การโจมตีด้วยตราธรรมจุติมรณะ มีความพิศวงของทั้งพลังแห่งชีวิตและพลังแห่งความตายรวมเข้าไว้ด้วยกัน เป็นวิธีการโจมตีที่แข็งแกร่งที่สุดของหลัวซิวในตอนนี้
กฎดั้งเดิมเก้าภาพ เขาเข้าใจทะลุปรุโปร่งถึงภาพที่สอง ส่วนความเข้าใจต่อพลังสองระดับความเป็นตายนั้นกลับอยู่ระดับขั้นต้นเท่านั้น
เขาสามารถใช้พลัง ATTR ระหว่างพลังชีวิตกับพลังความตายสลับกันได้ตามต้องการ แต่การใช้พลังชีวิตกับพลังความตายแบบรวมเข้าด้วยกันเพื่อให้เกิดความแข็งแกร่งมากขึ้นนั้น เขายังไม่สามารถทำได้
ที่เขาสามารถใช้ตราธรรมจุติมรณะได้ เป็นเพราะว่าเขาอาศัยลูกแก้วความเป็นตายฝึกฝนพลังจิตแท้สองระดับ
และเป็นเพราะว่าเขายังไม่สามารถตระหนักรู้ถึงความลึกลับของการรวมความเป็นตายเป็นหนึ่ง ดังนั้นทุกครั้งที่เขาใช้ เขาจะใช้พลังจิตแท้จนหมดเกลี้ยง
หากเขาสามารถตระหนักรู้ถึงความลึกลับที่อยู่ในนั้นได้ นั่นถึงจะเรียกได้ว่าเขาสามารถควบคุมตราธรรมจุติมรณะได้จริงๆ
จากพลังของตราธรรมจุติมรณะรวมเข้ากับพลังแปรเสวียนเทียน 24 เท่า ทำให้เขาสามารถสังหารมังกรเจียวอัคนีที่มีความแข็งแกร่งเทียบเท่ากับอสูรกายที่ฝึกจิตขั้น 8 ได้
เมื่อร่างเนื้อของหลัวซิวเข้าสู่ขั้นร่างยุทธ์สูงสุดแล้ว ร่างกายของหลัวซิวสามารถรับแรงกระแทกจากพลังแปรเสวียนเทียน 24 เท่าได้ถึงสามครั้ง
แม้ว่าการต่อสู้กับมังกรเจียวอัคนีสี่ครั้งภายในระยะเวลาหนึ่งเดือน จะทำให้พลังยุทธ์ของหลัวซิวเพิ่มขึ้น
แต่หากเป็นผู้เป็นอมตะจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นสักครั้ง
และด้วยพลังยุทธ์ของร่างกายเขาที่เพิ่มขึ้น เขาก็ยิ่งต้องการต่อสู้กับคู่แข่งที่แข็งแกร่งขึ้น เขาถึงจะได้สัมผัสกับความท้าทายของแดนตันแห่งความเป็นตาย
เมื่อเดินไปเรื่อยๆ จนถึงบริเวณรอบนอกของแดนตันแห่งความเป็นตาย แล้ว หากไม่ระวังก็เหมือนกับดักที่อาจจะตายได้ทุกเมื่อโดยไร้แผ่นดินฝัง
“การฝึกจิตขั้น 8 ของมังกรเจียวอัคนีไม่สามารถสร้างความท้าทายให้กับเราได้มากเพียงพอ เช่นนั้นเราจะไปตามหาอสูรกายฝึกจิตขั้น 9 ถ้ายังไม่ได้อีกก็จะไปตามหาอสูรกายที่มีพลังเทียบเท่ากับราชายุทธ์”
การเลื่อนระดับการฝึกตนได้โดยใช้เวลาเพียงเดือนกว่า สำหรับผู้อื่นแล้ว เรื่องนี้นับว่าก้าวหน้าไปได้อย่างรวดเร็ว ทว่าหลัวซิวยังคงรู้สึกว่าช้าเกินไป
เวลาที่ผ่านไปในแต่ละวัน ในดินแดนที่ลึกขึ้นของแดนนานาอสูรเขตที่ 3 นั้น มีอสูรกายฝึกจิตระดับ 8 อยู่สิบสามตัว รวมทั้งอสูรกายใหญ่ระดับ 9 อีกสามตัว
ในกลุ่มอสูรกายฝึกจิตระดับ 8 สิบสามตัวนั้น มังกรเจียวอัคนีที่โดนหลัวซิวกำจัดนั้น จัดว่ายังอยู่ในขั้นกลาง
หนึ่งในนั้นมีอสูรกายดึกดำบรรพ์สามตัว พลังแข็งแกร่งยากทัดเทียม แม้ว่าหลัวซิวจะครอบครองไพ่เด็ดอย่างตราธรรมจุติมรณะและพลังแปรเสวียนเทียนอยู่ แต่ก็ทุกครั้งก็ต้องเสี่ยงอันตรายรอบด้าน
