มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2758

ค่ายเทพระดับเก้าผนึกฟ้าดิน เมื่ออยู่ภายใต้การผนึกระดับนี้ มาตรแม้นว่าเป็นยันต์ทะลุฟ้าราชันย์ระดับเก้าก็ไม่มีประสิทธิผลใด ๆ 

ไร้ซึ่งหนทางหลบหนี จึงมีรังสีที่ดูลนลานปรากฏบนใบหน้าบูอิงสงทันที จากนั้นสภาพจิตใจก็สับสนขึ้นมาเช่นกัน 

เขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากไม่สามารถหลบหนีออกไปได้ละก็ เช่นนั้นเขาก็เหลือเพียงสองตัวเลือกสุดท้ายแล้ว 

ซึ่งก็คือต่อสู้โดยทุ่มสุดกำลังสามารถ หรือไม่ก็ทำได้เพียงกราบขอร้องอ้อนวอน แต่ข้อแม้คือหลัวซิวยินดีปล่อยตัวเองไป

บุรุษผู้ภาคภูมิของสวรรค์อย่างบูอิงสงไม่มีทางยอมก้มหัวง่าย ๆ ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ได้เลือกที่จะกราบขอร้องอ้อนวอน มีเปลวไฟที่จะทุ่มสุดกำลังสามารถทะลุออกมาจากสายตา 

“ร่างกอปรมหายุทธ์!”

บูอิงสงตะคอกอย่างพิโรธ มีแสงสีทองพรั่งพรูออกมาจากร่างกาย เขากำเนิดจากตระกูลมหายุทธ์ที่เก่าแก่ บรรพบุรุษของตระกูลพวกเขา เป็นผู้แข็งแกร่งที่แทบจะสามารถเทียบทัดกับสวรรค์และจ้าววัฏสงสาร ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แดนมหายุทธ์ในพิภพต่ำสามารถเทียบเคียงได้

ชนเผ่ามหายุทธ์ได้สืบทอดสายเลือดของบรรพบุรุษ ทว่าจากการที่กาลเวลาล่วงเลยไป เมื่อมาถึงยุคของบูอิงสง เส้นปราณมหายุทธ์ก็เบาบางมาก ๆ แล้ว การเรียกวิญญาณบรรพบุรุษสถิตร่างก็กลายเป็นวิชาต้องห้ามเช่นกัน ทันทีที่ใช้วิชานี้ผลลัพธ์ที่ตามมาก็จะได้ไม่คุ้มเสีย

นี่แทบจะเป็นอุบายไพ่เด็ดสุดท้ายของบูอิงสงแล้ว หลังจากใช้ร่างกอปรมหายุทธ์ กำลังรบของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างบ้าระห่ำ แทบจะบรรลุถึงขั้นที่สามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้า

“สมกับเป็นชนเผ่ามหายุทธ์ที่เก่าแก่จริง ๆ ถึงแม้จะเป็นพลังสายเลือดที่เบาบาง แต่ก็สามารถยกระดับให้กำลังรบแข็งแกร่งเช่นนี้ได้”

เมื่อเผชิญหน้ากับบูอิงสงที่ศักยภาพพุ่งพรวด มาตรแม้นว่าเป็นหลัวซิวก็ต้องหลบเลี่ยงพลังโจมตีที่ดุดันก่อน

บูอิงสงยิ่งสู้ยิ่งรู้สึกตะลึง ถึงแม้เขาจะปลดปล่อยพลังอมตะอย่างร่างกอปรมหายุทธ์และเป็นฝ่ายที่ได้เปรียบในศึกการเข่นฆ่าในครั้งนี้ แต่ถ้าเกิดไม่สามารถทลายการผนึกของค่ายเทพระดับเก้าที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่สามารถหลุดพ้นออกไปได้อยู่ดี 

เขานึกไม่ถึงเลยว่าหลัวซิวจะแข็งแกร่งเช่นนี้ กำลังรบ ณ วินาทีนี้ของเขาเทียบเท่าราชาเทพระดับเก้าแล้ว แต่ก็ได้เปรียบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และจากการที่เวลาค่อย ๆ ล่วงเลยไป ศักยภาพของเขาก็จะค่อย ๆ อ่อนแอลง ทันทีที่อ่อนแอถึงจุดวิกฤตหนึ่ง เช่นนั้นสิ่งที่รอคอยเขาก็คือหนทางแห่งความตาย!

