“ข้าน้อยลิ่งฮู๋จื่อเซวียน กราบคารวะสหายฮวง”
ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนมองหลัวซิวด้วยสายตาที่แปลกใจเล็กน้อยรอบหนึ่ง เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวจะรู้จักกับเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองต้าฮวงโบราณด้วย อีกทั้งความสัมพันธ์ของพวกเขายังดูไม่เลว
“สหายลิ่งฮู๋เกรงใจเกินไปแล้ว”
ฮวงหวูจี๋ประสานมือทำท่าคารวะตอบกลับ “นามสกุลลิ่งฮู๋หาพบได้ไม่มาก หรือเจ้าจะมาจากตระกูลลิ่งฮู๋แห่งโลกจักรภพ?”
“หากโลกจักรภพไม่มีตระกูลลิ่งฮู๋ที่สองละก็ เช่นนั้นสหายฮวงก็เดาถูกแล้วล่ะ”ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนยิ้มพลางตอบกลับ
ความเป็นมาของตระกูลลิ่งฮู๋ก็ถือว่าไม่ธรรมดาเช่นกัน บรรพบุรุษคือผู้แข็งแกร่งจักรพรรดิเทพระดับเก้า ทว่าเมื่อเปรียบเทียบกับชนเผ่าฮวงแห่งเมืองต้าฮวงโบราณแล้ว ก็ไม่ได้ต่างกันแค่หนึ่งถึงสองระดับแล้ว
“ฮวงหวูจี๋ มึงหมายความว่าอย่างไร? หรือว่ามึงจะออกหน้าแทนสองตัวนี้?”
หวงฟางเทียนแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น “อย่าคิดว่าที่นี่คือเมืองต้าฮวงโบราณ แล้วท่านชายอย่างกูจะไม่กล้าทำอะไรมึงนะ!”
“สหายหวง มึงพูดถูกจริงด้วย ที่นี่ไม่ใช่แค่เมืองต้าฮวงโบราณเท่านั้น แต่ยังเป็นโลกร้างด้วย หากมึงคิดที่จะกดขี่ข่มเหงสหายของแซ่หยุนกู ก็ต้องดูก่อนว่าแซ่หยุนกูตกลงหรือไม่”
มีเงาดำอีกร่างหนึ่งเดินตรงมาทางนี้ ซึ่งผู้ที่เดินมาก็คือเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองหยุนหลง หยุนยี่เทียน
“เอ๊ะ? ไอ้คนน่าสมเพชนั่นแดกโอสถเพิ่มความกล้ามาหรือไง ถึงกับบังอาจหาเรื่องสหายหลัวหรือ?”
นอกเมืองต้าฮวงโบราณ มีรัศมีเทวที่สีสันสดใสดวงหนึ่งบินตรงมา ก่อนจะร่วงลงบนถนนในเมือง แล้วผันร่างเป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง ซึ่งคนดังกล่าวก็คือสวีเซิ่งเจี๋ยที่มีฉายาว่าท่านชายไร้มลทินนั่นเอง
“ท่านชายหลัวคือผู้มีพระคุณของข้า ผู้ใดข่มเหงรังแกเขา ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นผู้ใด ฮู๋ชิงชิงข้าก็จะไม่ปล่อยมันไปทั้งสิ้น!”
มีโฉมงามเย้ายวนที่อยู่ในชุดกระโปรงสีดำอีกคนหนึ่งหกระเหินเดินฟ้ามา การปรากฏตัวของนาง ทำให้ดึงดูดสายตาของทุกคนไปทันที
พรายสาวสรรค์!
