ควันหลงจากการคำรามยังคงวนเวียนอยู่กลางท้องฟ้า ทำให้วัยรุ่นที่นิสัยใจร้อนและเหี้ยมโหดเหล่านี้ตะลึงงันคาที่ เนื่องจากแค่พลานุภาพในการคำรามของอสูรกายตัวนั้น ก็ทำให้พวกเขาถึงขั้นมีความรู้สึกราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจยังไงอย่างนั้น!
ผ่านไปไม่นานนัก หลัวซิวก็มาถึงคูเมืองแห่งหนึ่ง คูเมืองแห่งนี้ถูกปกคลุมอยู่ในค่ายกลใหญ่หนึ่งค่าย เมื่อหลัวซิวเข้าใกล้คูเมือง ก็มีตัวสำนึกที่เกะกะระรานแผ่กระจายออกมาจากตัวเมือง ทำการกวาดสำรวจร่างเขาหนึ่งรอบ ก่อนจะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว
ถัดจากนั้น ก็มีแสงสะพานลอยออกมาจากตัวเมือง แล้วร่วงลงบนตัวหลัวซิว ก่อนจะมีเสียงที่เย็นชาสะท้อนมา “คนต่างแดน เดินขึ้นบนสะพานเชื่อมนำตรงหน้าเจ้า หลังจากบันทึกข้อมูลตัวตนของเจ้าแล้ว ถึงจะสามารถเข้าไปในเมืองได้”
จิตใจของอสูรดูดจิตและหลัวซิวเชื่อมประสานกัน ไม่ต้องให้เขากำชับ ร่างกายของอสูรดูดจิตก็หดเล็กลงเองโดยธรรมชาติ กลายเป็นอสูรที่มีขนาดเท่าหนึ่งฝ่ามือ เกาะอยู่บนไหล่เขา
จากนั้นหลัวซิวก็ปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง เดินขึ้นบนสะพานเชื่อมนำ ภายใต้การโน้มนำจากพลังแห่งค่ายกล เขาก็มาถึงกลางนภาสนามจัตุรัสแห่งหนึ่งของคูเมือง
ผู้คนที่มาจากต่างแดนทุกคน ขอแค่ไม่มีป้ายบัญชาตัวตน ล้วนต้องเข้ารับการสอบสวนก่อนถึงจะสามารถเข้าไปในเมืองได้ นอกเหนือจากตนเองแล้ว หลัวซิวก็มองเห็นนักยุทธ์คนอื่น ๆ เช่นกัน โดยส่วนใหญ่แล้วล้วนมีผลการฝึกตนราชาเทพเป็นต้นไป และมองเห็นมกุฎเทพบ้างเป็นครั้งคราว
จากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป ผู้ที่มาจากต่างแดนเข้ารับการสอบสวนตามลำดับ หลังจากชำระด้วยแก้วเทวส่วนหนึ่งแล้ว ถึงจะแลกเปลี่ยนป้ายบัญชาตัวตนได้หนึ่งชิ้น จากนั้นถึงจะได้รับอนุญาตเข้าไปในเมือง
ในขณะเดียวกันหลัวซิวก็สังเกตเห็นเช่นกันว่ามีบางส่วนบินเข้าไปในเมืองโดยตรง คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนในตระกูลหลี่ ซึ่งมีเพียงคนในตระกูลหลี่เท่านั้นถึงจะมีสิทธิพิเศษเช่นนี้
ไม่นานนักก็ถึงตาหลัวซิว หลังจากชำระแก้วเทวส่วนหนึ่งแล้ว เขาก็ได้รับป้ายบัญชาตัวตน อนุญาตให้เข้าไปในเมือง
ระยะเวลาแสนกว่าปี ทำให้เหตุการณ์เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา หลัวซิวก็ไม่ได้มุ่งหน้าตรงไปยังตำหนักตระกูลหลี่เช่นกัน แต่เป็นการหาหอเอียงกายในตัวเมือง
สถานที่อย่างหอเอียงกายนั้น แทบจะมีอยู่ในทุกเขตพื้นที่ที่นักยุทธ์รวมตัวกัน สาเหตุที่หลัวซิวมาที่นี่นั้น ก็เพื่อจะสอบถามว่าในตระกูลหลี่แห่งดาวเทียนเชี่ยน มีผู้ที่ชื่อหลี่เฟยเฉินหรือไม่
ซึ่งหลี่เฟยเฉินก็คือท่านพ่อเมื่อภพชาติของหลี่ยู่นั่นเอง
“คนในตระกูลที่พลัดพรากจากกัน? บุตรของผู้อาวุโสหลี่เฟยเฉิน?”
เหล่าองครักษ์เป็นเพียงคนติดตามของตระกูลหลี่ เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว จึงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ทว่าก็ไม่กล้าชักช้าเช่นกัน หากเป็นศิษย์ตระกูลหลี่จริง ๆ แล้วก็เป็นลูกชายของผู้อาวุโสหลี่เฟยเฉินอีกละก็ เช่นนั้นเขาต้องไม่ใช่ผู้ที่เป็นองครักษ์เล็ก ๆ อย่างพวกเขาสามารถรุกรานได้แน่นอน
“คุณชายโปรดรอซักครู่นะขอรับ”องครักษ์คนหนึ่งทำท่าคารวะพลางพูด ก่อนจะรีบหันหลังเดินเข้าไปในตำหนัก เพื่อไปรายงาน
ตระกูลย่อยของตระกูลหลี่นั้นมีเยอะมาก ๆ การที่คนในตระกูลพลัดจากกันข้างนอกนั้นจึงเป็นเรื่องที่ปกติมาก หลังจากองครักษ์นั่นเข้าไปรายงานแล้ว หลี่เฟยเฉินที่กำลังดื่มเหล้าอย่างทุกข์ตรมใจอยู่ในห้อง ก็ขจัดความซึมเซาทั้งปวงออกไปภายในพริบ ระเบิดพลังออร่าที่น่าทึ่งออกมา
ในฐานะที่เป็นผู้อาวุโสคนหนึ่งของตระกูลหลี่ ภาพลักษณ์ของหลี่เฟยเฉินกลับตกอับมาก ชุดคลุมยาวบนตัวยุ่งเหยิง ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นคนสกปรก ทั้งร่างกายคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...