มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2717

บนดินแดนเก่าไท่ชูมีปริภูมิฟ้าดินในยุคไท่ชูคงอยู่ด้วย เกณฑ์ฟ้าดินในยุคสมัยนั้นสมบูรณ์แบบกว่าโลกในยุคหลัง ๆ มาก เนื่องจากเคยมีสงครามครั้งยิ่งใหญ่และการเข่นฆ่าเกิดขึ้นในยุคไท่ชูเยอะมากจนนับไม่ถ้วน เกณฑ์ฟ้าดินล้วนถูกฉีกกระชาก จึงส่งผลให้เกณฑ์ฟ้าดินในยุคหลังไม่สมบูรณ์อีกต่อไป การฝึกตนก็ยิ่งอยู่ยิ่งทำได้ยากขึ้น

หลังจากสิ้นสุดยุคไท่ชูแล้ว ก็คือยุควัฏสงสาร หลังจากผ่านพ้นศึกแห่งภัยพิบัติในยุควัฏสงสารแล้ว ก็มาถึงยุคมหาศักดิ์ในปัจจุบัน จำนวนผู้แข็งแกร่งชั้นยอดในฟ้าดินก็ยิ่งอยู่ยิ่งน้อยลง

ทุกสรรพสิ่งมีโอกาสคงอยู่บนดินแดนเก่าแห่งไท่ชู ยกตัวอย่างเช่นถ้ำที่ผู้แข็งแกร่งไท่ชูทิ้งไว้ ตลอดจนเนินดินหลุมฝังศพของผู้แข็งแกร่งไท่ชู

แน่นอนอยู่แล้วว่าที่นี่ก็มีภยันตรายที่นับไม่ถ้วนคงอยู่เช่นกัน หากไม่ทันได้ระวังตัว ก็อาจจะทำให้เสียชีวิตได้เลย 

วันที่ 13 ที่เข้ามาในแดนเทียนฮวง จู่ ๆ หลัวซิวก็หยุดการเคลื่อนที่ 

เขาเห็นแม่น้ำสายหนึ่งที่มีน้ำไหลผ่านอย่างไม่หยุดหย่อน แม่น้ำดังกล่าวไหลพาดผ่านตรงหน้าเขาไป หากอ้างอิงจากแนวคิดทั่วไป ขอแค่บินข้ามไปก็สามารถข้ามผ่านไปได้แล้ว 

แต่ตัวสำนึกของหลัวซิวกลับสังเกตเห็นว่าบนผิวแม่น้ำ ตลอดจนนภาเหนือแม่น้ำ ล้วนมีค่ายกลต้องห้ามคงอยู่เป็นจำนวนมาก 

กาลเวลาที่ค่ายกลต้องห้ามเหล่านี้คงอยู่ยาวนานมาก ๆ แล้ว แต่ก็ยังมีพลานุภาพหลงเหลืออยู่เล็กน้อย หากบุกเข้าไปโดยไม่ทันได้ระวัง จุดจบต้องได้ตายอย่างไร้ที่ฝังแน่นอน 

กาลเวลาเป็นสิ่งที่ไร้ความปราณีมากที่สุด ตั้งแต่ยุคไท่ชูจวบจนปัจจุบัน ไม่มีสิ่งใดสามารถต้านทานการหมุนเวียนของกาลเวลา ค่ายกลต้องห้ามที่มีพลานุภาพแข็งแกร่งในอดีต แท้จริงแล้วก็มีช่องโหว่เกิดขึ้นเยอะมาก ๆ เช่นกัน หากสามารถค้นพบล่วงหน้าแล้วมีการเตรียมป้องกันก่อน ก็จะไม่อันตรายมากเท่าไหร่นัก

หากเป็นผู้ที่ไม่เข้าใจเรื่องค่ายกล ก็สามารถเลือกที่จะอ้อมแม่น้ำสายนี้เช่นกัน ขอแค่หลบเลี่ยงพวกค่ายกลที่อยู่บนนภาเหนือแม่น้ำก็พอแล้ว 

หลัวซิวมั่นใจในฝีมือด้านวิถีค่ายของตัวเองอยู่ เพราะฉะนั้นเขาจึงไม่มีความคิดที่จะอ้อมแม่น้ำสายนี้ แต่เป็นการกระโดดลอยขึ้นฟ้า เตรียมพร้อมที่จะข้ามผ่านแม่น้ำสายนี้โดยตรง

