มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2714

ขณะที่หลัวซิวผ่านด่านการประเมินพรสวรรค์ของด่านที่สอง อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศคนอื่น ๆ ก็ต่างทยอยออกมาจากสมุทรทุกขังสะพานวัฏสงสารแล้ว

อย่างไรก็ตามคนส่วนมากกลับยังไม่สามารถผ่านด่านแรกไปได้ จากอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศสองแสนกว่าคน ผู้ที่สามารถเดินไปถึงสุดปลายขอบเขตของสะพานวัฏสงสารได้นั้น มีเพียงสองหมื่นกว่าคนเท่านั้น 

ตัวธรรมเป็นสิ่งที่สำคัญต่อวิถียุทธ์มาก ๆ ซึ่งทุกคนล้วนเข้าใจดีมาก เพราะฉะนั้นจอมยุทธ์ทุกคนจึงให้ความสำคัญกับการฝึกตัวธรรมมาก ๆ ดังนั้นถึงมีคนสองหมื่นกว่าคนข้ามผ่านสะพานวัฏสงสารมาได้

เมื่อเผชิญหน้ากับด่านพรสวรรค์ จากสองหมื่นกว่าคน ก็มีคนตกรอบไปอีกหนึ่งหมื่นกว่าคน เงื่อนไขในการประเมินพรสวรรค์ของด่านที่สองคือแรงสัมพรรคภาพAttrต้องไม่ต่ำกว่าระดับสูง หรือไม่ก็ต้องมีฐานยุทธ์พิเศษถึงจะสามารถผ่านด่านที่สอง

สามารถพูดได้เลยว่าเงื่อนไขนี้ค่อนข้างเข้มงวดเลย จอมยุทธ์ที่ผ่านด่านสองด่านติดต่อกัน ก็ล้วนทยอยมาถึงด่านที่สามเช่นกัน 

นอกแดนเทพโบราณ หลังจากซูเสว่หลันถูกส่งออกมาแล้ว ก็รู้สึกหมดอาลัยตายอยากเล็กน้อยทันที เดิมทีนึกว่าการคัดเลือกอัจฉริยะของตระกูลเทียนฮวงในครั้งนี้ เป็นเหมือนโชคโอกาสครั้งหนึ่งสำหรับนาง ทว่านางกลับนึกไม่ถึงเลยว่าตนแค่ผ่านถึงด่านที่สองเท่านั้น ก็ตกรอบไปก่อนแล้ว 

“เสว่หลัน!”

และในเวลานี้เอง ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดันเข้ามาในหูนาง ถัดจากนั้นนางก็เห็นถูโยวหมิงเดินออกมา 

สำหรับคุณสมบัติของผู้ที่มีสิทธิ์เข้ารับการคัดเลือกรอบแรกนั้น ต้องเป็นวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศที่ฝึกตนมาไม่เกินหนึ่งล้านปี ถูโยวหมิงและลาร์ต่างไม่อยู่ในเงื่อนไขดังกล่าว เพราะฉะนั้นจึงย่อมเข้าไปในแดนเทพโบราณไม่ได้อยู่แล้ว 

ทว่าซูเสว่หลันกลับไม่เหมือนกัน แม้นนางจะเข้าไปในแดนเทพโบราณแล้ว แต่กลับฝ่าไปถึงด่านที่สองก็ตกรอบแล้ว อีกทั้งสะพานวัฏสงสารในด่านแรกนางก็ผ่านไปได้อย่างยากลำบากมากเช่นกัน 

“โยวหมิง ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว เราไปกันเถอะ”ซูเสว่หลันมองถูโยวหมิงด้วยแววตาที่โศกเศร้า ราวกับการไม่ผ่านการประเมินในแดนเทพโบราณทำให้อารมณ์นางดิ่งมาก ๆ ยังไงอย่างนั้น 

“สหายหลัวยังไม่ออกมาเลย หากเราจากไปตอนนี้ละก็ มันจะดูไม่ดี”ถูโยวหมิงอยากตอบตกลงซูเสว่หลันมาก ๆ แต่กลับรู้สึกลำบากใจเล็กน้อย 

สายตาของซูเสว่หลันสังเกตเห็นแล้วว่าลาร์ที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกลกำลังจ้องมองมาทางนี้ สาเหตุที่นางอยากรีบจากไปจากที่นี่นั้น ประเด็นหลักก็คืออยากหลบเลี่ยงหลัวซิว นางสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าหลัวซิวเป็นบุคคลที่อันตรายอย่างยิ่ง ไม่ว่าจะทำเพื่อความปลอดภัยของตนเองหรือไฟวเทวชิงเทียน นางจึงไม่อยากอยู่ใกล้คนดังกล่าวเลยแม้แต่วินาทีเดียว 

ลาร์ยืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไม่ไกล เขาแค่ทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นครั้งหนึ่ง ก่อนที่จะเข้าไปในแดนเทพโบราณ นายท่านก็ได้กำชับกับเขาแล้วว่าซูเสว่หลันต้องคิดหาวิธีเสี้ยมให้ถูโยวหมิงจากไปพร้อมกันแน่นอน วินาทีนี้เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์นี้ จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่านายท่านทำนายได้แม่นยำมากจริง ๆ

ท้ายที่สุดแล้วถูโยวหมิงก็ต้านทานคำโน้มน้าวของซูเสว่หลันไม่ได้อยู่ดี วางแผนที่จะจากไปจากที่นี่พร้อมกับนาง

