มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2759

“ท่านชาย......”

เมื่อฮู๋ชิงชิงเห็นหลัวซิว จึงคารวะอย่างนุ่มนวล 

“ขอบคุณสหายหลัวอย่างยิ่งที่ลงมือช่วยเหลือ”ฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนก็ต่างประสานมือทำท่าคารวะเช่นกัน 

“สหายหวูจี๋และสหายหยุนเกรงใจเกินไปแล้ว เรื่องเล็กน้อยเอง ไม่มีค่าพอที่จะกล่าวถึงหรอก”หลัวซิวยิ้มอ่อนพลางตอบกลับ 

“สหายหลัว เราทุกคนออกปฏิบัติการพร้อมกันเถิด อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากล้วนรวมตัวรับมือกับศัตรู ทันทีที่อยู่ตัวคนเดียวแล้วประสบพบเจอกับการถูกรุมโจมตี จักง่ายต่อการตกรอบสูงมาก”หยุนยี่เทียนเสนอ 

“ความคิดนี้ไม่เลวเลย จากกำลังรบของสหายหลัว เพียงพอที่จะรับมือกับศัตรูสิบคนพร้อมกันได้แล้ว การที่เราจะได้รับโควต้านั้น ก็เป็นเรื่องที่เป็นที่แน่นอนเช่นกัน”หยุนยี่เทียนปรบมือเห็นด้วย 

ฮู๋ชิงชิงไม่ได้พูดอะไร แค่มองหลัวซิวด้วยสายตาที่อ่อนโยน เห็นได้ชัดเจนเลยว่านางจะรอดูว่าหลัวซิวจะตัดสินใจอย่างไร 

“ข้าไม่มีความคิดเห็นใด ๆ หากทุกคนออกปฏิบัติการพร้อมกันละก็ ถึงครานั้นก็จะสะดวกมาก ๆ”หลัวซิวพยักหน้า 

โดยทั่วไปแล้วการแข่งขันช่วงชิงโควต้าหอคอยฮวงในครั้งนี้ มีวิธีตกรอบสองประเภท หนึ่งคือถูกฆ่า สองคือหลบหนีออกไปจากโลกาจ่างจงนี้ ทันทีที่หลบหนีออกไปจากโลกาจ่างจง ก็จะไม่มีวันกลับเข้ามาได้อีก แต่ถ้าเกิดศักยภาพระหว่างทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันมากเกินไปละก็ บวกกับฝ่ายตรงข้ามมีจิตใจที่จะสังหารอีก โดยส่วนใหญ่แล้วมีคนหลบหนีออกไปได้น้อยมาก ๆ คนจำนวนมากล้วนต้องดับสลายสูญสิ้น!

แน่นอนอยู่แล้วว่าก็มีคนบางส่วนรู้ซึ้งถึงความยากลำบากแล้วถดถอยเช่นกัน ถอยออกไปจากการแข่งขันนี้ด้วยตนเอง ทว่าคนประเภทนี้ค่อนข้างน้อย เหล่าวัยรุ่นอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งล้วนมีความหยิ่งยโสของตัวเอง 

ทั้งสี่คนออกเดินทางพร้อมกัน ในจำนวนทั้งสี่คน ฮวงหวูจี๋ หยุนยี่เทียนรวมไปถึงฮู๋ชิงชิงต่างเป็นอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่มีชื่อเสียงโด่งดังในโลกร้าง พวกเขาก็ประสบพบเจอกับการเข่นฆ่าติดต่อกันหลายครั้งเช่นกัน แต่คู่ต่อสู้ส่วนมากล้วนถดถอยกลับทันที 

เมื่อดำเนินการมาถึงวันที่สาม หลัวซิวทั้งสี่คนก็ประสบพบเจอกับคู่ต่อสู้คนหนึ่งที่น่ากลัวอย่างยิ่ง ผลการฝึกตนของคนดังกล่าวบรรลุถึงแดนเทพมารระดับแปดขั้นสูง อีกทั้งผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้ล่วงหน้า ยิ่งกว่านั้นคือกงล้อเทพของเขาผนึกรวมกันได้แข็งแรงกว่าผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าจำนวนมากด้วย

กงล้อยิ่งแข็งแรง ก็หมายความว่าผลการฝึกตนศักยภาพยิ่งแข็งแกร่ง ผลการฝึกตนของคนดังกล่าวใกล้จะบรรลุถึงขีดสูงสุดของเทพมารระดับแปดแล้ว ซึ่งสามารถก้าวข้ามจุดตีบตันได้ตลอดเวลา แล้วมุ่งสู่แดนเทพมารระดับเก้า

