มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2652

เห็นหลัวซิวสยบรูปปั้นอาจารย์ปู่เอาไว้ได้แล้ว มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็โจมตีเข้าหาผู้อาวุโสทั้งสามของเขาดึกดำบรรพ์ทันที

ในอดีตหลังจากที่มหาจักรพรรดิยุทธ์ดึกดำบรรพ์บรรลุถึงแดนเทพมารขั้นเจ็ด เคยกลับมาจากโลกร้างอยู่ครั้งหนึ่ง จากนั้นก็ได้ทิ้งสองฐานพลังใหญ่เอาไว้ที่เขาดึกดำบรรพ์

หนึ่งในสองฐานพลังใหญ่ ก็คือภูเขาเซียนดึกดำบรรพ์ เป็นสมบัติระดับอาวุธเทพขั้นเจ็ดชิ้นหนึ่ง ฐานพลังอย่างที่สองก็คือรูปปั้นอาจารย์ปู่องค์นี้

ภูเขาเซียนดึกดำบรรพ์ได้ถูกดาบทะยานเซียนทำลายไปแล้ว รูปปั้นอาจารย์ปู่เพียงหนึ่งเดียวที่เหลืออยู่ ก็ได้ถูกหลัวซิวสยบเอาไว้ เขาเป็นเหมือนดั่งคู่ปรับของเขาดึกดำบรรพ์ ทำให้ผู้อาวุโสมหาจักรพรรดิยุทธ์มือดีที่เหลืออยู่เพียงสามคน มีสีหน้าสิ้นหวัง

“ศิษย์ทั้งหมดของเขาดึกดำบรรพ์ฟังคำสั่ง ใช้ทุกวิถีทาง สังหารพวกมันเสีย!” ผู้อาวุโสไท่ซ่างมหาจักรพรรดิยุทธ์ช่วงปลายร้องคำรามขึ้นมา และได้เผาผลาญชีวีดั้งเดิมของตนเองอย่างไม่ลังเล ใช้ชีวิตเป็นข้อแลกเปลี่ยน เพื่อเพิ่มผลการฝึกตนขึ้นมาเป็นมหาจักรพรรดิยุทธ์ขั้นสูง เข้ารับมือกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง

แม้แต่ผู้อาวุโสไท่ซ่างยังได้เผาผลาญพลังชีวีดั้งเดิมแล้ว การกระทำเช่นนี้ ได้กระตุ้นความเลือดร้อนของลูกศิษย์คนอื่น ๆ ของเขาดึกดำบรรพ์ เพียงชั่วพริบตาก็มีพลังอมตะและของขลังนับไม่ถ้วนพุ่งเข้าหาหลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง

ในเวลาเช่นนี้ ไม่มีศิษย์ของเขาดึกดำบรรพ์คนใดหลบหนีไปเลย เพราะการรับศิษย์ของเขาดึกดำบรรพ์นั้นให้ความสำคัญเรื่องความจงรักภักดีที่สุด คนที่ได้กลายเป็นศิษย์เขาดึกดำบรรพ์และมีตำแหน่งที่แน่นอนนั้น ต้องเป็นคนที่ซื่อสัตย์ภักดีกับสำนัก

อาณาจักรมรณะที่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงได้ปลดปล่อยออกมา ตัวกฎความตายเดิมทีก็เป็นหนึ่งในกฎที่ร้ายกาจที่สุดอยู่แล้ว ในพลังแห่งกฎของเขามีพลังแห่งปรโลกอยู่ส่วนหนึ่ง ทำให้กฎความตายของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงแข็งแกร่งขึ้นมาด้วย

บริเวณใดที่ถูกอาณาจักรครอบคลุม คนที่มีผลการฝึกตนต่ำกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์ ต่างก็ถูกดูดแก่นแท้ชีวีไปภายในพริบตา กลายเป็นโครงกระดูก

หลัวซิวยกมือขึ้นโบก หุ่นเชิดจำนวนมากก็ได้ทะลักออกมา ระดับของหุ่นเชิดพวกนี้มีทั้งต่ำสูง ที่ต่ำที่สุดนั้นเป็นหุ่นเชิดระดับมกุฎเทพ สูงที่สุดนั้นก็เป็นระดับจักรพรรดิเทพ

เขาดึกดำบรรพ์สืบทอดกันมาเป็นเวลานาน ประกอบกับอายุที่ยืนยาวของจอมยุทธ์ ดังนั้นศิษย์จอมยุทธ์ของเขาดึกดำบรรพ์จึงมีจำนวนไม่น้อย หลังจากหลัวซิวได้ปล่อยหุ่นเชิดออกมา ไม่นานก็ถูกศิษย์นับไม่ถ้วนของเขาดึกดำบรรพ์ครอบงำ