เดิมทีคิดว่าค่ายกลต้องห้ามเหล่านี้ที่มีช่องโหว่จำนวนมากน่าจะไม่สามารถหยุดยั้งตัวเองได้ด้วยซ้ำ ทว่าเมื่อหลัวซิวบุกเข้าไปจริง ๆ เขาถึงจะทราบว่าตนเองนั้นผิดอย่างมหันต์เลย 

ค่ายกลต้องห้ามที่อยู่บริเวณรอบนอกมีช่องโหว่เยอะมากก็จริง แต่เมื่อเขามาถึงกลางแม่น้ำสายนี้ จู่ ๆ เขาก็พบว่าค่ายกลต้องห้ามจำนวนมากที่ถูกจัดวางอยู่ที่นี่ยังถูกรักษาไว้ได้สมบูรณ์แบบมาก ๆ!

ซึ่งเวลานี้หลัวซิวถอยไม่ทันเลยด้วยซ้ำ มีแรงดูดที่มากมายมหาศาลส่งตรงมาส่งตรงมาจากแม่น้ำที่อยู่ด้านล่าง แม่น้ำก็เริ่มหมุนเวียนอย่างรวดเร็วเช่นกัน จนประกอบเป็นระลอกคลื่นที่ดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง 

นี่จึงทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะยิ้มอย่างขมขื่น สุดท้ายเขาก็มั่นใจฝีมือวิถีค่ายของตัวเองมากเกินไป ไม่ทันได้ระวัง สุดท้ายผู้ที่ระมัดระวังอย่างเขาก็ติดกับอยู่ดี 

พลังดูดกลืนของระลอกคลื่นที่อยู่ด้านล่างทรงพลังมาก หลัวซิวต้านทานไม่ไหวเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่เปลืองผลการฝึกตนเพื่อต้านทานเสียเลย แต่เป็นการเรียกเตากลั่นนภาจื่อเซียวออกมา แล้วมีรัศมีเทวเพลิงอัคคีสาดส่องลงมาคุ้มกันอยู่รอบกายเขา!

เสี้ยววินาทีที่เขาล้มเลิกการต้านทาน ร่างกายเขาก็ตกลงไปอย่างรวดเร็ว ตกเข้าไปกลางระลอกคลื่นในแม่น้ำ 

กระแสน้ำที่นับไม่ถ้วนซัดกระหน่ำใส่เตากลั่นนภาจื่อเซียวจนเสียงดังโครมคราม หลัวซิวพบว่าน้ำที่อยู่ในแม่น้ำสายนี้ก็ไม่ใช่น้ำทั่วไปด้วย ทุกครั้งที่น้ำซัดกระหน่ำ ก็จะมีพลังที่เกะกะระรานทะลุผ่านเตากลั่นนภาจื่อเซียวแล้วส่งตรงมายังตัวเขา 

ทันใดนั้นเอง กระแสน้ำก็หายไปแล้ว เมื่อหลัวซิวมองเห็นความมืดที่ไร้ขอบเขต เขาถึงจะตอบสนองกลับมาได้ว่าแม่น้ำที่อยู่ด้านบนเป็นเพียงตัวหลอก เพราะมีอีกดินแดนหนึ่งแฝงซ่อนอยู่ด้านล่างของแม่น้ำสายนี้!

“ปั้ง!”

หลัวซิวก็ไม่ทราบเช่นกันว่าตัวเองร่วงหล่นลงมานานเท่าไหร่ เมื่อรู้สึกว่าร่างกายตัวเองกระแทกกับพื้น ถึงแม้จะมีเตากลั่นนภาจื่อเซียวคอยคุ้มกันร่าง เขาก็กระอักเลือดอยู่ดี อวัยวะภายในสั่นสะเทือนจนตำแหน่งผิดเพี้ยนไปหมด

ต้องท้าวความก่อนว่าร่างเนื้อของเขาคือร่างเทวระดับเจ็ดขั้นสูงเลยนะ หากเปลี่ยนเป็นผู้อื่น เกรงว่าแค่ตกลงมาก็คงทำให้ร่างกายแตกสลายไปแล้ว 

บริเวณรอบ ๆ มืดสนิท สายตามองไม่เห็นอะไรเลยด้วยซ้ำ ทว่าเมื่ออยู่ภายในนี้ตัวสำนึกกลับไม่ถูกรบกวนแต่อย่างใด หลัวซิวปลดปล่อยตัวสำนึกของตัวเองออกไป ก่อนที่สีหน้าของเขาจะดูย่ำแย่ลงเล็กน้อย