อย่างไรก็ตามเขากลับระงับผลการฝึกตนให้อยู่ในแดนเทพมารระดับแปดมาโดยตลอด จึงแสดงให้เห็นเลยว่าเขาคำนวณได้แล้วว่ากาลเวลาหนึ่งตรีภพจะมาถึงแล้ว หอคอยฮวงใกล้จะเปิดออก ดังนั้นจึงรอคอยโอกาสนี้มาโดยตลอด 

เนื่องจากมั่นใจในศักยภาพของตัวเองมากเกินไป หลัวซิวทั้งสี่คนไม่ได้อำพรางออร่าและร่องรอยเลยแม้แต่น้อย ขณะที่เดินผ่านแม่น้ำใหญ่สายหนึ่ง ก็ถูกคนดังกล่าวพุ่งขึ้นมาจากส่วนที่ลึกที่สุดของแม่น้ำแล้วจู่โจม

เพียงกระบวนท่าเดียว ฮวงหวูจี๋ก็ถูกโจมตีจนบาดเจ็บสาหัส ถัดจากนั้นฮู๋ชิงชิงและหยุนยี่เทียนก็ร่วมมือกัน แต่ก็ต้านทานสามกระบวนท่าของคนดังกล่าวไม่ได้ 

แม้หลัวซิวจะลงมือด้วยตนเอง แต่ก็ถูกฝ่ายตรงข้ามกดอัดโดยสิ้นเชิง กระทั่งเขาปลดปล่อยมหาอิทธิฤทธิ์ทั้งสองอย่างตราสรรพสิทธิ์และสรรพวิถีล้วนว้างออกมา ถึงจะพลิกแพลงสถานการณ์ได้ แต่ก็สามารถต่อสู้กับฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสูสีเท่านั้น ต่างฝ่ายต่างทำอะไรฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ 

ทั้งสองคนต่อสู้อยู่กลางอนัตตาไปร้อยกระบวนท่า ฮวงหวูจี๋ หยุนยี่เทียนและฮู๋ชิงชิงทั้งสามคนเข้ามาช่วยเหลือไม่ได้เลยด้วยซ้ำ เนื่องจากไม่ว่าจะเป็นหลัวซิว หรืออัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่ลึกลับนั่น กำลังรบของทั้งสองแทบจะบรรลุถึงระดับราชาเทพระดับเก้าแล้ว

สุดท้ายฝ่ายตรงข้ามก็รู้สึกเช่นกันว่าขืนต่อสู้ต่อไปเรื่อย ๆ ก็ไม่เกิดผลอะไร ดังนั้นจึงหันหลังแล้วจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรเลย 

หลัวซิวก็ไม่ได้ไล่ตามออกไปเช่นกัน แม้นกำลังรบของทั้งสองจะสูสีกัน แต่ผลการฝึกตนของเขากลับไม่ลึกซึ้งเท่าฝ่ายตรงข้าม หากต่อสู้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เกินสามร้อยกระบวนท่า สุดท้ายฝ่ายที่แพ้ต้องเป็นตัวหลัวซิวเองแน่นอน 

“เกณฑ์ออร่าพลังเต๋าของคนดังกล่าวลึกซึ้งอย่างยิ่ง ดูเหมือนจะมีต้นกำเนิดเดียวกันกับพลังแห่งชิงเทียน พลังแห่งเวหาและพลังแห่งสิงเทียน วรยุทธ์พลังอมตะที่เขาฝึกน่าจะเป็นการถ่ายทอดสืบสานของสวรรค์”

ตั้งแต่เริ่มต้นกระทั่งบัดนี้ ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้พูดอะไรเลยแม้แต่คำเดียว ด้วยเหตุนี้ไม่ว่าจะเป็นหลัวซิวหรือพวกฮวงหวูจี๋ ต่างก็คาดเดาความเป็นมาของคนดังกล่าวไม่ได้

เมื่อพูดตามหลักแล้ว อัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่มีศักยภาพทรงพลังเช่นนี้ต้องเป็นผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากแน่นอน ไม่มีทางที่จักไม่มีผู้คนรู้จักเลย ทว่าคนดังกล่าวกลับไม่เป็นที่รู้จักของผู้คน พวกฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนก็ไม่เคยได้ยินเช่นกัน 

