มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2791

หลายวันต่อมา ตำหนักดำที่ลอยมุดไปในอากาศได้หยุดลง เงยหน้ามองไป รอบ ๆ นั้นเป็นห้วงดาราที่กว้างใหญ่ไพศาล

อยู่ด้านหน้าตำหนักดำ มีแผ่นดินผืนหนึ่งลอยอยู่ในห้วงดารา บริเวณตรงกลางของแผ่นดินผืนนี้ สามารถมองเห็นหอคอยโบราณแห่งหนึ่งที่ตั้งสูงตระหง่านอยู่ ตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของกาลเวลา

ติดตามคนของตำหนักปีศาจนภา หลัวซิวได้ขึ้นมายังแผ่นดินในห้วงดาราแห่งนี้ แผ่นดินผืนนี้มีแต่ความรกร้าง มีเพียงหอคอยโบราณที่ตั้งอยู่ตรงกลางแห่งนั้นที่ดึงดูดผู้คน แผ่ซ่านไปด้วยความมหัศจรรย์ของพลังเต๋าที่ทำให้คนรู้สึกเคารพยำเกรง

“นี่น่ะหรือหอคอยนภากาศ?”

หลัวซิวเงยหน้ามองไป พบเพียงว่าหอคอยนภากาศแห่งนี้สูงไม่มีสิ้นสุด เขารวบรวมผลการฝึกตนมาไว้ที่ดวงตา ก็มองเห็นได้อย่างเลือนรางแค่ยี่สิบชั้นเท่านั้น สูงกว่าชั้นที่ยี่สิบขึ้นไป ล้วนซ่อนอยู่ในความว่างเปล่า มองไม่เห็นใด ๆ เลย

ในอัญสมบัติอัษฎทิศ ไม่มีหอคอยนภากาศ แต่ความรู้สึกที่หอคอยโบราณนี้นำมาให้หลัวซิว กลับลี้ลับมหัศจรรย์ยิ่งกว่าอัญสมบัติอัษฎทิศเสียอีก

แท้จริงแล้วสถานการณ์ในอัญสมบัติอัษฎทิศเป็นอย่างไรกันแน่ หลัวซิวมิอาจรู้ได้ ในวังนภาสิบสองมีข้อมูลที่เกี่ยวข้องอยู่ ทว่าคนของตำหนักปีศาจนภากลับไม่ได้นำมาแบ่งปันกับพวกหลัวซิว

ในตอนที่คนของตำหนักปีศาจนภามาถึงที่นี่ คนของวังนภาสิบสองอื่น ๆ ก็ได้มาถึงที่นี่เช่นเดียวกัน ผู้แข็งแกร่งจากวังชิงเทียนคนหนึ่งก้าวเท้าออกมาข้างหน้า ยกมือซัดเคล็ดวิชาหนึ่งออกมา

“พรึบ!”

ลำแสงอันไร้ขอบเขตได้ปลดปล่อยออกมาจากชั้นล่างสุดของหอคอยนภากาศ ประตูที่สามารถมองเห็นได้อย่างเลือนราง ค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า

ผู้คุมกฎของวังชิงเทียนอยู่ในแดนมกุฎเทพระดับเก้าเท่านั้น แน่นอนว่าผลการฝึกตนเช่นนี้ไม่มีความสามารถที่จะเปิดหอคอยนภากาศเพียงลำพังได้ แต่เป็นผู้นำของวังนภาสิบสองที่ได้เปิดหอคอยนภากาศเอาไว้ล่วงหน้า เขาเพียงแค่แสดงวิชาอาถรรพณ์ออกมา เพื่อทำให้หอคอยนภากาศเปิดออกอย่างแท้จริงเท่านั้นเอง

หลังจากหอคอยนภากาศได้เปิดออก ผู้คุมกฎของวังชิงเทียนก็กล่าวขึ้นเสียงดัง: “กำหนดระยะเวลาการเปิดของหอคอยนภากาศคือสามปี อีกสามปีข้างหน้าผู้ใดที่ยังไม่สิ้นชีพไปในหอคอยนภากาศจะถูกส่งออกมา ตอนนี้เข้าไปกันได้แล้ว!”