เวลาครึ่งปีผ่านไป ผมเผ้าของหลัวซิวหลุดลุ่ยยาวถึงเอว ชุดดำที่สวมใส่อยู่ก็ขาดวิ่นทุกแห่ง ดูสกปรกมอมแมม
เมื่อครุ่นคิดอยู่แต่กับเรื่องกับเรื่องการฆ่าฟันและบำเพ็ญตบะ หลัวซิวไม่มีเวลามาใส่ใจหน้าตาของตัวเองเลย เพราะในดินแดนนานาอสูรนี้ นอกจากเขาแล้วก็ไม่มีมนุษย์คนอื่นอีก
ท่าทางของเขาตอนนี้ไม่ต่างอะไรกับคนป่า แต่ดวงตาคู่ที่ถูกผมเผ้าบดบังอยู่นั้นกลับปรากฏแววดุร้ายราวสัตว์ป่า
ไอสังหารเริ่มรุนแรงขึ้น ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารก็เริ่มขยายใหญ่ เขานั่งขัดสมาธิอยู่ตรงนั้นดูคล้ายกับสัตว์ร้ายที่กำลังจำศีล ไม่ว่าผู้ใดเห็นต่างต้องหวาดกลัว
ตอนนี้เขาอยู่ที่ดินแดนนานาอสูรเขตสามแห่งนี้ เรียกได้ว่าเป็นเจ้าแห่งสถานที่แห่งนี้
ป่าที่เป็นที่อยู่อาศัยของมังกรเจียวหยกอัคนีเดิมตอนนี้ได้กลายเป็นฐานที่ตั้งของเขาแล้ว เขาได้วางค่ายกลระดับ 4 ไว้ที่นี่ถึง 10 กว่าค่าย ทำให้สถานที่แห่งนี้มีความมั่นคงปลอดภัยมาก
การขัดเกลาจากการต่อสู้เข่นฆ่ามากว่าครึ่งปี ร่างกายของเขาได้ยกระดับขึ้นเป็นร่างยุทธ์สูงสุดช่วงหลัง เทียบเท่ากับมังกรเจียวหยกอัคนี
ยาเลี้ยงจิตมีจำนวนไม่มากนัก และเขาได้ใช้มันจนหมดแล้ว พลังของตัวสำนึกจึงมีความสามารถเทียบเท่ากับการฝึกจิตขั้น 8
หากใช้ห้วงยุทธ์กระบี่สังหารรวมกับวิญญาณในการโจมตี สามารถต่อสู้กับผู้ฝึกจิตขั้น 9 ได้
การฝึกตนของเขา หลังจากใช้ยากลั่นจิตไปกว่าร้อยเม็ด เพื่อกระตุ้นผู้เป็นอมตะถึงสามครั้ง สุดท้ายจึงบรรลุถึงขั้นฝึกจิตขั้น 5
ทุกครั้งที่กระตุ้นผู้เป็นอมตะ นั่นหมายความว่าเขาได้เอาตัวเองเข้าไปอยู่ในแดนตันแห่งความเป็นตาย
การกระตุ้นถึงสามครั้ง นั่นหมายความว่าเขามีความเสี่ยงที่จะสิ้นชีพถึงสามครั้งเช่นกัน
การบำเพ็ญตบะที่ทุกข์ทรมานเช่นนี้ พลังยุทธ์ของเขายกระดับขึ้นภายในเวลาครึ่งปีจนมาถึงขั้นนี้ ก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นได้ว่าหลังจากฝึกจิตแล้ว การยกระดับในแดนโลกยุทธ์มีความยากลำบากขนาดไหน
“ยังมีเวลาอีกสามเดือน แดนปริศนาคงใกล้จะต้องเริ่มต้นแล้ว หักจากเวลาที่ต้องไปที่ประเทศเทียนหวูออกแล้ว ฉันยังมีเวลาเหลืออีกสองเดือน”
บนก้อนหินขนาดยักษ์สีแดงเพลิง หลัวซิวค่อยๆ ลืมตาที่เต็มไปด้วยความดุร้ายขึ้น ใบหน้าของเขาคมปลาบและเย็นยะเยือก
เขาเคลื่อนตัวไปราวกับเข้าไปในสายลม ลำตัวพลิ้วไหวแล้วบินมุ่งหน้าไปยังพื้นที่ลึกขึ้นของเขตที่สาม
“โฮ่วว!”
หมีดำที่ลำตัวสูงกว่าสิบจั้งปีนออกมาจากถ้ำ มันใช้อุ้งมือทุบลงบนพื้นดินจนเกิดรอยร้าวราวกับใยแมงมุม แววตาอันดุร้ายของมันจ้องไปที่แขกที่ไม่ได้รับเชิญกลางท้องฟ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...