ถึงแม้จะรู้อยู่ว่าการทำเช่นนี้มันไม่ค่อยเหมาะสม ทว่าถูโยวหมิงกลับคิดว่าหลัวซิวน่าจะไม่มีทางโทษเขาแน่นอน 

“น้องลาร์ คอยสหายหลัวออกมาแล้ว รบกวนเจ้าช่วยข้าบอกกับเขาหน่อยนะว่าข้ามีธุระนิดหน่อย ขอตัวก่อนล่ะ”

ถูโยวหมิงเดินไปพูดประโยคนี้ต่อหน้าลาร์ ไม่ว่าอย่างไรในเมื่อเขาจะจากไปก็ต้องบอกกันก่อน 

“อย่าเรียกข้าว่าน้อง นายท่านมองเจ้าผิดไปจริง ๆ ด้วย ไม่เร็วก็ช้าสุดท้ายเจ้าต้องพังพินาศอยู่ในเงื้อมมือสตรีนางนั้นแน่นอน”

ลาร์ไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งในพระคุณ เสียดสีถากถางประโยคหนึ่ง ก่อนจะเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น และไม่สนใจถูโยวหมิงอีก

สีหน้าอารมณ์ของถูโยวหมิงดูอึดอัด ซูเสว่หลันดึงแขนเสื้อเขา สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจ ก่อนจะจากไปพร้อมกับซูเสว่หลัน

“ช้าก่อน!”

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ ลาร์ก็เรียกเขาไว้ 

เมื่อถูโยวหมิงหันหน้ากลับมา ก็มีแสงม่วงดวงหนึ่งบินตรงมา เขายื่นมือออกไปรับไว้ ก่อนจะพบว่ามันคือฮู้หนึ่งชิ้น 

“ยันต์ทะลุฟ้าระดับแปด?”

ซูเสว่หลันตะโกนพูดอย่างตื่นเต้นดีใจ เนื่องจากนี่เป็นของดีที่สามารถช่วยชีวิตได้เชียวนะ 

ลาร์ไม่ได้พูดอะไรเลย แต่ถูโยวหมิงกลับรู้อยู่ว่าหลัวซิวเป็นคนมอบยันต์ทะลุฟ้าชิ้นนี้ให้เขา

เนื่องจากหลัวซิวรู้อยู่ว่าถังกู่สงตระหนกตกใจแล้วหนีไปเพราะผู้อาวุโสราชาเทพทั้งสี่ ซึ่งไม่มีทางจบเรื่องนี้ง่าย ๆ อย่างแน่นอน เขาต้องหลบซ่อนอยู่ในละแวกใกล้เคียงกับแดนเทพโบราณแน่นอน ทันทีที่ถูโยวหมิงและซูเสว่หลันออกไปจากที่นี่ พวกเขาต้องหนีเงื้อมมือถังกู่สงไม่พ้นแน่

ทว่าเมื่อมียันต์ทะลุฟ้าระดับแปด ทุกอย่างก็จะแตกต่างไปจากเดิม ขอแค่พวกเขากระตุ้นฮู้ชิ้นนี้ที่นี่ ก็จะถูกส่งไปยังตำแหน่งที่ห่างไกลออกไปภายในพริบตา มาตรแม้นว่าถังกู่สงจะเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้า นอกจากว่าเขาเชี่ยวชาญเกณฑ์ปริภูมิ มิเช่นนั้นก็อย่าคิดว่าจะสามารถไล่ล่าพวกเขาได้ 

……

ภายในแดนเทพโบราณ หลัวซิวนั่งอยู่บริเวณตีนเขาของภูเขาใหญ่สีทองหนึ่งลูกที่สูงโดดเด่น ภูเขาทองลูกนี้สูงใหญ่มากจนไม่อาจเทียบเคียงได้ ราวกับกระบี่เทพที่สูงเสียดเมฆ เมฆหมอกที่ปกคลุมอยู่บริเวณรอบ ๆ ทำให้ดูลึกลับอย่างยิ่ง 

บริเวณตีนเขาก็มีศิลาตั้งอยู่หนึ่งแท่นเช่นกัน บนศิลามีตัวหนังสือสลักอยู่ ซึ่งกล่าวว่าภูเขาลูกนี้สูงหมื่นฟุต จุดพันฟุตคือโลกา จะผ่านด่านได้ก็ต่อเมื่อสามารถปีนขึ้นไปถึงจุดหกพันฟุต ผู้ที่ปีนขึ้นไปถึงจุดเจ็ดพันฟุตถือว่าศักยภาพอยู่ในระดับกลาง ผู้ที่ปีนขึ้นไปถึงจุดแปดพันฟุตถือว่าศักยภาพอยู่ระดับสูง ส่วนผู้ที่สามารถปีนขึ้นไปถึงจุดเก้าพันฟุตคือสุดยอดของสุดยอด!

บนศิลาไม่ได้บอกแต่อย่างใดว่าเมื่อปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดนั้นเป็นอย่างไร ทว่าหากคาดเดาไม่ผิดละก็ การปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดนั้นเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย 

บริเวณรอบ ๆ ไม่มีผู้อื่น จึงแสดงให้เห็นเลยว่าทุกคนล้วนเข้ารับการประเมินโดยอยู่ในพื้นที่ปริภูมิเดี่ยว 

หลัวซิวไม่ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านนอกแต่อย่างใด การประเมินทั้งห้าด้านของการคัดเลือกรอบแรกไม่ธรรมดา แต่ก็ไม่ถือว่ายากลำบากมากนัก จากศักยภาพของลิ่งฮู๋จื่อเซวียนน่าจะไม่มีปัญหาอะไร 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