“โอกาสที่ดีงามเช่นนี้ จะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้อยู่แล้ว”
เมื่อเห็นว่านายท่านเอ่ยปากพูดแล้ว พวกอาวุโสจำนวนไม่น้อยที่อยู่ในห้องโถงใหญ่ก็ต่างเห็นด้วยกับข้อเสนอแนะ แสดงให้เห็นว่าตนสนับสนุน
“แต่ทุกท่านเคยคิดหรือไม่? ในเมื่อหลัวซิวกล้ามาเมืองล้นฟ้า หรือว่าเขาจะไม่มีอุบายในการถดถอยกลับไปอย่างปลอดภัยเลย?”
ภายในห้องโถงใหญ่ ผู้อาวุโสคนหนึ่งที่นั่งอยู่ในตำแหน่งที่ค่อนข้างห่างไกลค่อย ๆ เอ่ยปาก
“ใช่ คนดังกล่าวรู้ทั้งรู้ว่าตนเองถูกสำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้าออกหมายจับกุมตัว แต่ยังกล้าปรากฏตัวทุกแห่งทุกหนอีก คนประเภทนี้หากไม่หลงระเริงถึงขีดสุด ก็คือมีการเตรียมพร้อมอยู่ในใจมาแล้ว จึงมีจิตใจที่สงบเยือกเย็น”มีผู้อาวุโสพูดอีก
“ข้าคิดว่าหลัวซิวนั่นก็คือผู้ที่หลงระเริงถึงขีดสุดมากกว่า ครั้นเมื่อมันสังหารเทพปีศาจเฒ่าตระกูลจู้ สิ่งที่พึ่งพาก็คือพลังอมตะเคล็ดวิชาที่ปราบปราบกฎเพลิงอัคคีได้พอดีเท่านั้นแหละ”
“ถูกต้อง การล่มสลายของตระกูลจู้นั้นเป็นเพราะพวกเขาเฮงซวย แต่ตระกูลฉีของเราจะไม่เป็นเช่นนั้นเด็ดขาด”
ในห้องโถงใหญ่มีผู้อาวุโสประมาณสิบกว่าคน ในจำนวนทั้งหมดมีเพียงสองสามคนเท่านั้นที่คัดค้านการลงมือต่อหลัวซิวบัดนี้ คนที่เหลือส่วนมากล้วนสนับสนุนข้อคิดเห็นของนายท่าน ให้ปลุกตื่นบรรพอาจารย์ แล้วกำราบหลัวซิวอย่างสุดความสามารถ จากนั้นค่อยไปขอความดีความชอบจากสำนักจักรพรรดิแห่งโลกาชั้นฟ้า
“คำพูดของคนฐานะต่ำมันช่างไร้ราคาจริง ๆ……”
“ข้ามีลางสังหรณ์ว่าตระกูลฉีจะเปลี่ยนจากดีเป็นเลวแล้ว……”
ผู้อาวุโสอายุมากสองสามคนถอนหายใจ อดีตพวกเขาเคยเป็นผู้สนับสนุนนายท่านตระกูลฉีรุ่นก่อน ทว่าตั้งแต่นายท่านคนปัจจุบันขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายท่านเป็นต้นมา จึงทำการกดขี่พวกเขา พวกเขาที่อยู่ในตระกูลฉีก็เหมือนมีเพียงยศเป็นผู้อาวุโส โดยส่วนใหญ่แล้วแทบจะไม่มีอำนาจใด ๆ เลย
เรือรบทองคำลอยอยู่เหนือนภาเมืองล้นฟ้า หลัวซิวปรากฏตัวพร้อมกับสตรีทั้งสามนาง ก่อนจะมุ่งหน้าเดินลงมาจากเรือรบ มาถึงหน้าประตูใหญ่ตำหนักตระกูลฉี
ผลักประตูแล้วเดินเข้าไป ภายในตำหนักตระกูลฉีว่างเปล่า กระทั่งเมื่อมาถึงห้องโถงใหญ่ที่มีพื้นที่กว้างขวางแห่งหนึ่ง หลัวซิวถึงจะเห็นผู้คนในตระกูลฉี
เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว สีหน้าของผู้อาวุโสตระกูลฉีจำนวนมากก็ดูเข้มงวดขึ้นมา ท่ามกลางสายตาแต่ละคู่ที่มองมาจากรอบ ๆ หลัวซิวเดินเข้าไปกลางห้องโถงใหญ่ปานเดินเล่นในสวนสาธารณะ
บนใบหน้าเขามีรอยยิ้มที่สุขุมเรียบนิ่ง ราวกับว่าตระกูลฉีไม่ใช่แหล่งที่เต็มไปด้วยภยันตรายสำหรับเขา แต่เป็นเหมือนสวนดอกไม้หลังบ้านตนเองมากกว่า
“ที่ข้าเดินทางมาในครั้งนี้ ก็เพื่อช่วยสหายข้าสะสางบุญคุณความแค้นบางอย่างกับใครบางคน”หลัวซิวค่อย ๆ เอ่ยปากพูด
“สหายของเจ้า? ไม่ทราบว่าสหายของเจ้าคือผู้ใด แล้วมีบุญคุณความแค้นอะไรต่อตระกูลฉีของข้า?”ผู้อาวุโสคนหนึ่งถามกระแทกเสียงต่ำ
หลัวซิวหัวเราะไม่ได้พูดอะไร ฉียู่หรงที่ยืนอยู่ด้านหลังเขาค่อย ๆ ย่างเท้าเดินออกมา พลางถอดผ้าคลุมหน้าลงมา
“ไม่ทราบว่าผู้อาวุโสทุกท่านจำข้าได้หรือไม่?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...