มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2792

“ตึง!”

หลัวซิวเดินออกไปด้านหน้าอีกครั้ง ร่างของเขาเหมือนดั่งได้กลายเป็นหอคอยฮวง ทุกอย่างในรัศมีหมื่นลี้ที่มีเขาเป็นจุดศูนย์กลางต่างได้ถูกกดทับ ลำแสงสีทองสว่างวาววับสายแล้วสายเล่าซึ่งแฝงไปด้วยเกณฑ์พลังเต๋าของธรรมเวชกาลร้าง กลายเป็นวังวน ทำลายล้างทุกสิ่งอย่าง

เผชิญหน้ากับการโจมตีเช่นนี้ ชายวัยกลางคนหวาดผวาอย่างสุดขีด ขยับถอยหลังไปด้วยความเร็วที่สุดในชีวิต เขาทราบเป็นอย่างดีว่าหากไม่ถอยในตอนนี้ คงต้องตายอย่างแน่นอน!

“ครืนนน!”

เสียงดังสนั่นหวั่นไหวสะเทือนฟ้าสะเทือนดิน หลุมขนาดใหญ่ที่ลึกจนมองไม่เห็นก้นปรากฏขึ้นบนพื้น แสงเทวรายล้อมอยู่รอบ ๆ ร่างของหลัวซิวเดินออกมาจากฝุ่นละอองที่ลอยตลบอบอวล

ตราต้าฮวงไม่ได้โจมตีโดนศัตรู หลัวซิวไม่ใส่ใจเลยสักนิด เพราะเขาไม่ได้คิดจะใช้ตราต้าฮวงมาปลิดชีวิตคนผู้นี้อยู่แล้ว จุดมุ่งหมายของเขาคือต้องการทดลองดูว่าวิญญาณอมตะที่ตนเองสร้างขึ้นบรรลุถึงขั้นใดกันแน่

ร่างของชายวัยกลางคนได้ถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว สีหน้าที่ทางบนใบหน้าหวาดหวั่นเกรงกลัว ความดุร้ายปรากฏขึ้นมาเป็นบางครั้งคราว

แม้ว่าเขาจะถอยหลังไปอย่างรวดเร็วแล้วก็ตาม แต่การโจมตีทางวิญญาณนั้นไร้รูปลักษณ์ไร้สุ้มเสียง ในขณะนี้เขาก็กำลังใช้พลังทั้งหมดขับเคลื่อนอาวุธเทพปกป้องวิญญาณเพื่อต่อต้านแรงสยบของหอคอยเทวสีทองในตัวหยั่งรู้

การต่อสู้ในตัวสำนึกวิญญาณนั้นอันตรายยิ่งนัก ผลลัพธ์ก็คือแทบจะพูดได้ว่าไม่ใช่เจ้าก็ข้าต้องตายกันไปข้างหนึ่ง และก็เพราะเหตุนี้ การฝึกฝนวิถีกลั่นวิญญาณถึงได้พบเห็นได้ยาก เพราะถ้าหากคู่ต่อสู้สามารถป้องกันการโจมตีทางวิญญาณของเจ้าได้ เช่นนั้นจุดจบของนักยุทธ์กลั่นวิญญาณ โดยหลักแล้วมีเพียงตายเท่านั้น

แต่ถ้าหากว่าการโจมตีทางวิญญาณของเจ้าแข็งแกร่งได้ที่เปรียบ นักยุทธ์กลั่นวิญญาณก็จะราบรื่นไปเสียทุกอย่าง

ส่วนการปรากฏของอาวุธเทพปกป้องวิญญาณกับพลังอมตะ ความจริงแล้วส่วนใหญ่ก็เพื่อยับยั้งพลังอมตะโจมตีวิญญาณ

“ฉีกชั้นฟ้า!”

