มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2771

ภายใต้การนำพาของฮู๋ชิงชิง หลัวซิวมุ่งหน้าตรงไปยังโบราณสถานที่ลู่เมิ่งเหยาหายตัวไปเมื่อครั้นนั้น

และเสี้ยววินาทีที่เขาออกจากเมืองต้าฮวงโบราณ หงบูและนักพรตชิงชานก็ทราบข่าวเป็นเวลาแรก สำหรับเรื่องที่ว่าหลัวซิวได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวงนั้น พวกเขาทั้งสองต่างไม่ได้รายงานต่อระดับสูงในกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังตน อย่างไรเสียเรื่องนี้มันก็มีความเกี่ยวข้องถึงหอคอยฮวง ทันทีที่ระดับสูงทราบเรื่อง สุดท้ายผลประโยชน์ทั้งหมดใช่ว่าจะตกอยู่ในกำมือของผู้น้อยอย่างพวกเขาเสมอไป

หลังจากที่ออกมาจากหอคอยฮวงแล้ว หงบูและนักพรตชิงชานก็อาศัยสมบัติและยาเซียนจำนวนมากมาฟื้นฟูผลการฝึกตนและสภาพอาการบาดเจ็บ

ในหุบเขาแห่งหนึ่งที่อยู่ห่างไม่ไกลจากเมืองต้าฮวงโบราณ หงบูและนักพรตชิงชานนัดเจอกันที่นี่ เพื่อเป็นการจัดการหลัวซิว พวกเขาทั้งสองตัดสินใจที่จะร่วมมือกันแล้ว 

“ครั้นเมื่ออยู่ในหอคอยฮวง เจ้าและข้าร่วมมือกันยังเกือบถูกมันกำจัดทิ้งเลย แม้นมันจะออกจากเมืองต้าฮวงโบราณแล้ว นอกซะจากเราจะเชิญผู้ช่วยคนอื่น ๆ มาให้การช่วยเหลือ มิเช่นนั้นก็คงทำอะไรมันไม่ได้เช่นกัน”หงบูพูดกระแทกเสียงต่ำ

“ข้าไม่แนะนำให้ลงมือบัดนี้ แม้นหลัวซิวจักแข็งแกร่งมาก แต่ท้ายที่สุดแล้วผลการฝึกตนของมันก็อยู่แค่แดนเทพมารระดับแปดช่วงกลาง ระหว่างเจ้าและข้า ขอแค่มีใครคนใดคนหนึ่งบรรลุถึงแดนเทพมารระดับเก้า ก็มีศักยภาพที่จะสังหารมันได้แล้ว!”

นักพรตชิงชานค่อย ๆ พูดอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ศักยภาพยิ่งแข็งแกร่ง ระดับความยากในการบรรลุก็ยิ่งยาก การที่หลัวซิวอยากฝึกตนถึงเทพมารระดับเก้านั้น มันไม่มีทางเร็วกว่าเจ้าและข้าแน่นอน”

เมื่อได้ยินคำพูนี้ แววตาหงบูก็เป็นประกายขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ “ข้อเสนอนี้ของเจ้าไม่เลวเลย!”

ผลการฝึกตนของหงบูและนักพรตชิงชานต่างเป็นเทพมารระดับแปดช่วงปลาย พวกเขาต่างเข้าใจดีมาก ๆ ว่าหากผู้ใดสามารถฝึกถึงแดนเทพมารระดับเก้าก่อน ผู้นั้นก็จะมีสิทธิ์เป็นฝ่ายรุก แล้วมีสิทธิ์ได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง!

