มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2761

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไร?”

ใบหน้าของเมิ่งเชียนชางเต็มเปี่ยมไปด้วยความเหลือเชื่อ ตำหนักวัฏสงสารลอยอยู่เหนือศีรษะเขา สั่นเทิ้มจนเสียงดังหึ่ง ๆ หากไม่ใช่เพราะเขาเรียกสมบัติแห่งสังสารวัฏชิ้นนี้ออกมาคุ้มกันในช่วงเวลาสำคัญ ถึงแม้จะไม่ถูกวิชาตราประทับหนึ่งของหลัวซิวฆ่า แต่ก็ต้องบาดเจ็บสาหัสแน่นอน 

“นี่คือพลังอมตะอะไรของเจ้า?”สภาพจิตใจของเมิ่งเชียนชางยุ่งเหยิงไปแล้ว 

“เหตุใดข้าจึงต้องตอบเจ้าด้วย?”หลัวซิวแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็น หกระเหินเดินฟ้า มือทั้งสองข้างเริ่มประสานอินใหม่อีกครั้ง

สีหน้าของเมิ่งเชียนชางเปลี่ยนไป เขาไม่กล้ารับพลังโจมตีของหลัวซิวเป็นครั้งที่สองแล้ว เนื่องจากเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหลัวซิวยังไม่ได้ใช้อัญสมบัติสวรรค์ ตราบใดที่กงล้อวัฏจักรธรรมยังไม่ได้รับการซ่อมแซมฟื้นฟูกลับคืนมาใหม่ เขาไม่มีสมบัติใด ๆ ที่สามารถต่อกรกับอัญสมบัติสวรรค์ได้

เมื่อนึกถึงจุดนี้ เมิ่งเชียนชางก็ผันร่างเป็นศุภรแห่งวัฏสงสารหนึ่งดวงกะทันหัน แล้วหายไปจากตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไปภายในพริบตา

ในเส้นทางแห่งวัฏสงสารมีเกณฑ์ปริภูมิแฝงซ่อนอยู่ ความเร็วในการเคลื่อนที่ของเมิ่งเชียนชางรวดเร็วมาก หลัวซิวก็ไม่ได้ไล่ตามไปเช่นกัน ถึงแม้จะไล่ตามทัน เขาก็ไม่มั่นใจว่าตนจะสามารถสังหารเมิ่งเชียนชางได้

ในขณะเดียวกัน เมื่อเห็นว่าเมิ่งเชียนชางถูกหลัวซิวโค่นล้มภายในกระบวนท่าเดียว จึงทำให้ทุกคนที่อยู่บริเวณรอบ ๆ ต่างรู้สึกตะลึงงันอย่างควบคุมไม่ได้ ดูเหมือนร่างที่ไท่ซ่างฉิงกลับชาติมาเกิดมา จะแข็งแกร่งกว่าที่พวกเขาจินตนาการเอาไว้มาก!

ผู้แข็งแกร่งลึกลับที่เคยประมือกับหลัวซิวก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้นเช่นกัน เขาเคยเห็นหลัวซิวใช้พลังอมตะของตราสรรพสิทธิ์อยู่ ทว่าครั้นเมื่อทั้งสองประมือกัน ตราสรรพสิทธิ์ที่หลัวซิวนั่นปลดปล่อยออกมาไม่ได้ทรงพลังเท่าวินาทีนี้ หรือว่าขณะที่ประมือกับตัวเอง เขาได้ออมแรงไว้?

“พรสวรรค์เป็นหนึ่งไม่เป็นรอง เป็นหนึ่งเดียวตลอดกาล การที่สามารถทำให้ผู้แข็งแกร่งในยุคหลังให้คำประเมินเช่นนี้ ผู้สูงส่งไท่ซ่างท่านนี้ไม่ธรรมดาจริง ๆ!”

“ไม่แน่ชาตินี้ เขาก็สามารถกลายเป็นผู้แข็งแกร่งอย่างผู้แกร่งเลิศได้เช่นกัน”

“มาตรแม้นว่าเป็นผู้แกร่งเลิศทั้งแปดท่านที่แข็งแกร่งที่สุดในยุคปัจจุบัน ครั้นเมื่ออยู่ในเทพมารระดับแปดขั้นปฐมภูมิ ก็ไม่ได้แข็งแกร่งเท่าเขาหรอกกระมัง?”