ในโลกร้าง ณ ปัจจุบัน ชื่อเสียงของพรายสาวสรรค์ไม่ด้อยกว่าท่านชายไร้มลทินเลย เพราะร่างอสูรฟ้าก็เป็นฐานร่างที่หาพบได้ยากมาตั้งแต่โบราณกาลเช่นกัน
เพียงชั่วพริบตาเดียว ด้านหลังหลัวซิวก็มีฮวงหวูจี๋ หยุนยี่เทียน สวีเซิ่งเจี๋ยและฮู๋ชิงชิง อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในหมู่เด็กรุ่นใหม่รวมตัวกัน
นี่จึงทำให้สีหน้าของหวงฟางเทียนดูย่ำแย่ลงไปภายในพริบตา เขาโอ้อวดว่ากำลังรบของตนน่าทึ่ง ในบรรดาวัยรุ่นรุ่นเดียวกัน ผู้ที่เป็นคู่ต่อสู้ของเขานั้นมีน้อยมาก ทว่าทุกคนที่อยู่ตรงหน้านี้กลับไม่มีผู้ใดที่ด้อยกว่าตนเองเลย หากต้องลงมือกันจริง ๆ ผู้ที่เสียเปรียบต้องเป็นเขาแน่นอน
“กล้ากร่างเพราะคนพวกมึงเยอะกว่าหรือ? คิดว่ากูไม่มีผู้ช่วยหรือไง?”หวงฟางเทียนพูดด้วยน้ำเสียงที่ดุดัน
“เหอะ ๆ ท่านชายฟางเทียนพูดถูก ทุกท่านในโลกร้างรังแกข่มเหงเพราะโลกเหลืองของเราไม่มีคนอย่างนั้นรึ?”
ท่านชายหนุ่มที่อยู่ในชุดแพรย่างเท้าเดินตรงมาทางนี้ พลางยิ้มอ่อนพลางพูด: “ข้าน้อยจูโร่เฉิน อยากประลองกับวีรบุรุษทุกท่านในโลกร้างตั้งนานแล้ว”
จูโร่เฉินนี่บอกว่าตัวเองมาจากโลกเหลือง ส่วนหวงฟางเทียนก็แซ่หวงอีกซึ่งมีความหมายว่าเหลือง แสดงว่าเขาต้องมาจากเผ่าเหลืองแน่นอน ในส่วนของชนเผ่าฮวงแห่งโลกร้างนั้น ก็เป็นแปดตระกูลที่เก่าแก่ที่สุดเช่นกัน
“ท่านชายจูพูดถูก ในโลกเหลืองของเราก็มียอดฝีมือมากดั่งเมฆบนฟ้า หากจะสู้ละก็ คิดว่าเรากลัวหรือ?”
มีชายร่างใหญ่ที่ดูฮึกเหิมมีพลังอีกคนหนึ่งเดินตรงมาพร้อมกับแบกขวานใหญ่ไว้บนบ่า เดินมายืนอยู่ข้างหวงฟางเทียนและจูโร่เฉิน
ไม่นานนัก ก็มีอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งแห่งโลกเหลืองอีกสามสี่คนเร่งเดินทางมาหลังจากได้ยินข่าว ลักษณะท่าทีเหมือนกำลังจะลงไม้ลงมือกัน
เมื่อเห็นว่าผู้ช่วยยิ่งอยู่ยิ่งเยอะ หวงฟางเทียนก็ยิ่งอยู่ยิ่งมั่นใจเช่นกัน ยื่นนิ้วชี้ไปทางพวกหลัวซิวและฮวงหวูจี๋ พลางพูดอย่างดูหมิ่น: “หมูหมากาไก่อย่างพวกมึง ก็เหมาะกับการได้รับโควต้าของหอคอยฮวงหรือ วันนี้กูจะทำให้พวกมึงได้รู้เองว่าอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งในโลกเหลืองของกู เป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดต่างหาก!”
“ช่างปากดียิ่งนัก โม้เก่งขนาดนี้ระวังโดนฟ้าผ่าจนลิ้นขาดเอาล่ะ กูว่านะ หนังหน้าของหวงฟางเทียนมึงน่ะคงหนาจนแม้แต่หอคอยฮวงยังทำอะไรไม่ได้แล้ว!”ในฐานะที่ฮวงหวูจี๋เป็นเจ้าภาพของที่นี่ ย่อมต้องตาต่อตาฟันต่อฟันอยู่แล้ว จะแพ้ด้านพลังออร่าภายนอกให้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้เด็ดขาด
เพียงชั่วพริบตาเดียว ทั้งสองฝ่ายก็จ้องหน้ากันและกัน ปราณรบพุ่งทะยานขึ้นฟ้า ราวกับจะเกิดการปะทะกันยังไงอย่างนั้น ท่าทีคล้ายกำลังจะลงมือกันยกใหญ่
“หยุด!”
