มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2772

เดินเข้าไปในโรงชาเสี่ยวซี ก่อนจะมีคนที่แต่งกายเหมือนเด็กรับใช้ที่ยังไม่โตเป็นผู้ใหญ่ยิ้มพลางเดินเข้ามาต้อนรับ 

“ลูกค้าทั้งสองท่านต้องการอะไรขอรับ?”

“ข้าจักสืบถามคนคนหนึ่ง”หลังจากหลัวซิวนั่งลงกับที่แล้ว ก็ตอบกลับอย่างตรงไปตรงมา

เมื่อได้ยินคำตอบดังกล่าว ใบหน้าของเด็กชายก็ยังคงอมยิ้มอยู่เช่นเคย นี่จึงทำให้หลัวซิวยืนยันแล้วว่าตนมาถูกที่แล้ว

หลัวซิวก็ไม่ได้พูดมากเช่นกัน ง้างมือโบกทีหนึ่ง ใช้พลังเวทย์วิวัฒนาการภาพวาดของลู่เมิ่งเหยาออกมาแล้วพูด: “ข้าต้องการหาคนดังกล่าว พวกเจ้าเสนอข้อมูลให้ข้าได้มากเท่าไหร่?”

เนื่องจากเป้าหมายที่หลัวซิวจะสืบถามไม่ใช่บุคคลพิเศษ ด้วยเหตุนี้หอเอียงกายนี่ก็ไม่สามารถเสนอเบาะแสและข่าวคราวที่เกี่ยวข้องให้ได้ทันทีเช่นกัน 

“หากลูกค้าไม่ถือสาละก็ สามารถจิบชาที่นี่ก่อนได้นะขอรับ กรุณารอสักครู่”เด็กชายประสานมือทำท่าคารวะพลางพูด

“ได้ ข้าหวังว่ายิ่งเร็วยิ่งดีนะ”หลัวซิวผงกหัว

เด็กชายไม่ได้พูดอะไรอีก ก่อนจะหันหลังแล้วเดินออกไปจากห้องที่นั่งพิเศษ การตกแต่งของหอเอียงกายนี้ค่อนข้างธรรมดาเรียบง่าย ห้องโถงใหญ่ที่อยู่ด้านนอกคือที่ดื่มชา และมีเพียงห้องที่นั่งพิเศษเท่านั้นถึงจะเป็นสถานที่ที่ซื้อขายข่าวคราว  

“ท่านชาย การทำเช่นนี้สามารถตามหาเมิ่งเหยาได้จริง ๆ หรือเจ้าคะ?”ฮู๋ชิงชิงถามอย่างรู้สึกสงสัยเล็กน้อย 

“ข้าก็ไม่ทราบเช่นกัน”

หลัวซิวส่ายหน้า “ทว่าการฝากฝังให้หอเอียงกายตามหาข้อมูลเบาะแส มันมีประสิทธิผลดีกว่าการที่เราตามหาอย่างไร้เป้าหมาย ดังคำกล่าวที่ว่าแต่ละคนมีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน อีกทั้งพวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ตลอดทั้งปี ความสะดวกและรวดเร็วของข้อมูลลู่ทางไม่ใช่สิ่งที่เราสองคนที่เป็นคนนอกสามารถเทียบเคียงได้”

ฮู๋ชิงชิงไม่เข้าใจเรื่องเหล่านี้ อย่างไรเสียนางก็ไม่เคยใช้ชีวิตอย่างปากกัดตีนถีบอยู่ในชนชั้นล่างอย่างหลัวซิว ทว่านางก็ไม่มีวิธีการที่ดีกว่านี้เช่นกัน ทั้งหมดทั้งมวลจึงทำได้เพียงปล่อยให้หลัวซิวเป็นผู้ตัดสินใจ

ประสิทธิภาพของหอเอียงกายดีมาก ๆ หลัวซิวและฮู๋ชิงชิงรออยู่ในห้องที่นั่งพิเศษของโรงชาไม่นานนัก เด็กชายในเมื่อครู่นี้ก็กลับมาแล้ว  