“......”

เหล่าอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากต่างรู้สึกตะลึงงัน ส่วนผู้คนที่สังเกตภาพเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในโลกาจ่างจงในตำหนักหลักเมือง มาตรแม้นว่าเป็นผู้สูงส่งโลกร้างสีหน้าเขาก็เปลี่ยนแปลงไปด้วย!

“ช่างเป็นวิถีบำเพ็ญปรปักษ์ที่แข็งแกร่งยิ่งนัก ตราสรรพสิทธิ์ช่างเป็นพลังอมตะที่ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”ฮวงจวินชื่นชมสองประโยคติดต่อกัน ในโลกหล้านี้ ผู้ที่สามารถทำให้เขาประเมินค่าเช่นนี้ได้นั้น สามารถพูดได้เลยว่ามีน้อยมากถึงมากที่สุด 

วิชาตราประทับหนึ่งวิวัฒนาการสรรพวิชาออกมา ความลึกลับและมหัศจรรย์ประเภทนี้อยู่เหนือวิถีสวรรค์และวิถีวัฏสงสารแล้ว แต่ทว่าการที่จะฝึกวิถียุทธ์ประเภทนี้ให้ถึงจุดสูงสุดนั้น มันกลับยากเกินไป!

ฮวงจวินส่ายหน้า แท้จริงแล้ววิถียุทธ์ที่เขาฝึกก็เป็นทำนองเดียวกันกับวิถีแห่งสวรรค์เช่นกัน เขาตระหนักรู้เกณฑ์เทียนเต้าจำนวนมาก ก็เพื่อหวังว่าสักวันจะสามารถผสมผสานเกณฑ์ทั้งหมดเข้าด้วยกัน แล้วบุกเบิกวิถีแห่งสวรรค์ที่ 13 ออกมา แล้วใช้โอกาสนี้บรรลุเป็นผู้แข็งแกร่งระดับประมุขเต๋า

อย่างไรก็ตามเขาเข้าใจดีมาก ๆ ว่าการที่เขาจะบรรลุเป็นประมุขเต๋านั้น โอกาสแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย แต่วิถีของหลัวซิวกลับลึกซึ้งแน่นหนากว่าวิถีของเขามาก การที่จะฝึกถึงประมุขเต๋าจึงทำได้ยากขึ้น สามารถพูดได้เลยว่าไม่มีความเป็นไปได้เลยด้วยซ้ำ 

“เมิ่งเชียนชาง เจอกันครั้งหน้าหากเจ้ายังไม่มีการพัฒนาใด ๆ อีกละก็ เจ้าต้องได้ตายอยู่ในเงื้อมมือข้าแน่นอน”

หลัวซิวใช้มือทั้งสองข้างไขว้ไว้ด้านหลังพลางพูดพึมพำคนเดียว เขาคือเทพมารระดับแปดขั้นปฐมภูมิ ส่วนเมิ่งเชียนชางคือเทพมารระดับแปดขั้นสูง อีกทั้งยังผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้หนึ่งวง จากพื้นฐานที่ผลการฝึกตนแตกต่างกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว เขายังสามารถบีบให้เมิ่งเชียนชางเรียกสมบัติแห่งสังสารวัฏออกมาได้ เมิ่งเชียนชางถึงจะสามารถต้านทานพลังโจมตีของตราสรรพสิทธิ์เอาไว้ได้ จึงเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของวิถีไร้ลักษณ์

อดีตเมิ่งเชียนชางอยู่ในแดนราชาเทพระดับเก้า หากปะทะกันโดยตรง หลัวซิวไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาเลยด้วยซ้ำ หลังจากผ่านการประมือในครั้งนี้ หลัวซิวจึงมีความมั่นใจที่เต็มเปี่ยม หากเขาก็มีผลการฝึกตนอยู่ในแดนเทพมารระดับแปดขั้นสูงเหมือนกัน ต่อให้เมิ่งเชียนชางเรียกสมบัติแห่งสังสารวัฏออกมา ก็ต้านทานพลังอมตะของตราสรรพสิทธิ์ไม่ได้แน่นอน!