ตำหนักวัฏสงสารกับลูกแก้วความเป็นตายได้ถูกหลัวซิวเซ่นออกมา ของขลังทั้งสองชิ้นนี้ล้วนแฝงไปด้วยพลังแห่งเกณฑ์วัฏสงสาร เงาสะท้อนวัฏสงสารสายหนึ่งปรากฏออกมา กลายเป็นอาณาจักรวัฏสงสารอันเป็นเอกลักษณ์

ในอาณาจักรวัฏสงสาร กฎของห้วงเวลาเป็นตายล้วนได้รับผลกระทบ ส่วนร่างของหลัวซิวนั้นกะพริบอยู่ไม่หยุด ทุกครั้งย่อมมีจอมยุทธ์ของเขาดึกดำบรรพ์ถูกสังหาร

เขาไม่จำเป็นแม้กระทั่งเอากระบี่ร่องฟ้าออกมา เพราะมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามต่างก็กำลังต่อสู้อยู่กับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง จอมยุทธ์คนอื่น ๆ ของเขาดึกดำบรรพ์ ผู้ที่มีผลการฝึกตนสูงสุดก็เป็นเพียงจักรพรรดิเทพเท่านั้น ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิวเลยสักนิด

เป็นเพียงการต่อสู้ที่ฝีมือไม่อยู่ในระดับเดียวกันเท่านั้น หลังจากมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสามล้วนถูกมฤตยูมหากาพย์กลืนกิน สงครามล้างสำนักครั้งนี้ ได้มีบทสรุปเป็นที่เรียบร้อย

หลังจากสงครามยุติลง ทั่วทั้งเขาสำนักของเขาดึกดำบรรพ์ก็ไม่มีอยู่อีกแล้ว ไม่มีการควบคุมและขับเคลื่อนของผู้แข็งแกร่งมหาจักรพรรดิยุทธ์ทั้งสาม รูปปั้นอาจารย์ปู่ก็ได้สูญเสียธาตุแท้ไป ถูกศิลาผนึกปีศาจของหลัวซิวสยบอยู่บนศีรษะ

“ครืน!”

ในส่วนลึกของเขาดึกดำบรรพ์ รอยแยกปริภูมิสายหนึ่งพลันปรากฏขึ้น จากนั้นชายชราใบหน้าเต็มไปด้วยไอสังหารผู้หนึ่งก็ได้เดินออกมา

เขาดึกดำบรรพ์ในมหาโลกาพันสามพบกับความหายนะครั้งใหญ่ ผู้แข็งแกร่งของเขาดึกดำบรรพ์ในโลกร้างก็ได้รับข่าวทันที และรีบใช้เส้นทางดาราเดินทางมาที่นี่ แต่สุดท้ายก็ยังคงมาช้าไปหนึ่งก้าว

บรรดาศิษย์ของเขาดึกดำบรรพ์ ตายไปจนเกือบหมดแล้ว ศพเกลื่อนกลาดไปทั่ว น่าอนาถยิ่งนัก

“จุนหลู่ ยังจำข้าได้หรือไม่?”

วินาทีที่มหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงมองเห็นชายชราผู้นี้ ไอสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้ระเบิดออกมา

แม้ว่าหลัวซิวจะยังไม่รู้ถึงสถานะที่แน่นอนของชายชราผู้นี้ แต่แค่เห็นปฏิกิริยาของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง ก็สามารถเดาได้อย่างคร่าว ๆ แล้ว

เห็นได้ชัด ชายชราชื่อจุนหลู่ผู้นี้ น่าจะเป็นคู่อริของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง ตอนที่เขาบุกเส้นทางดาราของเขาดึกดำบรรพ์ใน จุนหลู่ก็คือประมุขเขาของเขาดึกดำบรรพ์ในตอนนั้นนั่นเอง

“โยวหมิง! เจ้ายังไม่ตายจริง ๆ ด้วย!

