคอมองไปข้างหน้าอย่างสงสัย
“เลือดมังกร”หลัวซิวยิ้มพลางตอบกลับ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...