……

หลัวซิวรู้อยู่ว่าหงบูและนักพรตชิงชานต้องวางแผนลอบทำร้ายตัวเองแน่นอน ปัจจุบันก็ออกมาจากเมืองต้าฮวงโบราณหลายวันแล้ว แต่กลับไม่เห็นผู้แข็งแกร่งของตระกูลหงและวังชิงเทียนปรากฏสักที นี่จึงทำให้หลัวซิวเข้าใจแล้วว่าหงบูและนักพรตชิงชานไม่ได้บอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชั้นห้าของหอคอยฮวงให้กองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาฟังแต่อย่างใด พวกเขาทั้งสองคนต้องปิดบังเรื่องนี้แน่นอน 

“ดูท่าพวกมันสองคนวางแผนที่จะรอให้บรรลุถึงเทพมารระดับเก้าก่อน ค่อยลงมืออีกทีสินะ”

จากสติปัญญาของหลัวซิว เขาคาดเดาแผนการของหงบูและนักพรตชิงชานได้อย่างง่ายดาย ทว่าหลัวซิวกลับไม่ได้เก็บเรื่องนี้มาใส่ใจ หากหงบูและนักพรตชิงชานคิดว่าเมื่อฝึกถึงเทพมารระดับเก้าแล้วจักสามารถจัดการตัวเองได้ละก็  ถึงครานั้นพวกเขาทั้งสองคนต้องตกตะลึงหนักมากแน่นอน 

ฮู๋ชิงชิงบอกว่าตามหาโบราณสถานนั่นไม่ยาก และที่นั่นก็มีค่ายวาร์ปหนึ่งค่ายจริง ๆ แต่กลับไม่ใช่ค่ายที่สามารถใช้ได้เพียงหนเดียวอย่างที่ฮู๋ชิงชิงกล่าวมา 

แต่ระดับขั้นของค่ายกลดังกล่าวสูงมาก ตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้ ฮู๋ชิงชิงก็หายอดฝีมือค่ายกลมาศึกษาค่ายกลนี้ไม่น้อยเช่นกัน แต่กลับศึกษาวิจัยอะไรไม่ได้เลย 

“เงื่อนไขจำเป็นในการเปิดค่ายกลนี้คือต้องจัดเรียงลายค่ายตามกฎเกณฑ์บางอย่าง ครั้นเมื่อเมิ่งเหยาถูกส่งออกไป นางน่าจะเผลอกระตุ้นลายค่ายบางลาย จึงส่งผลให้ลายค่ายบังเอิญถูกจัดเรียงกันอย่างเป็นระเบียบพอดี ก่อนจะถูกส่งออกไป”

หลัวซิวศึกษาค้นคว้าอยู่ที่นี่สองเดือนกว่า ก็มองทะลุความล้ำลึกของค่ายวาร์ปดังกล่าวแล้ว ระดับขั้นของค่ายวาร์ปค่ายนี้สูงมาก อย่างน้อยก็เป็นค่ายกลมกุฎระดับเก้า ปัจจุบันแม้แต่ตัวหลัวซิวเองก็จัดวางค่ายกลประเภทนี้ไม่ได้

และทันทีที่ค่ายวาร์ปนี้ถูกเปิดออกแล้วส่งคนออกไปหนึ่งครั้ง การจัดเรียงของลายค่ายที่เป็นระเบียบก็จะกลับไปยุ่งเหยิงใหม่อีกครั้ง 

“ข้าจะเปิดค่ายวาร์ปแล้ว เนื่องจากไม่ทราบว่าจะถูกส่งไปยังสถานที่ใด ดังนั้นเจ้าไม่ต้องไปพร้อมข้าแล้วล่ะ”หลัวซิวพูดกับฮู๋ชิงชิง

“ท่านชาย โปรดให้ข้าไปพร้อมท่านเถิดเจ้าค่ะ”ฮู๋ชิงชิงพูดอย่างแน่วแน่มาก ๆ “เมื่อครั้นนั้นหากไม่ใช่เพราะความไม่ระมัดระวังของข้า น้องเมิ่งเหยาก็ไม่มีทางหายตัวไปนานเช่นนี้ ไม่ว่าภัยอันตรายจะยิ่งใหญ่มากเพียงใด ข้าก็จะไปตามหานางเจ้าค่ะ”

เหตุผลนี้ของฮู๋ชิงชิงทำให้หลัวซิวไม่รู้ว่าควรปฏิเสธอย่างไรดี บวกกับศักยภาพของฮู๋ชิงชิงก็ไม่เลวเช่นกัน เขาจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ก่อนจะพยักหน้าตอบตกลง 

“เวิ่งง!”