เพียงชั่วพริบตาเดียว เวลาก็ล่วงเลยไปหนึ่งชั่วโมง กำลังรบของบูอิงสงที่พุ่งพรวดลดลงอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้พลังโจมตีของเขายังสามารถบีบให้หลัวซิวถอยหลังอย่างต่อเนื่องได้อยู่ ทว่าวินาทีนี้ หลัวซิวสามารถรับมือกับเขาได้อย่างสบายมือโดยสิ้นเชิงแล้ว 

“กูบอกแล้วว่ามึงหนีเงื้อมมือกูไม่พ้นหรอก!”

หลัวซิวก็สัมผัสได้เช่นกันว่าพลังออร่าของบูอิงสงกำลังลดลงอย่างต่อเนื่อง เห็นเพียงร่างกายเขาสั่นเทิ้มทีหนึ่ง พลังร่างเนื้อที่เกะกะระรานและพลังเวทย์ที่บ้าระห่ำก็พรั่งพรู ง้างมือประสานอิน ตราสรรพสิทธิ์หนึ่งถูกปล่อยออกไปจนเสียงดังสนั่นหวั่นไหว!

บูอิงสงตกตะลึงมากจนสีหน้าเปลี่ยนไป แต่กลับทำอะไรไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ถึงแม้จะมีเกราะเทพคุ้มกัน แต่ก็ถูกพลังที่เกะกะระรานม้วนซัดจนกระเด็นออกไปอยู่ดี แล้วกระอักเลือดอย่างบ้าคลั่ง 

พลังอันแข็งแกร่งที่อยู่ในร่างกายกำลังสลายหายไปอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากเส้นปราณมหายุทธ์ของเขาค่อนข้างอ่อนแอ หลังอมตะของร่างกอปรมหายุทธ์จึงประคองได้ไม่นานนัก

นี่จึงทำให้มีความสิ้นหวังผุดขึ้นมาในใจบูอิงสง ความมั่นใจและศรัทธาที่จะทุ่มสุดกำลังสามารถก็สั่นไหวไปตามกัน 

“หลัวซิว กูไม่ได้มีความแค้นอะไรกับมึง กู……”

หลัวซิวต้องรู้อยู่แล้วว่าบูอิงสงจะพูดอะไร แต่เขากลับไม่รอให้บูอิงสงได้พูดจบเลยด้วยซ้ำ โบกมือไปมาแล้วพูดว่า: “มึงมาพูดอะไรตอนนี้มันจะมีประโยชน์หรือ? ระหว่างกูและมึงไม่มีความแค้นอะไรต่อกัน ทว่ามึงกลับจักร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อมาจัดการกู ในเสี้ยววินาทีที่มึงตัดสินใจเป็นศัตรูกับกู มึงก็ควรเตรียมใจไว้แล้วว่ามึงต้องได้ดับสลายสูญสิ้นอยู่ที่นี่”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจของบูอิงสงก็ดิ่งลงไปถึงตาตุ่มภายในพริบตา เขาคำรามโกรธเกรี้ยวอย่างบ้าระห่ำ ปลดปล่อยรัศมีที่แวววาวที่สุดในชีวิตออกมา เมื่อมาถึงวินาทีนี้ ก็มีเพียงสู้สุดตัวแล้วล่ะ 

ตู้มม!

พลังอมตะของทั้งสองคนประสางากัน ทำให้ทั่วทั้งท้องฟ้าจมหายไปในรังสีที่แวววาวจับตาอย่างไร้ขอบเขต ราวกับดาวเคราะห์สองดวงพุ่งชนกัน งดงามอย่างยิ่ง 

ผ่านไปนานมาก ธงค่ายทั้งหลายก็บินมาจากทั่วทุกสารทิศ แล้วบินเข้าไปในแหวนเก็บของบนมือหลัวซิว หลัวซิวเดินออกมาจากรังสีที่แวววาวจับตา มีศพที่ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยบาดแผลร่วงหล่นลงมาจากฟ้า แล้วตกเข้าไปในฝุ่นละออง 

“แค่ก ๆ ๆ......”