“ข่าวกรองระดับดี มูลค่า……”เด็กชายกำลังจะบอกราคา โดยส่วนใหญ่แล้วลูกค้าต้องจ่ายเงินก่อน จากนั้นหอเอียงกายถึงจะเสนอข่าวกรอง

แต่ทว่าเด็กชายยังไม่ทันพูดจบ หลัวซิวก็ดีดนิ้วทีหนึ่ง แสงสีเขียวดวงหนึ่งก็บินไปทางเขา 

เด็กชายยื่นมือออกไปคว้า ก่อนจะเบิกตากว้างกะทันหัน “กรองแก้วมรกตดั้งเดิม?!”

ถึงแม้กรองแก้วมรกตดั้งเดิมก้อนนี้จะมีขนาดเท่ากำปั้นของเด็กทารกเท่านั้น ทว่าพลังดั้งเดิมที่แฝงซ่อนอยู่ภายในกลับไม่ใช่สิ่งที่โอสถแก่นแท้สามารถเทียบเคียงได้

อีกอย่างส่วนใหญ่กรองแก้วมรกตดั้งเดิมเป็นทรัพยากรที่ผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าใช้ มูลค่าของกรองแก้วมรกตดั้งเดิมที่มีขนาดเล็กเท่านี้ ก็เท่ากับโอสถแก่นแท้ระดับแปดหลักล้านเม็ดแน่นอน 

“ข้าไม่อยากฟังคำพูดไร้สาระ พูดตรงเข้าประเด็นเถิด”หลัวซิวพูดอย่างเย็นชา โดยส่วนใหญ่แล้วข่าวกรองระดับดี เป็นเพียงข่าวกรองที่ธรรมดาที่สุด ซึ่งมูลค่าของข่าวกรองประเภทนี้ก็ไม่สูงเช่นกัน 

“ขอรับ!”

มีความเคารพนอบน้อมปรากฏบนใบหน้าเด็กชาย ซึ่งความเคารพนอบน้อมนี้เกิดจากความมั่งคั่งของหลัวซิว และในโลกของจอมยุทธ์นั้น โดยส่วนใหญ่แล้วยิ่งเป็นผู้ที่ร่ำรวยมั่งคั่ง ก็จะยิ่งแข็งแกร่ง และไม่ว่าผู้แข็งแกร่งจะไปถึงสถานที่ใด ก็ล้วนจะได้รับความเคารพจากผู้คน 

“สตรีที่ลูกค้าฝากสั่งให้หอเอียงกายของเราสืบหา นางมีนามว่าลู่เมิ่งเหยา ซึ่งเคยปรากฏในเมืองทรายดูดของเราติดต่อกันสองหน……”

เด็กชายค่อย ๆ นำข้อมูลข่าวกรองที่สืบเสาะมาได้บอกเล่าออกมาอย่างเคารพนอบน้อม อ้างอิงจากข่าวกรองที่หอเอียงกายกล่าวมา ลู่เมิ่งเหยาเดินออกมาจากทะเลทรายแห่งนั้นเมื่อสามร้อยกว่าปีก่อน แล้วมาถึงเมืองทรายดูด อีกทั้งยังใช้ชีวิตฝึกตนอยู่ในเมืองทรายดูดนี้ระยะหนึ่งด้วย 

แต่ว่าเมื่อสองร้อยกว่าปีก่อน นางก็ออกจากเมืองทรายดูด จากไปโดยการนั่งเรืออนัตตาลำหนึ่งที่มุ่งหน้าไปยังมิติสมรภูมิกู่ไท่