คนของวังชิงเทียนได้เหาะเข้าไปเป็นอันดับแรก เมื่อเข้าใกล้ประตูที่เปิดออกของหอคอยนภากาศ เงาร่างก็จะเลือนรางลงเรื่อย ๆ จากนั้นก็ค่อย ๆ หายไป

ต่อจากนั้นก็เป็นวังสิงเทียน ตำหนักเวหา ตำหนักเลี่ยเทียน วังปรโลก แล้วค่อยเป็นตำหนักปีศาจนภา

เมื่อแสงอันไร้ขอบเขตที่กระจายออกมาจากหอคอยนภากาศตกอยู่บนร่างของตนเอง หลัวซิวก็รู้สึกได้ว่ามีพลังอันแรงกล้าปกคลุมไปทั่วร่างกายของเขา

จากนั้นก็ตามมาด้วยอาการวิงเวียนศีรษะเล็กน้อย เขายังไม่ทันมีปฏิกิริยาตอบรับว่าเกิดอะไรขึ้น ร่างของเขาก็พลันหายไปอย่างกะทันหัน และได้ปรากฏตัวขึ้นในโลกที่ไม่รู้จักแห่งหนึ่ง

นี่คือพื้นที่ราบอันมองไม่เห็นที่สิ้นสุด ทว่าในโลกแห่งนี้กลับตลบอบอวลไปด้วยกลิ่นอายของเกณฑ์พลังเต๋า ในกลิ่นอายของเกณฑ์พลังเต๋าพวกนี้ เขาสัมผัสได้ถึงพลังเต๋าชิงเทียน พลังเต๋าสิงเทียน พลังเต๋าเวหา พลังเต๋าปรโลก และยังมีกลิ่นอายที่ทัดเทียมได้กับพลังเต๋าสวรรค์อีกมากมาย

กลิ่นอายของเกณฑ์พลังเต๋ามิได้มีเพียงสิบสองชนิดเท่านั้น นี่ทำให้หลัวซิวเข้าใจ สิบสองเต๋าสวรรค์เป็นเพียงเกณฑ์พลังเต๋าที่ค่อนข้างแข็งแกร่งเท่านั้น ยังมีเกณฑ์พลังเต๋าอีกมากมายที่ไม่ด้อยไปกว่าสิบสองเต๋าสวรรค์ หรืออาจแข็งแกร่งยิ่งกว่าสิบสองเต๋าสวรรค์ด้วยซ้ำ

แต่ในทั่วทุกสารทิศของโลกมหาศักดิ์ กลับยากที่จะสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของเกณฑ์พลังเต๋าเหล่านี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการไปตระหนักรู้หรือฝึกฝน ซึ่งมันทำให้หลัวซิวอดไม่ได้ที่จะมีความคิดบางอย่างขึ้นมาในใจ หรือว่าในหอคอยนภากาศแห่งนี้ได้วิวัฒนาการเป็นโลกใบหนึ่งขึ้นมาเอง และเกณฑ์เต๋าของมันก็ครบถ้วนสมบูรณ์ยิ่งกว่าด้านนอกอย่างทุกสารทิศของโลกมหาศักดิ์เช่นนั้นหรือ?

“กลิ่นอายของที่นี่ คล้ายกลับปริศนาปริตรวันจริง แต่เกณฑ์พลังเต๋าจะสมบูรณ์แบบ และพิถีพิถันยิ่งกว่าปริศนาปริตรวันอย่างนับไม่ถ้วน!”

หลัวซิวหลับตาลง ใช้ใจสัมผัสกลิ่นอายของเกณฑ์พลังเต๋า ท่ามกลางเกณฑ์พลังเต๋าอันนับไม่ถ้วน เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของพลังเต๋าก้อนหนึ่งที่อยู่ในนั้น ซึ่งเข้มข้นและบริสุทธิ์ยิ่งกว่ากลิ่นอายพลังเต๋าชนิดอื่น

กลิ่นอายพลังเต๋าชนิดนี้ แฝงไปด้วย Attr เวียนว่ายตายเกิด ทำให้หลัวซิวนึกถึงพลังเต๋าชิงเทียน แต่กลิ่นอายก้อนนี้กลับมหัศจรรย์ลึกซึ้งยิ่งกว่าพลังเต๋าชิงเทียนเสียอีก เหมือนดั่งว่าเต๋าแห่งชิงเทียนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของพลังเต๋าชนิดนี้

“ชีวิตไม่ดับ วิถียุทธ์ไม่สิ้น นี่คือเส้นทางแห่งชีวิต!”

