มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2760

“ชีชี เราสองคนมีความแค้นต่อกันหรือ?”หลัวซิวหลุดหัวเราะออกมา เขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าจิตสังหารของชีชีไม่ใช่ของปลอม นางจะฆ่าเขาจริง ๆ 

เห็นเพียงจิตสังหารที่อยู่ในสายตาชีชีแทบจะผนึกรวมกันเป็นแก่นแท้แล้ว พูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น: “เจ้าอย่ามาแสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ต่อหน้าข้า เจ้าทำให้อาจารย์ข้าผิดหวัง ชาตินี้ข้าจักฆ่าเจ้าแน่นอน ใช้เลือดของเจ้ามาเซ่นไหว้บูชาดวงวิญญาณของอาจารย์ที่อยู่บนสวรรค์!”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ แววตาของหลัวซิวก็ดูอืดอาด จู่ ๆ เหมือนเขาจะเข้าใจอะไรบางอย่างขึ้นมา แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจเช่นกัน

“อาจารย์เจ้าคือผู้ใด?”หลัวซิวลองถามหยั่งเชิง 

เมื่อพูดถึงอาจารย์ของตัวเอง จิตสังหารในดวงตาที่งดงามของชีชีก็เข้มข้นมากขึ้น “ไอ้คนทรยศหัวใจ เจ้าลืมไปหมดแล้วหรือ? อาจารย์ข้าก็คือฉินหยูเวย!”

“หยูเวย?”

มีบุคลิกลักษณะของสตรีที่นุ่มนวลและงดงามคนหนึ่งปรากฏในหัวหลัวซิว ครั้นเมื่อเจอชีชีครั้งแรก เขาก็มองเห็นเงาของหยูเวยจากตัวชีชีแล้ว 

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหน้าตาของหยูเวยและชีชีคล้ายคลึงมากจริง ๆ บางทีสาเหตุที่หยูเวยรับชีชีเป็นศิษย์นั้น ก็น่าจะเป็นเพราะหน้าตานางเหมือนตนเองกระมัง? 

“ท้ายที่สุดแล้วนางก็เกลียดข้าอยู่ดี”

หลัวซิวยิ้มอย่างขมขื่นพลางส่ายหน้า เขาก็อธิบายไม่ถูกเช่นกันว่าความรู้สึกในใจตัวเองนั้นมันเป็นอย่างไรกันแน่ ชั่วชีวิตของไท่ซ่างฉิงเมื่อชาติปางก่อน จิตใจแสวงหาแต่วิถีธรรม ตัดขาดอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดทิ้ง ทำให้สตรีจำนวนมากที่อยู่รอบกายผิดหวัง 

มาตรแม้นว่าเป็นเช่นนี้ เทียนหย่งก็ไม่รู้สึกโกรธเกลียดและเสียดายใด ๆ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าสตรีทุกนางจะเหมือนดั่งเทียนหย่ง ยกตัวอย่างเช่นหยูเวย ก็เปลี่ยนจากรักเขาเป็นเกลียดเขาเช่นกัน ยิ่งกว่านั้นคือความเกลียดแค้นนี้ยังได้ตกทอดมาถึงศิษย์ของนางด้วย หรือบนตัวชีชีนั่นเอง 

“ผู้สืบทอดของหยูเวยอย่างนั้นหรือ? ลักษณะท่าทีก็ค่อนข้างคล้ายคลึงกับนางอยู่”เมิ่งเชียนชางเอ่ยปากพูดอย่างเรียบนิ่ง เขากับไท่ซ่างฉิงและฉินหยูเวยเป็นคนที่อยู่ในยุคสมัยเดียวกัน 

ชีชีทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง นางไม่ได้ลงมือโจมตีต่อหลัวซิวโดยตรง อย่างไรเสียก็มีศัตรูตัวฉกาจโอบล้อมอยู่รอบ ๆ ต่างฝ่ายต่างผูกมัดซึ่งกันและกัน ดึงเส้นผมเส้นเดียวก็จะสะเทือนไปทั่วทั้งร่างกาย เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีผู้ใดกล้าทำอะไรผลีผลามเลย

หลัวซิวสลัดความคิดในหัวทิ้ง แววตามองข้ามผ่านเมิ่งเชียนชาง หงบูชีชี แล้วร่วงลงบนตัวชายหนุ่มที่ร่างกายกำยำคนหนึ่ง 

ซึ่งคนดังกล่าวก็คือผู้ที่เคยต่อสู้กับเขา และดูเหมือนจะเป็นยอดฝีมือไร้เทียมทานที่ผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิด!

