มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2783

เมื่อได้ยินคำพูดของมู่หรงหรง หลัวซิวก็ขมวดคิ้วลงอย่างควบคุมไม่ได้ พูดตามตรงเลยว่าเขาไม่อยากเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องประเภทนี้มาก ๆ

เนื่องจากอย่างไรเสียงนี้ก็เป็นบุญคุณความแค้นระหว่างสำนักเต๋าเสวียนและสำนักเจิ้นหลัวเทียน ถ้าเกิดเขาลงมือช่วยเหลือมู่หรงหรงที่นี่ เช่นนั้นก็ต้องเป็นศัตรูกับสำนักเต๋าเสวียนแน่นอน ต่อให้เขาไม่กลัวสำนักเต๋าเสวียน ทว่าเรื่องที่ได้ไม่คุ้มเสียเช่นนี้ ไม่ว่าเปลี่ยนเป็นผู้ใดก็ไม่อยากทำหรอก

มิหนำซ้ำความสัมพันธ์ระหว่างเขาและมู่หรงหรงก็ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดนั้นด้วย ยิ่งกว่านั้นคือครั้นเมื่ออยู่ในหุบเขามังกรไฟพวกมู่หรงหรงทั้งสี่คนก็ได้ผลประโยชน์ไปจากตัวเองไม่น้อยเลย

ในขณะที่หลัวซิวกำลังจะบอกว่าตัวเองไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่นั้น คนฝั่งสำนักเต๋าเสวียนกลับเอ่ยปากพูดก่อน

“ผู้ใดบังอาจเข้ามายุ่งกับเรื่องในสำนักเต๋าเสวียนของกู? หากประเมินสถานการณ์เป็นก็รีบไสหัวไปซะ มิเช่นนั้นก็จะเป็นการรนหาที่ตาย!”

ชายวัยกลางคนรูปหน้าเหลี่ยมคนหนึ่งพูดด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น ในขณะที่พูดอยู่นั้น ก็มีออร่าเกณฑ์พลังเต๋าที่แข็งแกร่งพรั่งพรูออกมา เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาคือผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าคนหนึ่ง 

ทันทีที่ออร่าของคนดังกล่าวปรากฏ สีหน้าของพวกมู่หรงหรงก็ดูย่ำแย่ลงไปมากกว่าเดิม บัดนี้นางถึงจะทราบว่าฝั่งสำนักเต๋าเสวียนยังมีเทพมารระดับเก้าคนหนึ่งอีกอย่างนั้นหรือ 

โชคดีที่ผู้ที่มีผลการฝึกตนเทพมารระดับเก้าไม่ได้ลงมือแต่อย่างใด มิเช่นนั้นละก็ ถึงแม้หลัวซิวจะไม่ได้ปรากฏที่นี่ พวกมู่หรงหรงก็คงถูกเขากำจัดทิ้งตั้งนานแล้ว 

แต่เมื่อนึกถึงศักยภาพอันแข็งแกร่งที่ผู้อาวุโสท่านนี้แสดงให้เห็นครั้นเมื่ออยู่ในหุบเขามังกรไฟมู่หรงหรงก็วางใจลง ก่อนหน้านี้นางยังกังวลอยู่เลยว่าผู้อาวุโสท่านนี้จะไม่ลงมือช่วยเหลือ ทว่าในเมื่อฝั่งสำนักเต๋าเสวียนเป็นฝ่ายยั่วยุก่อนแล้ว เช่นนั้นโอกาสที่ผู้อาวุโสท่านนี้จะลงมือก็เพิ่มสูงมากขึ้นแล้ว 

มู่หรงหรงกำเนิดจากกองกำลังที่ถูกโอ๋จนเปราะบาง ทว่านางก็ยังมาฝึกฝนในมิติสมรภูมิกู่ไท่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยภยันตรายอยู่ดี ซึ่งหมายความว่านางไม่ใช่สตรีที่มีดีแค่เปลือกนอกเท่านั้น แต่เป็นสตรีที่มีทั้งความงามและสติปัญญา 