หลัวซิวหลับตา ปากก็กล่าวพึมพำ แต่รอบ ๆ นั้นมีเพียงความว่างเปล่า ไม่มีคนอื่น ๆ อยู่เลย

วิถีแห่งชีวิต ไม่ได้หมายถึงวิถีของการดำรงชีวิตเท่านั้น แต่เป็นวิถีแห่งการก่อกำเนิด วิถีแห่งการกระทำ

สายน้ำหลั่งไหล ติดต่อกันไม่ขาดสายสะท้อนให้เห็นวิถีแห่งชีวิต พลังเวทย์ยาวนานมากมายมหาศาล มีมาอยู่ไม่ขาด นั่นก็เป็นวิถีแห่งชีวิต

ส่วนการเวียนว่ายตายเกิดของวิถีชิงเทียนนั้น เป็นสิ่งสะท้อนให้เห็นวิถีแห่งชีวิตในขั้นที่สูงขึ้น หากแบ่งความมหัศจรรย์ของวิถีแห่งชีวิตออกเป็นสิบส่วน เช่นนั้นการเวียนว่ายตายเกิดของวิถีชิงเทียน ก็แทบจะมีความมหัศจรรย์ของวิถีแห่งชีวิตที่สมบูรณ์ปะปนอยู่ถึงแปดส่วน

“ความสมบูรณ์แบบของวิถีชีวิต เป็นธรรมดั้งเดิมที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันกับธรรมเวชกาลร้าง!”

หลัวซิวเหมือนจะตระหนักรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง เหมือนว่าเขาจะเข้าใจอย่างคลับคล้ายคลับคลา ต้องการข้ามผ่านแดนประมุขเต๋า บรรลุถึงขั้นบรรพเทพกับแดนเซียนในตำนาน มีเพียงธรรมดั้งเดิมถึงจะสามารถทำได้

เพียงแต่ว่าความมหัศจรรย์ของธรรมดั้งเดิมนั้นลึกซึ้งเกินไป หลัวซิวถูกผูกมัดด้วยแดนการฝึกตนขอตนเอง จึงไม่สามารถตระหนักรู้ได้มากสักเท่าไรนัก

หลัวซิวเดินเรื่อยเปื่อยไปในทุ่งหญ้าที่ไร้ขอบเขตแห่งนี้ สองชั่วยามผ่านไป จู่ ๆ เขาก็ชะงักฝีเท้าลง เนื่องจากเขาได้มองเห็นทะเลสาบแห่งหนึ่ง ตรงกลางของทะเลสาบแห่งนี้ มีหมอกควันอันหนาทึบรายล้อมอยู่ ในกลุ่มหมอกควัน หินก้อนหนึ่งที่มีขนาดเท่ากำปั้นปรากฏให้เห็นอย่างเลือนราง

แม้ว่าหลัวซิวจะไม่เคยได้เห็นหินนภาพลังเต๋ามาก่อน แต่เขาก็พอจะมั่นใจได้ว่า หินก้อนนี้ก็คือหินนภาพลังเต๋า

หลัวซิวคิดไม่ถึงว่าจะหาหินนภาพลังเต๋าเจออย่างง่ายดายเช่นนี้ แต่หากนำหินนภาพลังเต๋าไปด้วยก็ต้องมอบออกไป แม้ว่าเขาจะมีวิธีซ่อนมันเอาไว้ได้ แต่หากหินนภาพลังเต๋าที่นำออกมามีจำนวนไม่พอ ก็อาจทำให้พลาดโอกาสโชคชะตาในสถานแหล่งเต๋าไปก็ได้

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