หลัวซิวไม่รู้จักชายหนุ่มชุดแพรนั่นแต่อย่างใด ถึงแม้จะไม่มีพลังออร่าที่แข็งแกร่งแผ่กระจายออกมาจากตัวฝ่ายตรงข้าม แต่หลัวซิวก็สัมผัสคลื่นพลังออร่าได้ลาง ๆ อยู่ดี
เขาสามารถดูออกอยู่ว่าอายุของชายหนุ่มคนนั้นต้องไม่มากอย่างแน่นอน ยิ่งกว่านั้นคือระยะเวลาที่ฝึกตนก็ไม่เกินหนึ่งหมื่นปี แต่ผลการฝึกตนของเขากลับอยู่ในแดนเทพมารระดับแปดขั้นปฐมภูมิแล้ว!
หากเป็นเทพมารระดับแปดขั้นปฐมภูมิทั่วไป หลัวซิวก็ยังไม่ถึงขั้นต้องเก็บมาใส่ใจ ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับทำให้เขาสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันเสี้ยวหนึ่ง!
เทพมารระดับแปดขั้นปฐมภูมิที่สามารถทำให้หลัวซิวสัมผัสได้ถึงแรงกดดันนั้น สามารถพูดได้เลยว่ามีน้อยมากถึงมากที่สุด ด้วยเหตุนี้จึงเห็นได้เลยว่าชายหนุ่มชุดแพรนี่ต้องเป็นบุคคลอัจฉริยะขั้นสุดยอดแน่นอน อีกทั้งฝึกการสืบสานที่ทรงพลัง มีพรสวรรค์เป็นเลิศ!
ต่อให้วรยุทธ์สืบสานที่ฝึกจะทรงพลังมากเพียงใด หากไม่มีพรสวรรค์ปัญญาที่แข็งแกร่ง ก็ไม่มีทางฝึกสำเร็จเช่นกัน ในหมู่วัยรุ่น ถึงแม้จะนำลิ่งฮู๋จื่อเซวียนมาเปรียบเทียบกับชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้านี้ ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนก็ยังด้อยกว่าหนึ่งระดับ
“ไม่คุ้นหน้าสหายท่านนี้เลย น่าจะไม่ใช่จอมยุทธ์ที่อยู่ในดินแดนเขตกลางแห่งโลกร้างสินะ?”
ผลการฝึกตนของชายหนุ่มชุดแพรแข็งแกร่ง ทว่ากลับไม่ได้อาศัยที่ผลการฝึกตนตนสูงกว่าแล้วดูหมิ่นดูแคลนผู้อื่น เขาประสานมือทำท่าคารวะไปทางหลัวซิวพลางยิ้มพลางพูด: “ข้าน้อยฮวงหวูจี๋มาจากเมืองต้าฮวงโบราณ ไม่นึกเลยว่าผลการฝึกตนของผู้เพื่อนยุทธ์เป็นเพียงเทพมารระดับหก แต่กลับมีความสามารถในการสังหารเทพมารระดับแปดแล้วอย่างนั้นหรือ”
เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว หลัวซิวก็รู้แล้วว่าชายหนุ่มคนนี้ต้องได้ยินเรื่องราวของสำนักเสว่หยูแน่นอน
“ที่แท้ก็เป็นศิษย์เก่งแห่งเมืองต้าฮวงโบราณนี่เอง ข้าน้อยหลัวซิว”หลัวซิวก็ทำท่าคารวะกลับเช่นกัน “ข้ามิใช่คนในเขตกลางแห่งโลกร้างจริง ๆ ข้ามาจากอาณาจักรตะวันออก”
“เจ้าคือหลัวซิวหรอกหรือ?”รูม่านตาของฮวงหวูจี๋หดลง “ได้ยินมาว่ามีอัจฉริยะคนหนึ่งอุบัติขึ้นมาในการคัดเลือกอัจฉริยะแห่งตระกูลเทียนฮวง ซึ่งก็มีนามว่าหลัวซิวเช่นกัน หรือว่าเขาคนนั้นก็คือเจ้า?”
หลัวซิวนึกไม่ถึงเลยว่าชื่อเสียงของตัวเองจะแพร่งพรายจากอาณาจักรเหนือมาถึงเขตกลาง สำหรับเรื่องนี้นั้น เขาก็ไม่มีอะไรน่าปิดบังเช่นกัน ดังนั้นจึงพยักหน้า
“สหายหลัวสามารถสังหารเทพมารระดับแปด จึงแสดงให้เห็นเลยว่าศักยภาพไม่ธรรมดา หวูจี๋อยากประลองกับสหายหลัวเล็กน้อยแล้วเนี่ย ไม่ทราบว่าสหายหลัวยินดีประลองกับข้าหรือไม่?”