“แต่ข้าก็ประมาทไม่ได้เช่นกัน เมิ่งเชียนชางทำให้ผลการฝึกตนของตัวเองร่วงหล่นลงมาด้วยตนเอง หากเรื่องราวในหอคอยฮวงสิ้นสุดลง มันก็สามารถบรรลุอีกได้อย่างง่ายดาย ฟื้นฟูกลับคืนสู่แดนราชาเทพระดับเก้า ถึงครานั้นข้าต้องไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแน่นอน และมันก็ต้องหาโอกาสมาสังหารข้าแน่นอน”

หลัวซิวก็ไม่ได้กังวลใจต่อเรื่องนี้มากเท่าไหร่นัก อนาคตเมื่อเมิ่งเชียนชางฟื้นฟูกลับคืนสู่แดนราชาเทพระดับเก้า ผลการฝึกตนของเขาก็จะมีการพัฒนาเช่นกัน ตกลงผู้ใดจะแข็งแกร่งกว่ากันนั้น ก็ต้องดูการประลองในครั้งถัดไปแล้วล่ะ 

“สหายหลัววิปริตเช่นนี้เลยหรือ?”ฮวงหวูจี๋และหยุนยี่เทียนสบตากันครั้งหนึ่ง ต่างมองเห็นความตะลึงจากแววตาของกันและกัน 

“ท่านชายแข็งแกร่งที่สุดแล้ว”ฮู๋ชิงชิงมองแผ่นหลังของหลัวซิวด้วยสายตาที่อ่อนโยน ชาติปางก่อนนางก็มีผลการฝึกตนที่เทียบเท่าผู้สูงส่งขั้นปฐมภูมิในยุคปัจจุบันเช่นกัน เพราะฉะนั้นนางก็มีโลกทัศน์และความรู้ของผู้แข็งแกร่งระดับผู้สูงส่งเช่นกัน จึงสามารถดูออกเป็นธรรมดาอยู่แล้วว่าพลังอมตะที่หลัวซิวปลดปล่อยออกมาในเมื่อครู่นี้ แข็งแกร่งและลึกซึ้งมากเพียงใด 

ซึ่งนี่ก็หมายความว่าวิถีผู้บำเพ็ญปรปักษ์ที่หลัวซิวริเริ่มมีศักยภาพที่แข็งแกร่งมาก ผลสำเร็จในอนาคตไร้ขีดจำกัด อย่างน้อยก็สามารถบรรลุเป็นผู้แกร่งเลิศ!

“ที่แท้ท่านชายก็เป็นผู้บำเพ็ญปรปักษ์เหมือนกัน……”ฮู๋ชิงชิงพูดพึมพำคนเดียว 

ในยุคสมัยไท่ชูและวัฏสงสาร วิถีบำเพ็ญปรปักษ์ก็ถูกเรียกว่าวิถีมารเช่นกัน ซึ่งเป็นสิ่งที่สวรรค์ไม่อาจรองรับ สามารถพูดได้เลยว่าแดนศักดิ์สิทธิ์วิถีปีศาจในโลกร้างก็ตกทอดมาจากกองกำลังบำเพ็ญปรปักษ์ที่เก่าแก่นี่แหละ

ศักยภาพของเมิ่งเชียนชางเป็นที่ประจักษ์ของอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งจำนวนมากที่อยู่ในที่เกิดเหตุ ผลการฝึกตนเทพมารระดับแปดขั้นสูงผนึกรวมกงล้อเทพออกมาได้หนึ่งวง อีกทั้งสิ่งที่ฝึกยังเป็นเส้นทางแห่งวัฏสงสารด้วย กำลังรบแทบจะสามารถเทียบทัดราชาเทพระดับเก้า 

แต่ผู้แข็งแกร่งประเภทนี้กลับถูกวิชาตราประทับหนึ่งของหลัวซิวทำให้ตกตะลึงจนถดถอย จึงทำให้ทุกคนล้วนสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่มากล้นทันที 

“คนดังกล่าวแข็งแกร่งมากเกินไป จำเป็นต้องทำให้เขาตกรอบก่อน!”คนจำนวนไม่น้อยต่างกำลังพูดในใจ 

ทันใดนั้นเอง ก็มีแสงกระบี่ดวงหนึ่งปรากฏด้านหลังหลัวซิว เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีอัจฉริยะผู้แข็งแกร่งที่มาจากโลกจักรวาลลงมือจู่โจม ใช้เกณฑ์ปริภูมิอำพรางตัว ลอบสังหารจากด้านหลังโดยไม่ให้ซุ่มให้เสียง

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