หลังจากผ่านไปหลายวัน ลายค่ายของค่ายวาร์ปก็ถูกหลัวซิวจัดเรียงใหม่อย่างเป็นระเบียบ มีรัศมีเทวที่แวววาวจับตาส่องสว่างขึ้นมา ก่อนที่เงาร่างของฮู๋ชิงชิงและหลัวซิวจะหายไปในค่ายวาร์ปภายในพริบตา 

ส่วนเขตพื้นที่บริเวณโดยรอบของสถานโบราณแห่งนี้ ก็ถูกหลัวซิวใช้ค่ายกลจำนวนมากผนึกไว้ตั้งนานแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้อื่นเผลอเข้ามาที่นี่แล้วทำให้ค่ายกลเสียหาย เช่นนั้นเขาก็อย่าคิดว่าจะสามารถกลับมาได้อีกเลย 

ตลอดขั้นตอนการวาร์ปนั้นยาวนานมาก ๆ หลังจากภาพเหตุการณ์บริเวณรอบ ๆ กลับมานิ่งสงบใหม่อีกครั้ง หลัวซิวก็พบว่าตัวเองอยู่กลางทะเลทรายแห่งหนึ่ง 

ที่นี่คือทะเลทรายแห่งหนึ่งจริง ๆ อีกทั้งขอบเขตของทะเลทรายยังกว้างใหญ่มากด้วย ตัวสำนึกของเขาแผ่ขยายออกไปครอบคลุมบริเวณโดยรอบหนึ่งล้านไมล์ แต่ก็ไม่สามารถแผ่ขยายไปถึงริมขอบของทะเลทรายแห่งนี้ 

ตำแหน่งที่อยู่ของเขาและฮู๋ชิงชิงก็มีค่ายวาร์ปหนึ่งค่ายเช่นกัน ด้วยเหตุนี้จึงแสดงให้เห็นเลยว่าค่ายวาร์ปของที่นี่เชื่อมต่อกับค่ายวาร์ปฝั่งโลกร้าง

“ที่นี่คือ?”ฮู๋ชิงชิงก็เริ่มสำรวจสภาพแวดล้อมรอบกาย ก่อนจะถามอย่างรู้สึกสงสัย 

หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย เขาสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าออร่าเกณฑ์พลังเต๋าในฟ้าดินของทะเลทรายแห่งนี้ แตกต่างจากโลกร้างมาก ๆ ซึ่งนี่ก็หมายความว่าเขาและฮู๋ชิงชิงอาจจะออกมาจากโลกร้าง มาถึงโลกมหาศักดิ์อื่น ๆ ยิ่งกว่านั้นคืออาจเป็นโลกนิรนามก็เป็นได้ 

เขาที่เป็นไท่ซ่างฉิงเมื่อชาติปางก่อนเคยไปสถานที่ต่าง ๆ ในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดมาเยอะมาก เคยย่างกรายไปทั่วทุกแห่งหนของโลกมหาศักดิ์ทั้งเจ็ดยกเว้นโลกสวรรค์ 

ซึ่งออร่าเกณฑ์พลังเต๋าฟ้าดินของที่นี่ล้วนแตกต่างจากโลกมหาศักดิ์ทั้งเจ็ดที่เขาเคยไปเมื่อชาติปางก่อน นี่จึงทำให้รูม่านตาของหลัวซิวหดลงอย่างควบคุมไม่ได้ 

“ข้าคิดว่าเราน่าจะมาถึงโลกสวรรค์แล้วล่ะ”หลัวซิวกล่าวเช่นนี้ 

“โลกสวรรค์!?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