ขณะที่หลัวซิวเพ่งเล็งความสนใจไปบนตัวฝ่ายตรงข้าม สายตาของฝ่ายตรงข้ามก็ร่วงลงบนตัวเขาเช่นกัน แต่ทว่าเขายังคงเงียบสงบอยู่เช่นเคย ไม่นานนักก็ดึงสายตากลับมาจากหลัวซิว ก่อนจะนั่งท่าขัดสมาธิลงบนก็เห็นก้อนใหญ่ก้อนหนึ่ง

จากนั้นหลัวซิวก็เห็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งที่มาจากโลกใต้ดิน ใบหน้าของสตรีนางนี้สดใสงดงาม อวัยวะบนใบหน้าสมบูรณ์แบบ ทั้งร่างกายถูกปกคลุมอยู่ในรัศมีที่มีสีสันงดงามลาง ๆ ราวกับเทพธิดาที่จุดติดลงมายังโลกมนุษย์

หลัวซิวมองเห็นกงล้อเทพหนึ่งวงจากด้านหลังสตรีนางนั้น เห็นได้ชัดเจนเลยว่าผลการฝึกตนของสตรีนางนั้นคือเทพมารระดับแปดช่วงปลาย การที่ผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้ในระดับผลการฝึกตนระดับนี้นั้น มันดูน่ากลัวกว่ายอดฝีมือที่เหมือนเป็นผู้สูงส่งกลับชาติมาเกิดคนนั้นเสียอีก!

ฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนต่างกำเนิดจากกองกำลังใหญ่ จึงพอจะรู้จักเหล่าอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่เข้าร่วมการแข่งขันชิงโควต้าหอคอยฮวงอยู่บ้าง เมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่พบเห็นจนชิน หลัวซิวก็ทราบอยู่บ้างเช่นกัน 

สตรีนางนี้มีนามว่าเยว่หานชวงซึ่งมาจากโลกสวรรค์ที่ลึกลับที่สุดในบรรดาโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด กำเนิดจากหนึ่งในวังนภาสิบสอง ตำหนักเยว่เทียน!

เยว่หานชวงเป็นเทพธิดาของตำหนักเยว่เทียน ตัวนางเองต้องได้รับการถ่ายทอดสืบสานของชางเทียนเยว่แน่นอน วรยุทธ์ที่ฝึกคือระดับประมุขเต๋า

หลัวซิวรู้ตัวเองดีอยู่ว่าถึงแม้เขาจะนำเคล็ดเซียนมหาศักดิ์ทั้งสองหลอมรวมเข้ากับวิถีไร้ลักษณ์ หากได้ปะทะกับเทพธิดาเยว่เทียนคนนี้ละก็ อัตราชนะก็มีไม่ถึงห้าส่วนแน่นอน 

โลกสวรรค์ถูกจัดอยู่ในอันดับหนึ่งของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด และเป็นโลกที่แข็งแกร่งที่สุดเช่นกัน สวรรค์ทั้ง 12 ล้วนทิ้งการถ่ายทอดสืบสานของตัวเองไว้ในโลกสวรรค์ ยกตัวอย่างเช่นเคล็ดเซียนมหาจักรพรรดิยุทธ์ระดับเก้าที่อยู่ในโลกสวรรค์ไม่โดดเด่นอะไรเลยด้วยซ้ำ สิ่งที่อัจฉริยะจำนวนมากที่กำเนิดจากแดนศักดิ์สิทธิ์ขั้นสุดยอดฝึกล้วนเป็นเคล็ดเซียนมหาศักดิ์ ตลอดจนระดับเคล็ดเซียนประมุขเต๋า! 