และทุกอย่างก็เหมือนอย่างที่นางคาดการณ์เอาไว้จริง ๆ เดิมทีหลัวซิวไม่มีความคิดที่จะช่วยเหลือจริง ๆ เนื่องจากความสัมพันธ์ระหว่างเขาและมู่หรงหรงยังไม่ได้ดีถึงขั้นให้เขาลงมือเข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องชาวบ้าน

แต่ต่อให้อารมณ์ของหลัวซิวจะดีมากเพียงใด เมื่อมีคนยั่วยุตนก่อน ก็ทำให้แววตาของเขาดูเฉียบคมและดุดันขึ้นมาทันที 

“ช่างปากดียิ่งนัก สำนักเต๋าเสวียนเจ๋งมากเลยรึ? ต่อให้บรรพอาจารย์สำนักเต๋าเสวียนของพวกมึงคลานออกมาจากโลงศพ ก็ไม่กล้าพูดจาโอหังต่อหน้ากู!”

หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง เขาทราบความเป็นมาของสำนักเต๋าเสวียนอยู่ ในยุคสมัยที่เขาบรรลุเป็นผู้สูงส่ง สำนักเต๋าเสวียนก็เพิ่งกำเนิดเช่นกัน ในยุคสมัยนั้นเมื่อบรรพอาจารย์ผู้บุกเบิกสำนักเต๋าเสวียนเจอเขา ก็ต้องก้มคำนำให้อย่างเคารพนอบน้อม แล้วเรียกเขาว่าไท่ซ่างผู้สูงส่งอย่างเคารพ 

“มึงมันรนหาที่ตาย! ไอ้คนไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง! ถังจิ่งฉงกูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามึงจะมีปัญญาความสามารถอะไร!”

ชายวัยกลางคนโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ผู้ที่อยู่ในแดนเทพมารระดับแปดเหมือนกันมองความลึกตื้นในผลการฝึกตนของหลัวซิวไม่ออก ทว่าในฐานะที่เป็นผู้แข็งแกร่งแดนเทพมารระดับเก้า ถังจิ่งฉงกลับสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าผลการฝึกตนของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำนี่เป็นเพียงเทพมารระดับแปด

เทพมารระดับแปดเล็ก ๆ คนหนึ่งก็บังอาจจองหองเช่นนี้ หากไม่อบรมสั่งสอนเจ้าเด็กเดรัจฉานนี่ดี ๆ สักตั้ง ต่อไปเขาถังจิ่งฉงก็ไม่ต้องอยู่ในวงการนี้อีกแล้วล่ะ

สำหรับเหตุการณ์นี้นั้น หลัวซิวกลับเบื่อที่จะพูดจาไร้สาระแม้แต่คำเดียว เงาร่างกระพริบทีหนึ่ง ก่อนจะพุ่งออกไปทันที ไม่ได้ใช้พลังอมตะและอาวุธเทพใด ๆ เลย ปล่อยหมัดออกไปจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น 

“ไอ้คนไม่รู้จักความเป็นความตาย!”

เมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามถึงกับพุ่งตรงเข้ามาด้วยกำปั้นเปล่า บนใบหน้าของถังจิ่งฉงก็เต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารและรอยยิ้มอันดุร้าย ดังคำกล่าวที่ว่าเสือล่ากระต่ายต้องทุ่มสุดแรง เขาไม่มีทางออมมือหรอกนะ โบกมือครั้งเดียวเรียกกระบี่เทพออกมาหนึ่งเล่ม

“เตี๊ยงง!”

กระบี่เทพกับกำปั้นพุ่งชนกัน แต่กลับไม่มีภาพเหตุการณ์ที่เลือดสาดกระเด็นเกิดขึ้นเหมือนอย่างที่จินตนาการเอาไว้ ในทางตรงกันข้ามกลับมีเสียงแคว็กดังขึ้น กระบี่เทพพังทลาย มีเพียงกำปั้นเดียวเท่านั้นที่ก้าวรุดไปด้านหน้าอย่างองอาจ พุ่งตรงไปด้านหน้าถังจิ่งฉงโดยตรง 

“ว่าอย่างไรนะ!”

