มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2789

“ท่านชาย ท่านอยู่ที่ใดกันแน่?”

ฮู๋ชิงชิงออกมาจากจุดแบ่งภารกิจด้วยแววตาที่กังวลใจ แต่ทว่าทันทีที่นางเดินออกมาจากที่นี่ ก็มองเห็นเงาหลังหนึ่งที่ทำให้นางรู้สึกคุ้นเคย

เสี้ยววินาทีที่เห็นเงาหลังดังกล่าว ฮู๋ชิงชิงก็ตะโกนเรียกออกมาอย่างควบคุมไม่ได้

“เมิ่งเหยา!”

ฮู๋ชิงชิงพุ่งตรงเข้าไปอย่างแน่วแน่โดยไม่ต้องหยุดคิด ก่อนจะทำการสกัดกั้นเงาหลังที่นางมองเห็นทันที เมื่อเห็นใบหน้าของฝ่ายตรงข้าม นางก็ยิ่งแน่ใจว่าตนจำไม่ผิดแน่นอน 

วินาทีนี้ผู้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าฮู๋ชิงชิงก็คือลู่เมิ่งเหยานั่นเอง 

แต่ทว่าเมื่อลู่เมิ่งเหยาเห็นฮู๋ชิงชิง บนใบหน้านางกลับไม่มีความดีใจและความแปลกใจปรากฏเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางยังคงดูเย็นชาอยู่เช่นเคย

“ข้าไม่รู้จักเจ้า เหตุใดจึงต้องมาขวางกั้นข้าด้วย?”ลู่เมิ่งเหยาขมวดคิ้วพลางถาม

“เมิ่งเหยา เจ้าไม่รู้จักข้าแล้วหรือ? ข้าคือฮู๋ชิงชิงไง”ฮู๋ชิงชิงรีบพูด ในขณะเดียวกันนางก็รู้สึกสงสัยในลักษณะท่าทีของลู่เมิ่งเหยามากเช่นกัน 

“ฮู๋ชิงชิง?”

ลู่เมิ่งเหยาขมวดคิ้วลงเล็กน้อย หลังจากผ่านไปพักหนึ่งแววตานางก็เป็นประกายขึ้นมา “ข้าจำได้แล้ว……”

เมื่อได้ยินคำตอบนี้ ใบหน้าฮู๋ชิงชิงก็ดูมีความสุขขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ นางและหลัวซิวเดินทางมาโลกสวรรค์สิบกว่าปีแต่ก็ไม่เจอตัวนางเลย ไม่นึกเลยว่าจะเจอนางในตำหนักกิ่งโยงพลังได้ง่ายดายเช่นนี้ 

อย่างไรก็ตามใบหน้าของลู่เมิ่งเหยาก็ยังคงเย็นชาอยู่เช่นเคย ยิ่งกว่านั้นคือภายในดวงตาที่งดงามคู่นั้นของนาง ไม่มีความรู้สึกใด ๆ เลยแม้แต่น้อย 

“ฮู๋ชิงชิง เจ้ามาหาข้าเพราะเรื่องอันใดหรือ?”ลู่เมิ่งเหยาถามอย่างเย็นชา 

“เมิ่งเหยา เจ้าเป็นอะไรน่ะ?”ฮู๋ชิงชิงรู้สึกว่าลู่เมิ่งเหยาผิดปกติมาก ๆ อีกทั้งนางก็สังเกตเห็นเช่นกันว่าผลการฝึกตนของลู่เมิ่งเหยาก็เป็นเทพมารระดับเก้าช่วงปลายเหมือนกัน 

“ข้าเป็นอะไร มันเกี่ยวข้องกับเจ้าหรือ?”ลู่เมิ่งเหยาพูดอย่างเย็น 

ในระหว่างที่พูดอยู่นั้น ลู่เมิ่งเหยาก็มุ่งหน้าเดินไปข้างหน้าโดยตรง เดินผ่านฮู๋ชิงชิงที่สีหน้าเหม่อลอยเล็กน้อยไป

“เมิ่งเหยา เจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ามีเรื่อง......”

ฮู๋ชิงชิงรีบยื่นมือออกไป หวังจะรั้งลู่เมิ่งเหยาไว้ นางต้องถามเรื่องทุกอย่างให้ชัดเจนก่อนว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่ เหตุใดนางจึงเปลี่ยนไปเป็นเช่นนี้ 

“เตี๊ยงง!”

ทว่าในเวลานี้เอง ก็มีแสงดาบดวงหนึ่งกระพริบขึ้นมา ฮู๋ชิงชิงก็ตอบสนองกลับมาได้เร็วมากเช่นกัน รีบชักมือกลับมา แสงดาบฟาดฟันผ่านไป อีกเพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น มือที่นางจะยื่นออกไปในเมื่อครู่นี้ก็เกือบถูกตัดขาด

เห็นเพียงมีมีดขนาดเท่าฝ่ามือลอยอยู่ข้างกายลู่เมิ่งเหยา ทว่ากลับมีออร่าที่น่าทึ่งแพร่กระจายออกมาจากมีดขนาดเล็กที่ดูไม่โดดเด่นอะไรนั่น เต็มเปี่ยมไปด้วยห้วงดาบที่เยือกเย็น

“ชัวะ! ชัวะ! ชัวะ! ......”

