“หึ ในเมื่อพวกข้าไม่ใช่ตัวถ่วง เหตุใดทุกครั้งที่ออกไป ท่านถึงไม่พาเราไปด้วยเลย?”เหยียนเยว่เอ๋อร์ทำเสียงหึอย่างงอน
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของหลัวซิวจึงสั่นไหวขึ้นมา จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองมองข้ามความรู้สึกเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ไปหน่อย ที่เขาออกไปด้านนอกแล้วไม่พาพวกนางไปด้วยนั้น เพราะกลัวว่าพวกนางจะตกอยู่ในอันตรายเมื่อไปกับตน แม้นผลการฝึกตนของเขายิ่งอยู่ยิ่งสูง ทว่าสถานที่ที่เขาไปก็ยิ่งอยู่ยิ่งอันตรายเช่นกัน
แต่ว่าการกระทำเช่นนี้ของเขาดูเหมือนเป็นการปกป้องพวกนาง ดีต่อพวกนาง ทว่ากลับจะทำให้พวกนางรู้สึกว่าตนช่วยอะไรไม่ได้ เป็นตัวถ่วง เพราะฉะนั้นจึงทำได้เพียงฝึกตนอย่างสุดกำลังสามารถ หวังแค่ว่าสักวันจะสามารถช่วยเหลือเขาได้
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลัวซิวก็รู้สึกจุกอยู่ในอกเล็กน้อย แล้วกอดสตรีทั้งสองนางให้แน่นมากยิ่งขึ้นพลางพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน: “เป็นความผิดของพี่เอง พี่เห็นแก่ตัวมากเกินไป ไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของพวกเจ้า พวกเจ้าไม่ใช่ตัวถ่วงเลยสักนิด ต่อไปไม่ว่าพี่จะไปที่ใดก็จะพาพวกเจ้าไปด้วย ดีหรือไม่?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหยียนเยว่เอ๋อร์ที่อุปนิสัยค่อนข้างมุมานะบากบั่นก็รู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะละลายแล้ว ภายในดวงตาของสตรีทั้งสองนางขมุกขมัว ต่างพากันกอดหลัวซิวแน่นมากยิ่งขึ้น
กี่ปีแล้วที่ระหว่างเขาและพวกนางไม่ได้บอกเล่าความในใจเช่นนี้ การบอกความในใจออกมาทำให้หลัวซิวรู้สึกผิดมากยิ่งขึ้น ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้เขามัวแต่ยกระดับผลการฝึกตนศักยภาพของตัวเอง จนลืมพวกนางไปเยอะมาก
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็เท่ากับทำให้พวกนางรู้สึกผิดหวังต่อตัวเองไม่ใช่หรือ? หากเป็นเช่นนั้นละก็ มันจะแตกต่างอะไรจากไท่ซ่างฉิงที่ตัดขาดเยื่อใยความผูกพันทุกอย่างเมื่อชาติปางก่อนอย่างไร?
และในเวลานี้เอง หลัวซิวก็สัมผัสได้ว่ามีพลังออร่าหลายพลังกำลังประชิดใกล้เข้ามาทางห้องใต้หลังคาอย่างรวดเร็ว ไม่ต้องคิดก็พอจะรู้ได้แล้วว่าพวกคนที่กักขังเยว่เอ๋อร์และซีโรว่มาแล้ว
เนื่องจากขณะที่เขาเข้ามาในค่ายยากเย็น เขาไม่มีท่าทีที่จะปิดบังร่องรอยใด ๆ เลยแม้แต่น้อย ผู้ที่จัดวางค่ายกลดังกล่าวจึงต้องทราบเป็นเวลาแรกอย่างแน่นอน
ปั้ง!
ประตูของห้องใต้หลังคาถูกผู้อื่นพังจากด้านนอกโดยตรง ถัดจากนั้นก็มีผู้อาวุโสชุดคลุมยาวเขียวคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับคนสองคน
“เจ้าเป็นผู้ใด ถึงบังอาจบุกรุกเข้ามาในค่ายกลของข้า?”
ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น สายตาของชายชราชุดคลุมยาวเขียวก็กวาดมองเหยียนเยว่เอ๋อร์และเหยียนซีโรว่ ตั้งแต่ที่จับกุมตัวสตรีทั้งสองนางนี้ได้เป็นต้นมา ช่วงนี้เขาก็ตามหาคนเพื่อกลั่นยาให้ตัวเองมาโดยตลอด ทันทีที่กลั่นสำเร็จ ถึงครานั้นเขาก็จะสามารถอาศัยการสนับสนุนจากยา ใช้เคล็ดวิชาประเภทหนึ่งแล้วใช้อุบายฝึกคู่แก่งแย่งผลการฝึกตนของสตรีทั้งสองนางมา ทำให้เขามีคุณสมบัติในการบรรลุสู่แดนจักรพรรดิเทพในรวดเดียว!
เนื่องจากเงื่อนไขของเคล็ดวิชาฝึกคู่ก็คือต้องเป็นผู้บำเพ็ญเซียนหญิงเท่านั้น อีกทั้งต้องมีพรสวรรค์สติปัญญาที่สูงมากเช่นกัน เขาตามหาบุคคลที่เหมาะสมไม่ได้ตลอดมา ด้วยเหตุนี้เขาจึงให้ความสำคัญกับสตรีทั้งสองนางนี้มาก ๆ ไม่อนุญาตให้มีข้อผิดพลาดใด ๆ เกิดขึ้นเด็ดขาด เพราะฉะนั้นเมื่อสัมผัสได้ว่ามีคนบุกเข้ามาในค่ายยากเย็น เขาจึงเร่งเดินทางมาเป็นเวลาแรก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...