ประกายแสงแวววาวอยู่ในดวงตาของหลัวซิว ตัวสำนึกวิญญาณได้ใช้วิถีไร้ลักษณ์แปรผันขึ้นมาอีกครั้ง รูปลักษณ์การโจมตีของหอคอยเทวทองพลันเปลี่ยนไป กลายเป็นดาบเทพเล่มหนึ่ง ดาบเทพที่สามารถทำลายสิ่งป้องกันทุกอย่างได้!

ในนั้นได้แฝงไปด้วยความมหัศจรรย์ของวิถีฉีกชั้นฟ้า ในฐานะที่วิถีฉีกชั้นฟ้าเป็นหนึ่งในสิบสองของเต๋าสวรรค์ Attrพลังเต๋าของมันก็คือฉีกขาดทุกอย่างที่ขัดขวาง ขึ้นชื่อเรื่องพลังสังหารที่ไร้เทียมทาน

“พลัวะ!”

ชายวัยกลางคนอ้าปากกระอักเลือดออกมา อาวุธเทพปกป้องวิญญาณที่ลอยอยู่เหนือช่องจิตก็ได้ปรากฏรอยร้าว ภายใต้คมของดาบเทพที่ฟันลงมา มันได้ค่อย ๆ ต้านทานไม่ไหว

แม้ว่าพลังสะท้อนกลับของอาวุธเทพปกป้องวิญญาณก็ทำให้ดาบเทพเลี่ยเทียนที่ตัวสำนึกผนึกรวมขึ้นมาแตกร้าวครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ Attrเวียนว่ายตายเกิดของวิถีชิงเทียนที่เขาแสดงออกมาโดยวิถีไร้ลักษณ์ ทุกครั้งที่ตัวสำนึกแตกร้าวก็จะผนึกรวมขึ้นมาใหม่อีกครั้ง แทบจะไม่ได้รับความสูญเสียใด ๆ เลย

“เตาเพลิงธรรม!”

ตัวสำนึกของหลัวซิวเปลี่ยนแปลงไปต่าง ๆ นานาในตัวหยั่งรู้ของอีกฝ่าย ตอนนี้ได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง กลายเป็นเตาเซียนใบหนึ่ง เตาเซียนใบนี่มีความเก่าแก่คร่ำครึ แฝงไปด้วยพื้นผิวธรรมดั้งเดิมนับไม่ถ้วน เสียงกระแทกปังดังนั้น ได้เก็บเอาช่องจิตรวมทั้งอาวุธเทพปกป้องวิญญาณของอีกฝ่าย เข้าไปในเตาเซียน

ในเวลาเดียวกัน หลัวซิวได้แยกตัวสำนึกออกมากลายรูปเป็นหอคอยฮวง เสียงครืนดังขึ้น ทับลงไปบนเตาเพลิงธรรม

นอกตัวหยั่งรู้ ในสายตาของหลัวซิว ดวงตาทั้งคู่ของชายวัยกลางคนผู้นั้นเหม่อลอยไปในทันที จากนั้นร่างกายก็ไม่อาจควบคุมได้ ร่วงหล่นลงมาจากกลางท้องฟ้า

เพราะวิญญาณดั้งเดิมของชายวัยกลางคนได้ถูกหลัวซิวสยบปิดผนึกเอาไว้ เมื่อร่างเนื้อสูญเสียวิญญาณไป ก็เป็นธรรมดาที่จะสูญเสียธาตุทิพย์ไปด้วย

หลัวซิวยื่นมือออกไปคว้า แหวนเก็บของบนร่างของชายวัยกลางคนรวมทั้งกระบี่เทพทั้งสองเล่มที่เขาเซ่นออกมาเมื่อก่อนหน้านี้ ได้กลายมาเป็นของหลัวซิวทั้งหมด

จากนั้น ตรงกลางระหว่างคิ้วของชายวัยกลางคนได้แยกเปิดออก ลำแสงสายหนึ่งได้ลอยออกมาจากด้านใน หล่นลงบนฝ่ามือของหลัวซิว หอคอยฮวงทับอยู่บนเตาเพลิง นี่ก็คือความมหัศจรรย์ที่หลัวซิวได้แสดงธรรมเวชกาลร้างกับธรรมเวชกาลล้นออกมาพร้อมกัน

