“โฮกก!”
ในห้วงดาราที่กว้างใหญ่อย่างไร้ขอบเขต มีเสียงคำรามที่เปี่ยมล้นไปด้วยความร่าเริงดังก้องขึ้นมา หลังจากกลืนกินช่องจิตของบรรพอาจารย์เทียนคุนแล้ว อสูรดูดจิตก็วิวัฒนาการสำเร็จอีกครั้ง บรรลุถึงระดับมกุฎเทพ
หลังจากผ่านไปอีกระยะหนึ่ง หนิงหานยู่ก็ออกจากการปิดขังแล้ว ครั้งนี้นางได้กลั่นแปรเลือดมังกร ในที่สุดผลการฝึกตนที่ทลายประตูแห่งกฎเกณฑ์ ก้าวเข้าสู่แดนมกุฎเทพสำเร็จ
นอกจากนี้แล้วดอกผลของฉียู่หรงและจีเสี่ยวจื่อก็ไม่น้อยเช่นกัน ต่างเลื่อนจากมกุฎเทพขั้นปฐมภูมิก้าวเข้าสู่มกุฎเทพช่วงกลาง
ในหนึ่งแดนใหญ่นั้นแบ่งออกเป็นเก้าแดนเล็ก ทุก ๆ สามแดนเล็กคือหนึ่งช่วง บางทีมกุฎเทพขั้น 3 คนหนึ่งอาจจะไม่แข็งแกร่งกว่ามกุฎเทพขั้น 1 มากเท่าไหร่นัก แต่มกุฎเทพขั้น 4 คนหนึ่งกลับแข็งแกร่งกว่ามกุฎเทพขั้น 3 มาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือสามารถทำการกดอัดมกุฎเทพขั้น 3 ได้ด้วย!
เพราะฉะนั้นแล้วการที่จีเสี่ยวจื่อและฉียู่หรงสามารถบรรลุถึงมกุฎเทพช่วงกลางได้นั้น พูดได้เลยว่าการฝึกยุทธ์ของพวกนางมีการพัฒนาหนึ่งก้าวใหญ่
ยืนอยู่บนดาดฟ้าของเรือรบ หลัวซิวนั่งท่าขัดสมาธิ ด้านหน้ามีโต๊ะตั้งอยู่หนึ่งตัว ฉียู่หรงกำลังรินเหล้าให้เขาอยู่ข้าง ๆ อย่างเชื่อฟังคำสั่ง
มีเสียงคำรามของอสูรดูดจิตดังมาจากบริเวณรอบ ๆ ของเรือรบทองคำอยู่เป็นระยะ มัน ณ ปัจจุบันถือว่ามีความสามารถในการแสดงพลานุภาพขั้นพื้นฐานออกมาในห้วงดาราได้แล้ว
“ใกล้จะถึงดาราอัมพรเทวแล้ว”หลัวซิวเบิ่งมองห้วงดาราพลางพูด
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าท่าทางที่กำลังรินเหล้าของฉียู่หรงชะงักลงไปเล็กน้อย สำหรับนางแล้ว ในดาราอัมพรเทวมีเรื่องราวบางอย่างที่นางลืมไม่ลง
“ในเมื่อเดินทางผ่าน ก็ไปเที่ยวเล่นบนดาราอัมพรเทวอีกรอบเถิด”หลัวซิวพูดอย่างเรียบนิ่ง เขาต้องรู้อยู่แล้วว่าจิตใจของฉียู่หรงกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
“คุณชายเจ้าค่ะ ข้า……”สภาพจิตใจของฉียู่หรงซับซ้อนเล็กน้อย ภายในเวลาชั่วขณะ นางถึงกับไม่รู้เลยว่าควรพูดอะไรดี
ความเร็วในการโบยบินของเรือรบทองคำรวดเร็วมาก ๆ ผ่านไปไม่นานนักก็มาถึงดาราอัมพรเทวอีกครั้ง
รุ่นหลังจำนวนมากไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควร ทว่าสีหน้าของเหล่าผู้อาวุโสแดนมกุฎเทพที่อยู่ในตำหนักตระกูลฉีต่างดูตึงเครียด ราวกับศัตรูตัวฉกาจมาเยือน
“เหตุใดมันจึงมาตระกูลฉีของข้า?”มีผู้อาวุโสถามด้วยความสงสัย
ทั้งโลกะอัมพรเทว ไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกเจ้าของเรือรบทองคำนั่นเลย ครั้นเมื่ออยู่ในละแวกเหวญาณปีศาจ ภาพเหตุการณ์ที่เทพปีศาจเฒ่าแห่งตระกูลจู้ถูกสังหารนั้น เรียกได้เลยว่าสะเทือนใจสะเทือนขวัญผู้คน
“ไม่ว่าจุดประสงค์ที่มันมาตระกูลฉีของเราคืออะไร ตระกูลฉีของเราก็จะถดถอยไม่ได้ มิหนำซ้ำเมืองล้นฟ้าคืออาณาบริเวณของตระกูลฉีเรา ผ่านการดูแลจัดการโดยรุ่นต่อรุ่นของตระกูลฉีมาจนกลายเป็นกำแพงเมืองแข็งแรงมั่นคง ขอแค่ปลุกตื่นบรรพอาจารย์ การจะกำราบหลัวซิวนั้นไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด!”
นายท่านตระกูลฉีคนปัจจุบัน ฉีถงหั้วพูดกระแทกเสียงต่ำ “ทุกคนก็ต่างทราบเช่นกันว่าสำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้ารับปากไว้แล้วว่า หากผู้ใดสามารถจับกุมตัวหลัวซิวได้ ก็จะประทานวรยุทธ์การถ่ายทอดสืบสานระดับจักรพรรดิเทพให้แก่คนคนนั้น”
“ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของนายท่าน เมืองล้นฟ้าคืออาณาบริเวณของเรา คนดังกล่าวบุกมาถึงที่นี่อย่างเหิมเกริม ก็คือการเข้ามาติดกับเอง!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...