ในโลกสวรรค์ จอมยุทธ์ไม่สามารถโบยบินสุดความเร็วตามอำเภอใจ เนื่องจากกองกำลังทั้งหลายในโลกสวรรค์ซับซ้อนซ่อนเงื่อน ซึ่งจะเกิดความขัดแย้งและต่อสู้กันอยู่เป็นระยะ หากมีจอมยุทธ์คนหนึ่งที่ไม่ค่อยเข้าใจสถานภาพของโลกสวรรค์บินสุดความเร็ว ทันทีที่บินผ่านนภาเหนืออาณาบริเวณของกองกำลังใดกองกำลังหนึ่งอย่างผลีผลาม ก็จะทำให้ฝ่ายตรงข้ามเข้าใจผิดได้ง่ายมาก จนส่งผลให้ตัวเองเจอกับปัญหาที่ไม่มีความจำเป็น มากไปกว่านั้นคืออาจเสียชีวิตได้ด้วย

อ้างอิงจากการบรรยายของเด็กชายคนนี้ในหอเอียงกาย ขณะที่ลู่เมิ่งเหยานั่งเรืออนัตตาบินไปยังมิติสมรภูมิกู่ไท่ ผลการฝึกตนของนางก็บรรลุถึงแดนเทพมารระดับหกขั้นสูงแล้ว 

หลัวซิวไม่ได้รู้สึกแปลกใจต่อเรื่องที่ลู่เมิ่งเหยาฝึกตนเร็วเช่นนี้ เนื่องจากอดีตลู่เมิ่งเหยาเป็นโรคชีพจรขาดธาตุไฟ ต่อมาก็ถูกเขารักษาจนหาย แล้วแปรเปลี่ยนเป็นฐานร่างพิเศษประเภทหนึ่ง ซึ่งมีนามว่าร่างเสวียนปิง

แม้นร่างเสวียนปิงจะไม่แข็งแกร่งเท่าร่างเทวที่มีมาตั้งแต่กำเนิด แต่ประสิทธิภาพในการฝึกตนก็อยู่เหนือจอมยุทธ์ทั่วไปอยู่

แต่หลัวซิวก็สามารถจินตนาการได้เช่นกันว่า ลู่เมิ่งเหยาสู้ชีวิตอยู่ในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยคนเดียว การที่นางสามารถฝึกตนถึงแดนเทพมารระดับหกขั้นสูงภายในระยะเวลาไม่กี่ร้อยปีนั้น นางต้องทนทุกข์ทรมานมาเยอะมากแน่นอน 

“มิติสมรภูมิกู่ไท่คือ……”

เมื่อได้ฟังคำพูดของเด็กชาย ฮู๋ชิงชิงก็อดไม่ได้ที่จะสอบถามว่ามิติสมรภูมิกู่ไท่คือสถานที่อย่างไรกันแน่ 

เนื่องจากโลกสวรรค์เปิดให้จอมยุทธ์อีกเจ็ดโลกที่เหลือเข้ามาน้อยมาก ๆ ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นนางหรือหลัวซิว ต่างก็ไม่ค่อยเข้าใจเรื่องราวในโลกสวรรค์เลย

แต่ทว่ายังไม่รอให้นางได้ถามคำถามออกมา หลัวซิวก็ยกมือขึ้นมาห้ามปรามไว้ก่อน เนื่องจากตัวตนของเขาและฮู๋ชิงชิงค่อนข้างพิเศษ ดังนั้นเขาจึงไม่อยากให้ผู้อื่นทราบว่าพวกเขามาจากต่างแดน

ซึ่งอุปนิสัยที่ระมัดระวังเช่นนี้ เป็นอุปนิสัยที่หลัวซิวอบรมและฝึกมาตั้งแต่สมัยที่ยังปากกัดตีนถีบอยู่ในชนชั้นล่างแล้ว แม้นจากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของเขาก็ถือเป็นผู้แข็งแกร่งคนหนึ่งในโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเช่นกัน แต่ก็จำเป็นต้องปฏิบัติการอย่างระมัดระวัง เพราะจากการที่ศักยภาพของเขาแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น คู่ต่อสู้และศัตรูของเขาก็จะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเช่นกัน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