“บางทีเขาอาจจะเป็นเฉกเช่นเดียวกันกับข้าและท่านชายก็เป็นได้ ต่างก็เป็นร่างที่ผู้แข็งแกร่งแห่งยุคกลับชาติมาเกิด”

ฮู๋ชิงชิงสันนิษฐาน ชาติปางก่อนของนางคือผู้แข็งแกร่งแห่งยุคไท่ชู ซึ่งเก่าแก่กว่าไท่ซ่างฉิงเสียอีก สำหรับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการกลับชาติมาเกิดนั้น นางย่อมเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ออกความเห็นมากที่สุดอยู่แล้ว 

“ตั้งแต่ยุคไท่ชูเป็นต้นมา ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่ดับสลายสูญสิ้นแล้วล้วนตัดใจหายไปจากสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ไม่ได้ คนจำนวนมากจึงทิ้งอุบายไว้ เพื่อให้ตัวเองหนีเข้าไปในวัฏสงสารแล้วกลับชาติมาเกิด มาตรแม้นว่าเป็นยุคสมัยที่จ้าววัฏสงสารยึดกุมเทียนเต้า ก็ยังคงมีผู้แข็งแกร่งจำนวนมากกลับชาติมาเกิดผ่านวัฏสงสาร ตั้งแต่สิ้นสุดยุควัฏสงสารเป็นต้นมา ก็ไม่มีผู้แข็งแกร่งคนใดที่สามารถยึดกุมเทียนเต้าวัฏสงสารได้อีก ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่เคยกลับชาติมาเกิด ก็ต่างพากันอุบัติขึ้นมาในยุคสมัยนี้เช่นกัน”

ฮวงหวูจี๋ก็เห็นด้วยกับคำพูดของฮู๋ชิงชิง ความเป็นมาของชนเผ่าฮวงเก่าแก่ยิ่งกว่า และยิ่งสามารถสืบสาวราวเรื่องกลับไปถึงยุคสมัยก่อนยุคไท่ชู ในฐานะที่เป็นเจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองต้าฮวงโบราณ ฮวงหวูจี๋ก็ทราบข่าวลับต่าง ๆ ที่คนทั่วไปไม่ทราบเยอะมากเช่นกัน 

“ดังคำกล่าวที่ว่าเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุดแล้วถดถอย ในยุคสมัย ณ ปัจจุบัน มีอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งเยอะจนนับไม่ถ้วน มีเทพธิดาผู้ภาคภูมิของสวรรค์อยู่ทั่วทุกสารทิศ บวกกับร่างที่ผู้แข็งแกร่งจำนวนมากกลับชาติมาเกิด ซึ่งได้ทำการผลักดันวิถียุทธ์ในยุคสมัยนี้ให้ขึ้นไปถึงจุดสูงสุด และหลังจากวิถียุทธ์ในยุคสมัยหนึ่งถูกพัฒนาถึงขีดสูงสุดแล้ว มหันตภัยก็จะเริ่มมาเยือน”

“จักรวาลฟ้าดินในอนาคต เกรงว่าในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดคงต้องเข่นฆ่ากันอย่างไม่หยุดหย่อนแน่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าสุดท้ายผู้ใดจะสามารถเดินบนซากกระดูกของผู้แข็งแกร่งผู้ภาคภูมิของสวรรค์ที่นับไม่ถ้วน แล้วปีนขึ้นไปถึงจุดสูงสุดของวิถียุทธ์”

ฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนก็ต่างรู้สึกทอดถอนใจอย่างควบคุมไม่ได้เช่นกัน การที่ได้ถือกำเนิดในกลียุคที่เจริญรุ่งเรืองนี้ สามารถพูดได้เลยว่าเป็นความโชคดีอย่างหนึ่ง แต่ก็เป็นความโชคร้ายอย่างหนึ่งเช่นกัน 

สำหรับเรื่องที่ว่าภพชาติก่อนของหลัวซิวคือผู้สูงส่งไท่ซ่างนั้น แทบจะไม่ใช่ความลับอะไรต่อคนที่มาจากแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดแล้ว สำหรับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับผู้สูงส่งไท่ซ่าง ในกองกำลังใหญ่ที่มีการสืบสานยาวนานก็มีการบันทึกเช่นกัน แต่ทว่ากาลเวลาไร้ความปราณี จึงมีน้อยคนที่พูดถึงเขาอีก 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