ในขณะเดียวกัน ก็มีเงาดำหลายร่างมาถึงที่นี่ภายในพริบตา บนตัวทุกคนล้วนมีออร่าห้วงดาบที่เยือกเย็นเหมือนกันแพร่กระจายออกมา ยืนอยู่ข้างลู่เมิ่งเหยา

“นั่นมันคนของหอมกุฎดาบนี่!”

สีหน้าของฮู๋ชิงชิงเปลี่ยนไป ได้ยินคนในตำหนักกิ่งโยงพลังพูดถึงความเป็นมาของคนเหล่านี้ 

หอมกุฎดาบเป็นสำนักที่ฝึกแค่วิถีดาบ เล่ากันว่าอาจารย์ปู่ของหอมกุฎดาบคือผู้แข็งแกร่งวิถีดาบคนหนึ่งที่แทบจะใกล้เคียงกับผู้แกร่งเลิศแล้ว และยิ่งมีข่าวลือเล่ากันว่าอดีตอาจารย์ปู่ของหอมกุฎดาบเคยต่อสู้กับเจ้าศักดิ์สิทธิ์วังชิงเทียน พลานุภาพของดาบเดียว ก็ทำให้เจ้าศักดิ์สิทธิ์ชิงเทียนถดถอย และข่าวคราวดังกล่าวก็สั่นสะเทือนไปทั้งโลกหล้า

ผู้คนในหอมกุฎดาบฝากฝังความรู้สึกไว้กับดาบ นำอารมณ์ความรู้สึกทั้งหมดถ่ายเทเข้าไปในดาบ และคนคนนั้นก็จะเหมือนดังภูเขาน้ำแข็ง ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ศิษย์ทุกคนในหอมกุฎดาบล้วนมีกำลังรบที่น่าทึ่งอย่างยิ่ง 

……

“แซ่หลัว?”

หนิงหานหลิง ลิ่งฮู๋จื่อเซวียนและฮู๋ชิงชิงต่างเคลื่อนไหวอยู่ในตำหนักกิ่งโยงพลัง แม้นหลัวซิวจะอำพรางได้ดีมาโดยตลอด ทว่าอย่างไรเสียนี่ก็เป็นอาณานิคมของวังชิงเทียน 

นักพรตชิงชานมาถึงมิติสมรภูมิกู่ไท่ ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดที่โดดเด่นที่สุดในหมู่อัจฉริยะผู้มีความฉลาดเป็นเลิศแห่งวังชิงเทียน เขาย่อมต้องไปฝึกฝนขัดเกลาที่สนามรบของแดนเทวบรรพอัคคีอยู่แล้ว

แต่ทว่าสิ่งที่เขาคาดไม่ถึงคือเขาจะทราบเบาะแสร่องรอยที่เกี่ยวข้องกับหลัวซิวในตำหนักกิ่งโยงพลัง 

“ยามตั้งใจหาไม่เจอ ยามไม่หากลับเจอโดยบังเอิญ หงบูเอ๊ยหงบู เจ้าก็คงคาดไม่ถึงเช่นกันสินะว่าหลัวซิวจักมาตกหลุมพรางเองที่โลกสวรรค์? อีกทั้งมันยังมามิติสมรภูมิกู่ไท่ที่ถูกควบคุมโดยวังชิงเทียนของข้าด้วย!”

ในฐานะที่เป็นผู้สืบทอดยุคปัจจุบันของวังชิงเทียน แม้นผลการฝึกตนของนักพรตชิงชานเพิ่งจะบรรลุสู่แดนเทพมารระดับเก้า แต่กลับมีอำนาจที่ไม่ธรรมดา เขาตรวจสอบได้อย่างรวดเร็วเลยว่าหลัวซิวทำการเช่าห้องลับห้องหนึ่งในตำหนักกิ่งโยงพลัง บัดนี้ยังคงปิดขังอยู่ภายในห้องลับ 

อ้างอิงจากข่าวคราวที่เขายึดกุม ผลการฝึกตนของหลัวซิวยังบรรลุไม่ถึงแดนเทพมารระดับเก้า ก่อนหน้านี้ครั้นเมื่อผลการฝึกตนของทั้งสองยังอยู่แดนเทพมารระดับแปด นักพรตชิงชานไม่ใช่คู่ต่อสู้ของหลัวซิว แต่ปัจจุบันเขาบรรลุเป็นเทพมารระดับเก้าแล้ว หากหลัวซิวยังเป็นเทพมารระดับแปด เช่นนั้นเขาก็มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมเลยว่าสามารถกำจัดหลัวซิวได้!

“ดูท่าเจ้าแห่งหอคอยฮวงในยุคนี้คงต้องเป็นข้าอย่างไร้ข้อสงสัยแล้วล่ะ!”สภาพจิตใจของนักพรตชิงชานดีมาก ๆ ทันทีที่สามารถกลายเป็นเจ้าแห่งหอคอยฮวง เช่นนั้นแม้นอนาคตมหันตภัยจักมาเยือน เขาก็ต้องเป็นหนึ่งในตัวเอกของอนาคตแน่นอน!

……

“โลกสวรรค์เป็นสถานที่ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสับสนวุ่นวายแล้ว มกุฎศักดิ์สิทธิ์บรรพอัคคีและมหาบรรพตรีภพอุบัติขึ้นมาพร้อมกัน ในเมื่อผู้แข็งแกร่งโบราณทั้งสองคนนั้นเปิดตัวสู่โลกกภายนอกแล้ว เช่นนั้นพวกเขาก็ต้องมีความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมแน่นอน โลกสวรรค์ต้องวุ่นวายในอีกไม่ช้าแน่ ๆ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