แม้นจักถามความคิดเห็นของหลัวซิว แต่น้ำเสียงของฮวงหวูจี๋กลับทำให้คนฟังรู้สึกปฏิเสธไม่ได้
ยังไม่ทันสิ้นเสียงเขา พลังออร่าบนตัวฮวงหวูจี๋ก็ค่อย ๆ เพิ่มขึ้นตามจังหวะ ราวกับอสูรโหดโบราณที่ฟื้นตื่นขึ้นมา
หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าร่างกายของลาร์บีบแน่นขึ้น แสดงให้เห็นเลยว่าแค่พลังออร่าของฮวงหวูจี๋นี่ ก็ทำให้ลาร์รู้สึกเหมือนเผชิญหน้ากับศัตรูตัวฉกาจแล้ว
หากได้ต่อสู้กันจริง ๆ อ้างอิงจากการคำนวณของหลัวซิว แม้นลาร์จักมีศักยภาพราชาเทพระดับเจ็ด แต่ก็ต้านทานกระบวนท่าหนึ่งของฮวงหวูจี๋นี่ไม่ได้แน่นอน
ยักษ์ตรีภพแข็งแกร่งมาตั้งแต่กำเนิด ทว่าข้อเสียเพียงหนึ่งเดียวก็คือเจริญเติบโตช้าเกินไป เมื่อรวมกับระยะเวลาที่ถูกผนึกอยู่ในมหาค่ายกักชีวีเทวโทษเวหากาล ลาร์ก็ถือว่ามีชีวิตมานานหนึ่งยุคตรีภพกว่าแล้ว ทว่าสุดท้ายแล้วศักยภาพของเขาก็เป็นเพียงราชาเทพระดับเจ็ด ซึ่งยังไม่เคยมีการพัฒนาเลยแม้แต่น้อย
“ผู้เพื่อนยุทธ์รับกระบวนท่าของข้าหนึ่งท่า หมัดต้าฮวง!”
พลังออร่าบนตัวฮวงหวูจี๋พุ่งถึงขีดสูงสุดในรวดเดียว เห็นเพียงเขาค่อย ๆ ก้าวเท้าขึ้นมาข้างหน้าหนึ่งก้าว แต่กิริยาท่าทางกลับเร่งถึงขีดสูงสุดภายในเสี้ยววินาที ราวกับในฟ้าดินผืนนี้เหลือเพียงกำปั้นเดียว กำลังพุ่งสังหารมาทางหลัวซิว
“ตู้มม!”
ณ วินาทีนี้ มีคลื่นพลังที่แข็งแกร่งส่งตรงมาจากหัวใจหลัวซิว เลือดปราณมากมายมหาศาลที่อยู่รอบกายเริ่มโคจร ร่างเทวระดับแปดถูกโคจรอย่างบ้าคลั่ง ยันต์ค่ายทั้งหลายปรากฏบนผิวหนังชั้นนอก ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นฟ้า
“หมัดจ้านเทียน!”
ถัดจากนั้นวินาทีต่อไป กำปั้นทั้งสองก็พุ่งชนกันดั่งดาวหางสองดวง
ชี่จิ้งที่น่าสยดสยองระเบิดออกมา แม้แต่อนัตตายังต้านทานแรงกดอัดที่มากมายมหาศาลนี้ไม่ไหว จนเริ่มพังทลายเป็นชิ้น ๆ รอยร้าวขนาดใหญ่แผ่กระจายไปถึงสุดปลายขอบฟ้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ลาร์เบิกตากว้าง ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนสวรรค์ที่ปกคลุมแผ่นดินถูกฉีกกระชากยังไงอย่างนั้น
มีเงาดำสองร่างบินออกมาจากอนัตตาที่พังทลายพร้อมกัน ร่างกายของหลัวซิวร่วงลงบนยอดเขาลูกหนึ่ง เสี้ยววินาทีที่เท้าทั้งสองข้างย่ำลงพื้น ยอดเขาลูกนี้ก็พังทลายจนกลายเป็นฝุ่นผงภายในพริบตา
ฮวงหวูจี๋ก็ร่วงลงบนตำแหน่งที่ห่างออกไปไกลเช่นกัน ฝ่าเท้าคู่หนึ่งย่ำลงบนพื้นจนทำให้พื้นแตกร้าว แล้วสั่นสะเทือนอย่างไม่หยุดหย่อน
“ช่างเป็นร่างเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งนัก!”ฮวงหวูจี๋ใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลัง นิ้วมือทั้งห้าบิดงอไปจากเดิมโดยสิ้นเชิง ทว่าบนใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มที่สุขุมอยู่เช่นเคย
“เจ้าก็ไม่ต่างจากข้าเท่าไหร่หรอก”หลัวซิวก็รู้สึกปวดกระดูกนิ้วเช่นกัน แต่ทว่าสำหรับเขาแล้ว ความเจ็บปวดระดับนี้มันไม่ใช่เรื่องใหญ่ตั้งนานแล้ว
“สหายหวูจี๋ เจ้าก็ลองรับกระบวนท่าหนึ่งของข้าดู!”ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น หลัวซิวก็หกระเหินเดินฟ้า จิตสังหารอันมากมายมหาศาลและไร้ขอบเขตผนึกรวมกันอยู่กลางฝ่ามือทั้งสองข้างของเขา ก่อนจะกลายเป็นหอกยุทธ์สีแดงเลือดหนึ่งเล่ม
“ช้าก่อน!”
ในขณะที่หลัวซิวกำลังจะลงมืออยู่นั้น จู่ ๆ ฮวงหวูจี๋ก็เอ่ยปากพูด “ศักยภาพของสหายหลัวเกะกะระราน แซ่ฮวงรู้สึกเลื่อมใสอย่างยิ่ง จากความเห็นของข้า เราไม่จำเป็นต้องต่อสู้กันอีกแล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวซิวก็รู้สึกหมดคำจะพูดเล็กน้อย ดูเหมือนฮวงหวูจี๋ไม่ได้มีท่าทีที่จะเป็นศัตรูกับเขาแต่อย่างใด ในเมื่อฝ่ายตรงข้ามพูดเช่นนี้แล้ว เขาย่อมลงมือต่อไม่ได้อยู่แล้ว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...