มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2757

ผู้ที่จู่โจมหลัวซิวจากด้านหลังก็เป็นอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับแปดช่วงกลางคนหนึ่งเช่นกัน การที่หนึ่งฝ่ามือของตนสามารถสังหารฝ่ายตรงข้าม ทำให้มีรอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏบนใบหน้าหลัวซิว

“ดีมาก แข็งแกร่งมาก! นี่คือกำลังรบเทพมารระดับแปดหรือ?”

หลัวซิวอมยิ้มแล้วมองไปทางทั้งสามคนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “พวกมึงถอยตอนนี้ยังทันนะ กูบรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปดแล้ว พวกมึงล้วนไม่ใช่คู่ต่อสู้ของกู!”

“คุยโวอย่างหน้าไม่อาย มึงก็แค่เพิ่งบรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปดขั้นปฐมภูมิเท่านั้นแหละ และยิ่งเพิ่งข้ามผ่านทัณฑ์สำเร็จ ผลการฝึกตนยังไม่มั่นคง!”

ชายหนุ่มร่างเข้มแข็งนั่นทำเสียงหึอยากเยือกเย็นทีหนึ่ง “มิหนำซ้ำต่อให้กำลังรบของมึงจะน่าทึ่ง ทว่าหากอยากต่อสู้กับพวกกูทั้งสามคนที่ร่วมมือกันแล้ว มึงก็ไม่มีโอกาสชนะเลยแม้แต่น้อย!”

“ซ่างกวงหงพูดถูก แม้นการร่วมมือต่อสู้กับศัตรูจักเป็นการทำลายกฎในยุทธจักร แต่มึงเป็นร่างที่ผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิด เมื่อเราทั้งสามร่วมมือกัน ก็ไม่ถือเป็นการทำให้มึงเสียศักดิ์ศรีเช่นกัน!”

ชายหนุ่มร่างเข้มแข็งนั่นมีนามว่าซ่างกวงหง ในส่วนของสตรีที่มือถือแส้นั้นมีนามว่าหานหรูถง ส่วนชายที่มีร่างยิ่งศักดิ์ทองมีนามว่าบูอิงสง

ทั้งสามต่างมาจากโลกเสวียน เมื่อเห็นว่าหลัวซิวสังหารวัยรุ่นผู้มีความฉลาดเป็นเลิศคนหนึ่งภายในฝ่ามือเดียว ภายใต้การสื่อสารผ่านสายตา ก่อนที่พวกเขาจะตัดสินใจร่วมมือกัน

แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็ปฏิเสธไม่ได้เช่นกันว่าหากทั้งสามคนนี้ร่วมมือกัน ศักยภาพต้องไม่ง่อยแน่นอน 

เนื่องจากคนเหล่านี้ล้วนเป็นอัจฉริยะที่มาจากกองกำลังใหญ่ขั้นสุดยอด อย่างน้อยบนตัวทุกคนก็มีสมบัติอย่างอาวุธเทพระดับเก้าติดตัว บวกกับโอกาสที่พวกเขาแต่ละคนได้รับไม่ธรรมดา หากร่วมมือกันละก็ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าก็ยังต้องปวดกบาล 

แน่นอนอยู่แล้วว่าแม้นจะได้เปรียบเรื่องจำนวนคน แต่ก็ต้องดูก่อนว่าคู่ต่อสู้คือผู้ใด ภายใต้สถานการณ์ที่ศักยภาพต่างกันไม่มากนัก คนยิ่งเยอะพลังย่อมต้องยิ่งเยอะอยู่แล้ว แต่ถ้าเกิดศักยภาพต่างกันค่อนข้างมากละก็ เช่นนั้นต่อให้เป็นไข่ไก่ที่เยอะมากเพียงใด ก็ทุบหินก้อนหนึ่งไม่แตก 

“ไปตายซะเถอะ!”

ศักยภาพของบูอิงสงแข็งแกร่งที่สุด ดังนั้นเขาจึงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวก่อน มีแสงสีทองลอยวนเป็นเกลียวอยู่รอบกาย พุ่งสังหารเข้ามาทางหลัวซิว ในมือเขามีฟางเทียนจี๋ปรากฏหนึ่งเล่ม และมีพลานุภาพแห่งราชาเทพระดับเก้าตลบฟุ้งออกมาจากฟางเทียนจี๋!