ธรรมเวชกาลร้างดั้งเดิม เป็นวิถีแห่งร่างเนื้อ เป็นตัวแทนความแข็งแกร่งของร่างเนื้อ หากสามารถชุบร่างเนื้อจนถึงขั้นเดียวกันกับหอคอยฮวง ก็จะเรียกได้ว่าร่างเนื้อได้บรรลุถึงขึ้นสูงสุดแล้ว

ส่วนความแข็งแกร่งของวิถีแห่งร่างเนื้ออยู่ที่ความรุนแรงกับความบ้าระห่ำ อาศัยร่างเนื้อมหาวาลสยบการโจมตีและการป้องกันทั้งหมดของอีกฝ่าย นี่ถึงเป็นแก่นสารของวิถีแห่งร่างเนื้อ

ส่วนแก่นสารของธรรมเวชกาลล้นดั้งเดิมนั้นอยู่ที่การกลั่นแปร สยบด้วยธรรมเวชกาลร้าง กลั่นแปรด้วยวิถีอหังการ พูดได้ว่าเป็นการผสมผสานที่ลงตัว พอรวมเข้าด้วยกันก็คือิิวิถีหงฮวง(ล้นร้าง)!

เวลานี้ในเตาเพลิงที่แปลงขึ้นมาจากตัวสำนึก เปลวเพลิงสายแล้วสายเล่าได้รวมกันเป็นวังวน นี่ทำให้ช่องจิตที่เกิดจากการรวบรวมวิญญาณดั้งเดิมของชายวัยกลางคน พลันรู้สึกขึ้นมาว่าตัวสำนึกวิญญาณของตนเองถูกดูดกลืนไปกลั่นแปรอย่างต่อเนื่อง กลิ่นอายดั้งเดิมก็ได้อ่อนแอลงไปตาม

“นี่คือ...... วิถีกลั่นแปรเตาอหังการ!”

ชายวัยกลางคนตะลึงหน้าเปลี่ยนสี อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้แข็งแกร่งที่มาจากวังชิงเทียน โลกทัศน์และประสบการณ์ไม่ธรรมดา พอจะเข้าใจและเคยได้ยินเรื่องสิ่งล้ำค่าเตาเพลิงของโลกท่วมท้นมาบ้าง

เป็นเช่นนั้นอยู่ไม่นานสักเท่าไรนัก เดิมทีแดนตัวสำนึกของชายวัยกลางคนก็เทียบกับหลัวซิวไม่ได้อยู่แล้ว เขาสามารถต้านทานการโจมตีของวิญญาณอมตะได้ เป็นเพราะอาศัยอาวุธเทพปกป้องวิญญาณ

แต่เมื่อเผชิญกับการกลั่นแปรของธรรมเวชกาลล้น ต่อให้เป็นอาวุธเทพปกป้องวิญญาณก็ไร้ซึ่งประโยชน์ บวกกับการสยบของธรรมเวชกาลร้าง ทำให้เขาไม่อาจหนีและต่อต้านได้ ตอนที่ถูกผนึกเข้าไปในเตาเพลิง จุดจบนั้นได้ถูกกำหนดเอาไว้แล้ว

ชายวัยกลางคนผู้นี้เป็นผู้แข็งแกร่งเทพมารระดับเก้าขั้นปฐมภูมิ เนื่องจากได้ฝึกฝนวรยุทธ์และพลังอมตะระดับประมุขเต๋า ดังนั้นฝีมือจึงค่อนข้างร้ายกาจ หลังจากได้กลั่นแปรช่องจิตวิญญาณดั้งเดิมของคนผู้นั้นแล้ว หลัวซิวรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าพลังแห่งตัวสำนึกของตนเองแข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อย

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