จุนหลู่ย่อมรู้จักมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงแน่นอนอยู่แล้ว ตอนนั้นหากไม่ใช่เพราะอาศัยฐานพลังของรูปปั้นอาจารย์ปู่ เขารู้ตัวเองดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง

วันเวลาอันแสนนานได้ผ่านไป ทุกสิ่งเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ไม่ง่ายเลยที่ผลการฝึกตนอย่างในตอนนั้นของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงจะฟื้นคืน แต่ผลการฝึกตนของจุนหลู่ก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม

จากร่างกายของจุนหลู่หลัวซิวสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเกณฑ์ แต่กลับไม่ใช่เทพมารขั้นเจ็ด น่าจะได้ตระหนักรู้ถึงความลึกซึ้งของเกณฑ์ เป็นการดำรงอยู่ที่ครึ่งเท้าได้ก้าวเข้าสู่แดนเทพมารขั้นเจ็ด

ผู้แข็งแกร่งเช่นนั้น ได้อยู่ในระดับราชาเทพขั้นหกแล้ว แม้ว่าจะไม่แตกต่างจากมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงนัก แต่ก็น่าจะแข็งแกร่งกว่ามหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงเล็กน้อย

หลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงร่วมมือกันทำลายรากฐานของเขาดึกดำบรรพ์ในมหาโลกาพันสาม ทั้งสองฝ่ายจึงไม่จำเป็นต้องพูดมากอะไร และเลือกลงมือในทันที

เหนือศีรษะของจุนหลู่ ปรากฏโทเท็มเปลวเพลิงขนาดใหญ่ขึ้นมา ทะเลเพลิงวงกว้างทะลักออกมา กลายเป็นอาณาจักร ปิดกั้นฟ้าดินนภากาศของดินแดนดาราเอาไว้

เปลวเพลิงพวกนี้มิใช่เปลวเพลิงธรรมดา แต่เป็นอัคคีเทพที่ผสานไปด้วยพลังแห่งเกณฑ์ พื้นที่ขนาดใหญ่ล้วนถูกแผดเผาจนพังทลาย อาณาจักรวัฏสงสารของหลัวซิวรวมทั้งอาณาจักรเป็นตายของมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิง ต่างก็ไม่อาจต้านทานอัคคีเทพที่แผดเผาเช่นนี้ได้

“บัดซบ เจ้าหมอนี่ได้ก้าวเข้าสู่แดนเทพมารขั้นเจ็ดไปครึ่งเท้าแล้ว”

ทั้งสองฝ่ายเพิ่งจะประมือกัน หลัวซิวกับมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงก็ตกเป็นรองเสียแล้ว อัคคีเทพของอีกฝ่ายแทบจะบรรลุถึงเทพมารขั้นเจ็ด อัคคีเทพซิวหลัวของหลัวซิวไม่ใช่คู่ต่อสู้เลยสักนิด เขานำศิลาผนึกปีศาจลอยไว้เหนือศีรษะ อาศัยเอกลักษณ์การเวียนว่ายตายเกิดของพลังแห่งชิงเทียน ถึงต้านทานการแผดเผาของอัคคีเทพเช่นนี้เอาไว้ได้

จุนหลู่ยกมือขึ้นโบก อสุรกายรูปร่างมหึมาตัวหนึ่งปรากฏขึ้นที่ข้างกายของเขา อสุรกายตัวนี้มีสายเลือดของกิเลน เป็นกิเลนอสูรตัวหนึ่ง แต่ไม่ใช่เผ่ากิเลนของโลกาบรรพมารสามารถทัดเทียมได้ เพราะกิเลนอสูรตัวนี้ ได้บรรลุถึงระดับเทพขั้นหกแล้ว

ตำหนักวัฏสงสารกับลูกแก้วความเป็นตายถูกหลัวซิวขับเคลื่อนด้วยพลังทั้งหมด ต้านทานการโจมตีของกิเลนอสูรเอาไว้ได้อย่างหวุดหวิด ส่วนมหาจักรพรรดิยุทธ์โยวหมิงนั้นกลับตกเป็นเป้าของจุนหลู่ ก็ตกอยู่ในสถานการณ์เป็นลองเช่นเดียวกัน

“โยวหมิง ตอนนั้นเจ้าบุกเขาดึกดำบรรพ์แต่หนีไปได้ ครั้งนี้ให้ข้าดูสิว่าเจ้าจะหนีได้อย่างไร!”

อัคคีเทพไร้สิ้นสุดร้อนแรงขึ้นกว่าเดิม มีจะมีพลังแห่งชิงเทียนของศิลาผนึกปีศาจคุ้มครองกาย ผิวของหลัวซิวก็ได้มีสีแดงขึ้นมา เสื้อผ้าบนร่างกายของเขาเองก็ร้อนระอุ โชคดีที่เสื้อผ้าของเขาเป็นสมบัติระดับจักรพรรดิเทพที่เขาทำขึ้นเองกับมือ ไม่อย่างนั้นละก็เกรงว่าคงต้องถูกเผากลายเป็นเถ้าถ่าน จนเห็นก้นแล้วเป็นแน่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