จู่ ๆ ก็มีเสียงที่ดังก้องกังวานดังขึ้น ถัดจากนั้นก็มีเงาร่างของผู้อาวุโสสองคนปรากฏกลางนภา ซึ่งเป็นผู้อาวุโสสองคนจากชนเผ่าฮวงและเผ่าเหลือง
“การแข่งขันชิงโควต้าหอคอยฮวงใกล้จะเริ่มขึ้นแล้ว หากพวกเจ้าจะต่อสู้กัน ถึงครานั้นพวกเจ้าก็เต็มที่ได้เลย แต่ที่นี่คือเมืองต้าฮวงโบราณ ซึ่งเป็นดินแดนที่บรรพจารย์ฮวงบุกเบิกขึ้นมา จักปล่อยให้พวกเจ้าทำตัวเหลวไหลได้อย่างไร!”ผู้อาวุโสชนเผ่าฮวงตะคอกด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
“แยกย้ายกันซะ รวมหัวกันต่อสู้เช่นนี้ ไม่อายคนหรือไง?”สีหน้าของผู้อาวุโสเผ่าเหลืองก็ดูย่ำแย่มากเช่นกัน
บัดนี้มีเหล่าอัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศได้มารวมตัวกันที่เมืองต้าฮวงโบราณ ซึ่งไม่ได้มีแค่คนในโลกร้างและโลกเหลืองเท่านั้น ยังมีโลกสวรรค์ โลกใต้ดิน โลกเสวียน โลกจักรวาล โลกจักรภพและโลกท่วมท้น ถึงครานั้นหากโลกร้างและโลกเหลืองทะเลาะวิวาทกัน และต่างฝ่ายต่างได้รับความเสียหาย อีกหกโลกที่เหลือย่อมยินดีที่จะดูอะไรสนุก ๆ อยู่แล้ว
“หึ ในเมื่อผู้อาวุโสออกโรง วันนั้นก็ปล่อยพวกมึงไปหนหนึ่งแล้วกัน!”
ตอบรับคำเชื้อเชิญของฮวงหวูจี๋ พวกหลัวซิวมาถึงตำหนักหลักเมือง ครั้งก่อนขณะที่หลัวซิวและฮวงหวูจี๋ออกไปจากเมืองโบราณแห่งนี้พร้อมกัน ทั้งคู่ประสบกับการจู่โจมสังหารจากผู้อาวุโสพระบัญญัติ จึงส่งผลให้พลังอมตะราชาเทพที่ซ่อนอยู่ในหว่างคิ้วฮวงหวูจี๋ระเบิดด้วย จนทำให้เจ้าเมืองร้างที่อยู่ในการปิดขังตื่นตกใจ
ต่อมาเจ้าเมืองร้างได้ทำการสอบสวนเรื่องนี้ด้วยตนเอง ผลการฝึกตนของผู้อาวุโสพระบัญญัติถูกทำลายทิ้ง แล้วถูกกักขังในคุกใต้ดิน ส่วนท่านพี่ของฮวงหวูจี๋ ฮวงหวูเต้ากลับถูกขังอยู่ในภูเขาหนาน ไม่สามารถก้าวออกมาจากภูเขาหนานภายในระยะเวลาหนึ่งหมื่นปี
“ต่อมาสถานฌาปนของจ้าววัฏสงสารยุคที่แปดเป็นอย่างไรบ้าง?”หลัวซิวถามพวกฮวงหวูจี๋
“ล่องหนหายเข้าไปในอนัตตาแล้ว”ฮวงหวูจี๋ หยุนยี่เทียนและฮู๋ชิงชิงต่างพากันส่ายหน้า เดิมทีมีผู้แข็งแกร่งระดับจักรพรรดิเทพ ตลอดจนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าวางแผนที่จะเร่งเดินทางมาด้วยตนเองอยู่ ทว่าขณะที่เหล่าผู้แข็งแกร่งแห่งยุคยังไม่ทันได้เร่งเดินทางมา สถานฌาปนของจ้าววัฏสงสารยุคที่แปดก็หายไปแล้ว ล่องหนหายเข้าไปในอนัตตา หายไปอย่างไร้ร่องรอย ไม่มีร่องรอยใด ๆ ให้ตามสืบได้เลย
เมื่อได้ยินคำตอบดังกล่าว หลัวซิวก็ไม่ไต่ถามอีก เขาอยากรู้มาก ๆ ว่าโลงศพเทวที่อยู่ในส่วนที่ลึกที่สุดของสถานฌาปนของจ้าววัฏสงสารยุคที่แปด ตกลงเป็นโลงเปล่าหรือไม่