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น บนตัวบูอิงสงยังมีเกราะเทพปรากฏหนึ่งชุดด้วย ซึ่งมันก็คือภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้านั่นเอง จากฐานร่างร่างยิ่งศักดิ์ทอง บวกกับภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้าสองชิ้น ตัวเขาดูน่าเกรงขามมาก ทุกครั้งที่เคลื่อนไหว แผ่นดินก็จะสนั่นหวั่นไหวไปด้วย

ในขณะเดียวกัน หานหรูถงก็ลงมือเช่นกัน สะบัดแส้ยาวที่อยู่ในมือครั้งหนึ่ง มันก็พันธนาการไปทางหลัวซิวปานมังกรโบยบินตัวหนึ่ง ทันทีที่ถูกพันธนาการละก็ มาตรแม้นว่าเป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าก็อย่าคิดว่าจะสามารถหลุดพ้นออกไปได้ ยิ่งกว่านั้นคือผลการฝึกตนพลังเวทย์ก็จะถูกคุมขังไปด้วย ทำได้เพียงรอความตายมาเยือน ปล่อยให้ผู้อื่นกดขี่เต็มที่ 

ทันทีที่เข้ามาซ่างกวงหงก็ปลดปล่อยพลังโจมตีที่รวดเร็วและดุดันเช่นกัน กระตุ้นอาวุธเทพระดับเก้าหนึ่งชิ้น ร่วมมือกันรุมโจมตีหลัวซิว

เพียงชั่วพริบตาเดียว ทางหนีทีไล่รอบกายหลัวซิวก็ถูกปิดตายไปหมด บนล่างซ้ายขวา ทุกสารทิศล้วนถูกออร่าเกณฑ์พลังเต๋าปกคลุม 

“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่อายุยังน้อยแต่ก็ฝึกถึงแดนระดับนี้แล้ว แต่น่าเสียดายที่พวกมึงรนหาที่ตาย กูจึงทำได้เพียงส่งพวกมึงไปลงนรกแล้วล่ะ”

น้ำเสียงที่เยือกเย็นของหลัวซิวดังขึ้น มียันต์ค่าย 99 ยันต์กระพริบอยู่บนร่างกายเขา จากการที่ผลการฝึกตนของเขาบรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปด ยันต์ค่ายเหล่านี้ก็ล้วนได้รับการยกระดับด้วย ภายใต้การปลุกเสก ทำให้ร่างเนื้อของเขาแทบจะใกล้เคียงกับร่างราชาเทพระดับเก้า!

กระบี่ร่องฟ้าปรากฏในมือเขา เสียงเตี๊ยงดังขึ้น ทำการต้านทานฟางเทียนจี๋ของบูอิงสงเอาไว้ได้ ทว่าเสียงตู้มก็ดังลั่นขึ้นมา กะโหลกของเขาถูกเตาเทพที่ซ่างกวงหงเรียกออกมาโจมตี

ถึงแม้เตาเทพเตานี้จะไม่ใช่ภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้า แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เช่นกัน ซึ่งเป็นอาวุธเทพระดับเก้า ทว่าเมื่อเผชิญกับร่างเนื้อร่างเทวที่แทบจะใกล้เคียงกับร่างราชาเทพระดับเก้า พลานุภาพที่รุนแรงนี้ของเตานี้กลับสร้างความเสียหายให้เขาไม่ได้เลยแม้แต่น้อย

ยิ่งกว่านั้นคือพลังสะท้อนที่รุนแรงทำให้เตาเทพดีดขึ้นฟ้า ภายใต้การสั่นสะเทือนที่รุนแรง ทำให้ลมปราณที่อยู่ในร่างกายซ่างกวงหงถูกฉุดดึงจนไม่เป็นระเบียบ แทบจะกระอักเลือด 

“ช่างเป็นร่างเนื้อที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ร่างกายของเจ้าหมอนี่คือภัณฑ์ราชาเทพระดับเก้าหรือ?”ซ่างกวงหงตกใจจนหน้าถอดสี 

และในเวลานี้เอง แส้ยาวดังมังกรก็พันธนาการเข้ามา หลัวซิวโคจรเกณฑ์ปริภูมิและความเร็ว หายวับไปกับที่ภายในพริบตา 

วินาทีต่อไปเขาก็ปรากฏตรงหน้าซ่างกวงหง ก่อนจะง้างมือปล่อยตราประทับปรปักษ์สวรรค์โจมตีใส่หน้าอกเขาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น 

“ตู้มม!”