เนื่องจากเขตพื้นที่ที่เขาร่วงหล่นลงมานี้ เต็มเปี่ยมไปด้วยกระดูกที่แห้งกรัง ดูท่าน่าจะมีคนตกลงมาในนี้ไม่น้อยเลย และคนส่วนมากก็ล้วนตายอยู่ในนี้

หลัวซิวสามารถยืนยันได้ร้อยเปอร์เซ็นต์เลยว่าค่ายกลต้องห้ามที่ดูดเขาลงมานั้น อย่างน้อยก็เป็นค่ายเทพระดับแปดขั้นสูง ยิ่งกว่านั้นคือมีโอกาสเป็นค่ายเทพระดับเก้าอีกด้วย แม้นเขาอยากออกไป ก็ไม่มั่นใจเช่นกันว่าจะสามารถออกไปได้หรือไม่

แต่เขาก็ไม่ได้กังวลใจมากเท่าไหร่นัก จากผลการฝึกตน ณ ปัจจุบันของเขายังทลายค่ายเทพระดับสูงไม่ได้ แต่การที่จะอนุมานวิธีการออกไปจากที่นี่นั้น กลับไม่ใช่เรื่องยากเช่นกัน

หลัวซิวยืนนิ่งอยู่กับที่และไม่ได้ทำอะไรบุ่มบ่าม ภายใต้การกระตุ้นของเขา มีรัศมีที่งดงามแย้มบานออกมาจากเตากลั่นนภาจื่อเซียว ทำให้พื้นที่บริเวณรอบ ๆ ที่มืดสนิทสว่างขึ้นมา 

พื้นที่แห่งนี้ไม่ใหญ่แต่อย่างใด มีรัศมีประมาณสามสิบกว่าเมตร โครงกระดูกที่อยู่ในนี้มีเยอะมาก หลัวซิวลองสังเกตดูดี ๆ ก่อนจะพบว่าเจ้าของโครงกระดูกทั้งหมดที่อยู่ในนี้ล้วนตายไปเพราะสูญเสียแก่นแท้ชีวิตไปหมด

“ค่ายกลที่ดูดซับแก่นแท้ชีวิต?”

หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย อาศัยตัวสำนึกที่ผนึกรวมมาจากพลังญาณเทว เขาสัมผัสร่องรอยของลายค่ายที่โคจรได้ลาง ๆ เมื่ออยู่ในค่ายกลนี้ ดูเหมือนแก่นแท้ชีวิตที่อยู่ในร่างกายจะถูกดูดซับออกไปอย่างไม่หยุดหย่อน 

ยิ่งกว่านั้นคือหากไม่ใช่เพราะเขาฝึกเคล็ดเทวกลั่นวิญญาณจนผนึกรวมญาณเทวออกมา พลังวิญญาณดั้งเดิมของเขาก็จะถูกดูดออกไปหมดแล้ว!

“ช่างเป็นค่ายกลที่เหี้ยมโหดยิ่งนัก!”สีหน้าของหลัวซิวหม่นหมองลง ผู้ที่จัดวางค่ายกลประเภทนี้ต้องไม่ใช่คนดีอะไรแน่นอน นี่จึงทำให้เขาระมัดระวังขึ้นมามากกว่าเดิม 

จากการชะล้างจากกาลเวลาอันยาวนาน พลังในการดูดกลืนวิญญาณดั้งเดิมและชีวีของค่ายกลนี้ไม่ค่อยทรงพลังแล้ว ภายในระยะเวลาสั้น ๆ จะไม่รู้สึกอะไร แต่ถ้าเกิดเวลาผ่านไป วิญญาณดั้งเดิมของทุกคนล้วนจะถูกดูดกลืนจนหมดสิ้น จากนั้นก็กลายเป็นหนึ่งในโครงกระดูกที่อยู่บนพื้น

แต่ไม่นานนักหลัวซิวก็ค้นพบปัญหาหนึ่ง นั่นก็คือค่ายกลนี้ดูดซับชีวีและแก่นแท้วิญญาณของผู้แข็งแกร่งแห่งโลกยุทธ์ไปยาวนานและมากมายเช่นนั้น แก่นแท้เหล่านั้นไปอยู่ที่ใด?

เมื่อนึกถึงจุดนี้ รูม่านตาของหลัวซิวก็หดลง ก่อนที่เขาจะรีบโคจรวิถีไร้ลักษณ์ อนุมานการโคจรและการเปลี่ยนแปลงของลายค่าย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