สีหน้าของถังจิ่งฉงเปลี่ยนไปอย่างมาก กระทั่งบัดนี้แล้วเขาจะยังไม่เข้าใจได้อย่างไร ศักยภาพของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำนี่อยู่เหนือการจินตนาการของเขา ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้อวดดีและไม่ได้รนหาที่ตายเลยด้วยซ้ำ แต่มีร่างเนื้อร่างเทวที่แข็งแกร่งมาก!

เพียงชั่วพริบตาเดียว หัวใจของถังจิ่งฉงก็ตกลงไปถึงตาตุ่ม เขารู้ว่าตัวเองเตะเข้ากับแผ่นเหล็กแล้ว เพียงหมัดเดียวฝ่ายตรงข้ามก็สามารถโจมตีอาวุธเทพระดับเก้าจนแตกสลายได้แล้ว ซึ่งนี่ก็หมายความว่าอย่างน้อยแดนร่างเนื้อร่างเทวของเขาก็บรรลุถึงระดับขั้นของราชาเทพระดับเก้าแล้ว 

“วีรบุรุษยั้งมือก่อน! นี่เป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด……”

ถังจิ่งฉงรีบตะโกนพูดเสียงดัง เมื่อเปรียบเทียบกับชีวิตของตนเองแล้ว หน้าตาและศักดิ์ศรีก็ล้วนเปล่าประโยชน์ 

“เมื่อกี้มึงจองหองมากเลยมิใช่หรือ?”

กำปั้นของหลัวซิวได้หยุดอยู่ตรงหน้าถังจิ่งฉงภายในเสี้ยววินาที เขาชี้นิ้วออกไปหนึ่งนิ้ว ชี้ไปด้านหน้า ถังจิ่งฉงจึงอุทานอย่างตะลึงทันที ทั้งร่างกายกระเด็นออกไป และมีเลือดไหลนองออกมาจากหน้าผาก

สำหรับหลัวซิว ณ ปัจจุบันแล้ว สามารถพูดได้เลยว่าเมื่อเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิทั่วไปอยู่ในเงื้อมมือเขา ก็ไม่สามารถต่อต้านอะไรได้เลยด้วยซ้ำ ไม่ต่างอะไรจากมดตัวจ้อยตัวหนึ่ง

ถังจิ่งฉงดิ้นรนพลางพยายามลุกขึ้นมาจากพื้น ในขณะที่กำลังจะขอร้องอ้อนวอนต่ออยู่นั้น กลับมีความเยือกเย็นทะลุออกมาจากดวงตาของหลัวซิว เขายังไม่ทันตอบสนองกลับมาได้ ก็มีแสงกระบี่เล่มหนึ่งเฉือนสับมา ทำการผ่าสังหารร่างกายเขาจนแยกออกเป็นสองซีกโดยตรง

สำหรับผู้ที่จักสังหารตนเองนั้น หลัวซิวไม่มีทางออมมือเพียงเพราะฝ่ายตรงข้ามอ่อนข้อขอร้องอ้อนวอน เนื่องจากในโลกของจอมยุทธ์ก็เป็นเช่นนี้แหละ ทันทีที่มีจิตที่จะสังหาร ก็ต้องเอาชีวิตของตัวเองมาเดิมพัน ต้องตระหนักได้ถึงความตาย

คนอื่นที่เหลือในสำนักเต๋าเสวียนตกตะลึงพรึงเพริดไปภายในพริบตา ถังก้วนเจ๋อที่กำลังต่อสู้กับต้วนเฉวียนก็รีบหยุดการโจมตีเช่นกัน เขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าผู้คุมกฎเทพมารระดับเก้าของสำนักเต๋าเสวียนจะถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารได้ง่ายดายเช่นนี้ 

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