แต่ทว่าสถานฌาปนของจ้าววัฏสงสารยุคที่แปดหายไปแล้ว ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าคำถามนี้จะได้รับการคลี่คลายเมื่อไหร่
เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยไปสามเดือนแล้ว ตั้งแต่ข่าวคราวแพร่งออกไปเป็นต้นมา ก็กินเวลาไปสามเดือนแล้ว ผู้คนในเมืองต้าฮวงโบราณมีเยอะมากจนน่าทุกข์ใจ มีอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่นับไม่ถ้วนต่างรวมตัวกันอยู่ที่นี่
วันนี้ จู่ ๆ ก็มีเสียงระฆังดังก้องไปทั่วเมืองต้าฮวงโบราณ ถัดจากนั้นทุกคนก็เห็นว่ามีมือใหญ่ข้างหนึ่งยื่นไปทางขอบฟ้า ด้านบนของมือใหญ่ข้างนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยลายเส้นที่ซับซ้อน ใหญ่โตปานกระโจมรถที่บดบังท้องฟ้า
ทันใดนั้นเอง ก็มีภูเขาแม่น้ำ เดือนตะวันวิวัฒนาการออกมาจากบนมือใหญ่ข้างนี้ เหมือนดั่งโลกาใบหนึ่งที่คงอยู่อย่างแท้จริง
ซึ่งนี่ก็คือมหาอิทธิฤทธิ์ของโลกาจ่างจง!
โลกาใบหนึ่งล้วนอยู่ในการควบคุม ยิ่งกว่านั้นคือภายในโลกาที่วิวัฒนาการออกมาจากฝ่ามือ ยังมีเกณฑ์ฟ้าดินที่เกือบจะสมบูรณ์แบบแฝงซ่อนอยู่ด้วย
“โควต้าหอคอยฮวงมีเพียงหนึ่งพันที่เท่านั้น ผู้ที่ผลการฝึกตนอยู่ต่ำกว่าเทพมารระดับเก้าเข้าไปภายในให้หมด กระทั่งมีผู้เหลือรอดหนึ่งพันคนสุดท้าย!”
มีน้ำเสียงที่แก่ชราค่อย ๆ สะท้อนมา แล้วดังเข้าไปในหูของทุกคนที่อยู่ในเมือง “ผู้ที่มีผลการฝึกตนอยู่สูงกว่าเทพมารระดับเก้า อย่าริอ่านเข้าร่วมการแข่งขันชิงโควต้า นี่คือคำตักเตือน!”
อำนาจของฮวงจวินเป็นสิ่งที่ไม่อาจดูหมิ่นได้ ในเมื่อเขาพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา หากผู้ใดขัดขืน ก็จักเป็นการรนหาที่ตาย!
เพียงชั่วพริบตาเดียว ก็มีเงาร่างที่นับไม่ถ้วนบินลอยขึ้นมาจากตัวเมือง แล้วบินตรงไปยังโลกาที่มือใหญ่ข้างนั้นวิวัฒนาการออกมากลางนภา
“เราก็ออกเดินทางกันเถิด ถึงครานั้นค่อยเจอกันในหอคอยฮวง!”
พวกหลัวซิวต่างก็พากันเดินออกมาจากตำหนักหลักเมืองเช่นกัน ถึงแม้โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดจะมีโควต้าเพียงหนึ่งพันที่ พวกเขาก็ล้วนมั่นใจมากว่าตนจะได้รับโควต้าเข้าไปในหอคอยฮวง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
นี้ก็หายไปเป็นปีเลย แอแ...
รออ่านยุ...
มาต่อๆ...
มีต่อไหมครับรออยู่นะครับ...
มึงๆ กูๆ เชี้ยไรเยอะแยะวะ นิยายจีนนะโว้ย อ่านเจอแล้วสดุดเสียรมตลอด...
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...