“แค่เทพธิดาคนหนึ่งในตำหนักเยว่เทียนก็แข็งแกร่งเช่นนี้แล้ว ยังมีวังนภาอีก 11 วัง ภูมิฐานของโลกสวรรค์น่าสยดสยองมากเกินไปแล้ว”

หลัวซิวพูดพึมพำในใจ อิงจากการคาดเดาของเขา หากโลกมหาศักดิ์อีกเจ็ดโลกที่เหลือไม่ได้ปิดบังศักยภาพ เกรงว่าเมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้ว ก็ยังเทียบเคียงกับโลกสวรรค์ไม่ได้เลย 

“เจ้าหนูแซ่หลัว ได้ยินมาว่ามึงเป็นร่างที่ไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิดอย่างนั้นหรือ?”

ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงหัวเราะที่เยือกเย็นสะท้อนมา “ได้ยินมาว่าพรสวรรค์ของมึงปราดเปรื่องไร้ผู้เทียบเคียง เป็นหนึ่งเดียวตลอดกาล แต่หลงรุ่ยกูกลับไม่นึกเช่นนั้น เนื่องจากผู้แข็งแกร่งในยุคสมัยที่มึงคงอยู่โรยรา อัจฉริยะมีน้อย หากกูก็กำเนิดในยุคสมัยนั้นละก็ ไท่ซ่างฉิงมึงก็ต้องชิดซ้ายเท่านั้น!”

เมื่อพูดคำพูดที่จองหองเช่นนี้ออกมา แม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็รู้สึกสงสัยในตัวคนดังกล่าวอย่างอดไม่ได้ เขามองไปทางต้นตอของเสียง แล้วพบว่ามีชายหนุ่มที่ใบหน้ายโสโอหังคนหนึ่งกำลังหกระเหินเดินฟ้ามา คนดังกล่าวเรียกตนเองว่าหลงรุ่ย บนตัวมีพลังออร่าของมังกรแท้ด้วย ซึ่งเขาก็คืออัจฉริยะเผ่าพันธุ์มังกรอย่างไม่ต้องสงสัยแล้วล่ะ 

ศักยภาพของเผ่าพันธุ์มังกรแท้แข็งแกร่งมาก ๆ เล่ากันว่าเผ่าพันธุ์นี้ของพวกเขาได้รับการสืบสายเลือดของเทพอสูรกลืนกินโบราณดารากาย จากการที่กาลเวลาอันยาวนานค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงไป ผู้แข็งแกร่งแต่ละยุคของเผ่าพันธุ์มังกรก็วิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง สายเลือดก็หลุดพ้นออกมาจากสายเลือดของดูดจิตเช่นกัน ประกอบเป็นพลังสายเลือดที่มีเอกลักษณ์

สายเลือดของเผ่าพันธุ์มังกรแทบจะคงอยู่ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปด ตลอดจนมหาโลกาพันสาม รวมไปถึงสรรพโลกอื่น ๆ อีกมากมาย ทว่าหากพูดถึงเผ่าพันธุ์ที่มีสายเลือดบริสุทธิ์ที่สุดละก็ มันอยู่ที่สถานบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์มังกรแห่งโลกใต้ดิน!

สถานบรรพบุรุษเผ่าพันธุ์มังกรก็ถูกเรียกว่าภูเขาบรรพมังกรเช่นกัน บรรพบุรุษมังกรในตำนานคือผู้แข็งแกร่งผู้แกร่งเลิศที่อยู่ห่างจากแดนประมุขเต๋าเพียงก้าวเดียวเท่านั้น 

“เผ่าพันธุ์มังกรหรือ? มึงปากดีไม่เบาเลยนี่ ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าศักยภาพของมึงจะเก่งเหมือนปากมึงหรือไม่”

ถึงแม้หลัวซิวจะโต้เถียงกับผู้อื่นน้อยมาก ๆ ทว่าเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกโอบล้อมไปด้วยศัตรูตัวฉกาจแล้วถูกผู้อื่นยั่วยุ หากเขาไม่ตอบโต้ละก็ ผู้อื่นก็จะคิดว่าเขากดขี่รังแกง่าย ทันทีที่เกิดการตะลุมบอน จะมีคนจำนวนมากลงมือต่อเขา

เพราะฉะนั้นจึงพูดได้แค่ว่าหลงรุ่ยนี่ดวงซวย หลัวซิววางแผนที่จะเอาเขามาสร้างความน่าเกรงขามพอดี ข่มขวัญคนอื่นที่เหลือ

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