หลัวซิวไอจนมีเลือดปนออกมาเล็กน้อย เริ่มจากพลังอมตะของร่างกอปรมหายุทธ์ ตามมาด้วยเผาผลาญชีวีดั้งเดิมสู้สุดกำลังสามารถ ถึงแม้เขาจะฆ่าบูอิงสงแล้ว อวัยวะภายในก็เสียหายไม่น้อยเช่นกัน ผลการฝึกตนลดฮวบ 

“ในฟ้าดินนี้ขาดฐานร่างที่แข็งแกร่งไปอีกหนึ่งร่างแล้ว”หลัวซิวถอนหายใจพลางส่ายหน้า ตั้งแต่โบราณกาลมา บุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์มีมากจนนับไม่ถ้วน ร่างเทวทุกประเภทล้วนเป็นสิ่งที่หาพบได้ยาก ยิ่งกว่านั้นคือใช่ว่าจะอุบัติขึ้นมาในทุกยุคสมัยเสมอไป 

ส่วนปัจจุบันร่างเทวร่างหนึ่งถูกหลัวซิวสังหาร ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ต้องรู้สึกเสียดายอยู่บ้าง หากไม่มีศึกการต่อสู้ในครั้งนี้ละก็ อนาคตทันทีที่บูอิงสงเติบใหญ่ขึ้นมา เมื่ออาศัยความเกะกะระรานของร่างยิ่งศักดิ์ทอง ในฟ้าดินผืนนี้ต้องมีที่นั่งเล็ก ๆ ของเขาหนึ่งที่แน่นอน 

กวาดตามองดูบริเวณรอบ ๆ หลัวซิวพูดพึมพำ “การแข่งขันชิงโควต้าของหอคอยฮวงน่าเวทนาอย่างยิ่ง อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศนับหมื่นมารวมตัวกันที่นี่ กระทั่งเข่นฆ่ากันจนเหลือหนึ่งพันคนสุดท้าย ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าต้องมีคนดับสลายสูญสิ้นกี่คน”

ตั้งแต่โบราณกาลมา ในทุก ๆ ยุคสมัยล้วนจะมีช่วงเวลาที่เจริญรุ่งเรืองอย่างยิ่ง ส่วนช่วงเวลานี้นั้น การโผล่พรวดพราดขึ้นมาของผู้แข็งแกร่งยุคใหม่ล้วนต้องผ่านการเหยียบย่ำซากกระดูกที่นับไม่ถ้วน สุดท้ายมีเพียงจำนวนคนไม่กี่คนเท่านั้นที่สามารถตั้งตระหง่านอยู่บนจุดสูงสุดของวิถียุทธ์ และยุคสมัยนี้ก็เป็นยุคสมัยที่เริ่มถดถอยสู่ความเสื่อมโทรมเช่นกัน เป็นลางของมหันตภัยแห่งยุค

ปัจจุบันหลัวซิวไม่ขาดแคลนยาเซียนต่าง ๆ เขากินยาเซียนลงไปหนึ่งเม็ด เพื่อฟื้นฟูผลการฝึกตนที่สูญเสียไป เนื่องจากเมื่ออยู่ในนี้ เขาสามารถประสบพบเจอกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งได้ทุกวินาทีเลย จึงจำเป็นต้องเตรียมทุกอย่างให้เพียบพร้อม

หลังจากผลการฝึกตนบรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปด การก้าวข้ามพันธนาการของหนึ่งแดนใหญ่ทำให้หลัวซิวสามารถสัมผัสได้อย่างชัดเจนเลยว่าศักยภาพของตัวเองแข็งแกร่งกว่าอดีตหลายเท่าตัวมาก หากยังอยู่ในช่วงที่ผลการฝึกตนยังไม่มีการบรรลุ เมื่อปะทะกับบูอิงสงด้วยแดนเทพมารระดับเจ็ดขั้นสูง เขาต้องเป็นฝ่ายแพ้แน่นอน!

เพราะผลการฝึกตนมีการบรรลุ เขาจึงสามารถปลดปล่อยพลานุภาพของสมบัติอย่างกระบี่ร่องฟ้า เตากลั่นนภาจื่อเซียวและศิลาเทวชิงเทียนได้มากขึ้นด้วย ส่วนศักยภาพโดยรวมนั้น ก็ได้รับการยกระดับไม่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น

เดินเที่ยวชมอยู่ในโลกาจ่างจงที่กว้างขวางนี้ หลัวซิวประสบพบเจอกับศึกการต่อสู้ใหญ่ ๆ สิบกว่าครั้งติดต่อกัน ภายใต้สถานการณ์ทั่วไปเขาจะไม่ลงมือสังหารฝ่ายตรงข้ามอย่างเหี้ยมโหด ขอแค่ฝ่ายตรงข้ามรู้ซึ้งถึงความยากลำบากแล้วถดถอย เขาก็จะไม่ไร้ความปราณี 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