ซ่างกวงหงไม่สามารถต่อต้านเลยด้วยซ้ำ ร่างกายกระเด็นออกไป มีเสียงกระดูกแตกหักดังออกมาจากร่างกาย กระเด็นลอยออกไปพลางกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง 

“ไปตายซะเถอะ!”ฟางเทียนจี๋พุ่งสับเข้ามาอีกครั้ง ทำให้หลัวซิวไม่มีเวลาไปไล่ฆ่าซ่างกวงหง ทำได้เพียงยกกระบี่ร่องฟ้าขึ้นมา ต้านทานการโจมตีของบูอิงสงอีกครั้ง

“สหายบู แม่นางหาน ข้าได้เข้าร่วมศึกการต่อสู้ในครั้งนี้แล้ว พวกเจ้าสนุกกันต่อเลยนะ!”

ถึงแม้ซ่างกวงหงจะรู้สึกหวาดหวั่นต่อศักยภาพที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมา เขาก็เข้าใจดีมาก ๆ ว่าขืนเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ชีวิตอันน้อยนี้ของตัวเองต้องได้จบเห่แน่นอน ด้วยเหตุนี้เขาจึงตะโกนเสียงดังลั่นประโยคหนึ่ง ก่อนจะผันร่างเป็นแสงกล หายไปจากขอบฟ้าที่อยู่ห่างไกลออกไป 

“ไอ้สารเลว!”บูอิงสงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว เมื่อขาดซ่างกวงหง ก็จะสูญเสียอุบายโจมตีอย่างตรีเอกภาพ ซึ่งไม่สามารถทำการโจมตีหลัวซิวได้อย่างต่อเนื่อง 

“ไอ้กระจอก!”หานหรูถงก็หัวเสียไม่เบาเช่นกัน การหลบหนีในช่วงเวลาแห่งการต่อสู้ประเภทนี้ ไม่ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ มันก็เป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คนรู้สึกเหยียดหยาม 

หลัวซิวไม่ได้ไล่ฆ่าซ่างกวงหงที่หลบหนีไปแต่อย่างใด แต่เป็นการยิ้มพลางพูดว่า: “พวกมึงคิดผิดกันหมดแล้ว การกระทำของซ่างกวงหงเรียกว่าผู้รู้สถานการณ์เป็นอัจฉริยะชนต่างหาก ในทางตรงกันข้ามพวกมึงสอนคนกลับดื้อดึงไม่เข้าเรื่อง รนหาที่ตาย!”

“มึงคิดว่าร่างยิ่งศักดิ์ทองของตัวเองแข็งแกร่งมากเลยหรือ? เดี๋ยวกูจะทำให้พวกมึงได้รู้เองว่าอะไรคือร่างยิ่งศักดิ์ทองที่แท้จริง!”

หลัวซิวโคจรวิถีไร้ลักษณ์ เพียงชั่วพริบตาเดียวก็มีแสงสีทองเปล่งปลั่งอยู่บนร่างกายเขา รัศมีเทวลอยวนเป็นเกลียวขึ้นไป มีออร่าพลังเต๋าที่เป็นเฉกเช่นเดียวกับบูอิงสงแพร่กระจายออกมา 

ไม่นึกเลยว่าวิถีไร้ลักษณ์ของเขาจะวิวัฒนาการร่างยิ่งศักดิ์ทองของบูอิงสงออกมาได้!

“นี่มันเป็นไปไม่ได้! หรือว่ามึงก็เป็นร่างยิ่งศักดิ์ทองเช่นกัน?”บูอิงสงตกตะลึงมากจนหน้าถอดสี 

“ตู้มม!”

ร่างกายของบูอิงสงกระเด็นออกไป ต่างเป็นร่างยิ่งศักดิ์ทองเหมือนกัน แต่พลังของหลัวซิวกลับแข็งแกร่งกว่าบูอิงสงหลายเท่าตัวมาก!

สีหน้าบนใบหน้าที่เรียวบางของหานหรูถงเปลี่ยนแปลงไป แส้ยาวดังมังกรพุ่งเข้าไปพันธนาการ และนางก็ไม่สนใจเช่นกันว่าจะได้ผลหรือไม่ ก่อนจะหันหลังแล้วผันร่างเป็นแสงกลบินหนีไป 

เมื่อครู่นางยังด่าว่าซ่างกวงหงเป็นตัวกระจอกอยู่เลย เพียงพริบตาเดียวนางก็สูญเสียความมั่นใจ เป็นคนที่สองที่หลบหนีไป

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