มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2795

“สี่เศียรแปดแขนเป็นรูปแบบการโจมตีที่ร้ายกาจมากเลยทีเดียว!”

คู่ต่อสู้อย่างอสุราแปดแขน ยังคงเทียบไม่ได้กับความแข็งแกร่งของนักยุทธ์ขั้นราชาเทพระดับเก้า เพราะอสุราแปดแขนไม่มีสติปัญญาอะไร ไม่รู้จักการฝึกฝนและไม่เข้าใจพลังอมตะ

แม้ว่าพลังการโจมตีโดยตรงจากการฟาดฟันอาวุธจะร้ายกาจมากก็ตาม แต่ความจริงแล้วมันรับมือได้ง่ายมาก

ขณะที่การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป นักยุทธ์คนอื่นก็ค่อย ๆ สังเกตเห็นลักษณะเด่นนี้เหมือนกัน วิสัยทัศน์ได้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่หวาดหวั่นเกรงกลัวเช่นนั้นอีกต่อไป

ในระหว่างการต่อสู้ สิ่งที่หลัวซิวให้ความสนใจนั้นกลับเป็นรูปแบบการต่อสู้ของอสุราแปดแขน เข้าได้ลองจินตนาการในสมองดู หากว่าเขามีแปดแขน เช่นนั้นการร่ายตราประทับพลังอมตะแปดมือพร้อมกัน มันจะมีอานุภาพที่ร้ายกาจถึงเพียงใดหรือ?

ลองครุ่นคิดดู เมื่อเผชิญหน้ากับศัตรูที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง เขาพลันแสดงแขนทั้งแปดออกมา และร่ายพลังอมตะขึ้นมาพร้อมกันแปดแขนง ยกเว้นผู้แข็งแกร่งที่มีผลการฝึกตนเหนือกว่าเขาหนึ่งแดนใหญ่แล้ว ใครบ้างจะสามารถต้านทานได้?

แต่นักยุทธ์เผ่าพันธุ์มนุษย์มีสองแขนมาตั้งแต่กำเนิด แนวคิดพลังอมตะเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของร่างเนื้อเช่นนี้ ก่อนหน้านี้ก็เคยมีคนคิดมาก่อนอยู่ แต่ร่างเนื้อขอมนุษย์นั้นแฝงไปด้วยความอัศจรรย์ไร้ซึ่งขีดจำกัด การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างร่างเนื้ออย่างสมบูรณ์แบบ มันใช่เรื่องง่ายเสียที่ไหนกันเล่า?

ทว่าในเมื่อความคิดเช่นนี้ได้เกิดขึ้นมาในสมองแล้ว หลัวซิวก็จดจำมันเอาไว้อย่างเงียบ ๆ หากสามารถสร้างวิชาอมตะเช่นนี้ขึ้นมาได้ ฝีมือของเขาต้องเพิ่มระดับขึ้นมาหลายเท่าอย่างแน่นอน!

“สวบ!”

ร่างของหลัวซิวก้าวถอยหลัง ในเวลานี้เขาไม่รีบร้อนที่จะกำจัดอสุราแปดแขนตนนี้แล้ว เขาต้องการสังเกตโครงสร้างร่างเนื้อของอสุราแปดแขนตนนี้ เพื่อนำมาใช้สร้างพลังอมตะสำหรับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างร่างเนื้อของมนุษย์

คนอื่น ๆ เห็นหลัวซิวก้าวถอยหลัง สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที เพราะพวกเขาทราบเป็นอย่างดีว่าเหตุที่สามารถได้เปรียบในการต่อสู้กับอสุราแปดแขนนั้น เป็นเพราะอาศัยพลังการต่อสู้ที่ร้ายกาจของหลัวซิวเกือบทั้งหมด

“พวกเราลงมืออย่างเต็มที่ ข้าจะคอยช่วยโจมตีอยู่ด้านหลัง” หลัวซิวกล่าวขึ้น

สำหรับคำพูดนี้คนอื่น ๆ ต่างพากันเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ทุกครั้งที่อสุราแปดแขนโจมตี คลื่นพลังวิญญาณที่ไร้รูปร่างและสุ้มเสียงสายหนึ่งก็จะปรากฏขึ้น จากนั้นอสุราแปดแขนก็ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ความเคลื่อนไหวของการโจมตีได้ชะงักลงตาม เช่นนี้แล้ว คนอื่น ๆ ก็จะตอบสนองอย่างรวดเร็วและหลบพ้นการโจมตี หรือกระทั่งสามารถโจมตีกลับได้อีกด้วยซ้ำ

นี่ทำให้ทุกคนเข้าใจว่า บุรุษหนุ่มชุดดำผู้นี้ไม่เพียงมีร่างเนื้อที่แข็งแกร่ง ทั้งยังเป็นยอดฝีมือที่ชำนาญด้านพลังอมตะโจมตีวิญญาณอีกด้วย มีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้ยืนอยู่ฝ่ายตนเอง ไม่พูดไม่ได้ว่านี่เป็นความโชคดีอย่างหนึ่งของพวกตน

ในทางกลับกันทางด้านเฮ่าเฟิงหยางกับสิงจง ดูเหมือนจะไม่สบายเหมือนพวกหลัวซิว นี่ก็คือบทบาทอันทรงพลังในการต่อสู้เป็นทีมของหลัวซิว

หลังจากผ่านไปเป็นเวลานาน อสุราแปดแขนได้ร้องโหยหวนออกมาอย่างไม่อาจทำใจได้ เลือดสด ๆ ไหลอาบไปทั่วร่างยักษ์สูงร้องจั้ง ล้มกระแทกลงไปกับพื้น

แม้กว่าทุกคนต่างได้รับการบาดเจ็บจากการต่อสู้ในครั้งนี้ แต่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อยิ่งนัก จักต้องรู้ว่ายอดฝีมือที่มีผลการฝึกตนในขั้นเทพมารระดับเก้าขึ้นไปได้ถูกเฮ่าเฟิงหยางเลือกไปหมดแล้ว ฝ่ายพวกเขาเป็นเทพมารระดับแปดขั้นสูงสุดเกือบทั้งหมด และการร่วมมือของเทพมารระดับแปดขั้นสูงสุด กลับสามารถล้มอสุราแปดแขนขั้นราชาเทพระดับเก้าได้ เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เช่นนี้กลับถูกพวกเขาทำได้สำเร็จ

“อสุราแปดแขนตนนี้เป็นภูตศักดิ์สิทธิ์โบราณ ร่างของมันก็นับเป็นของล้ำค่าอย่างหนึ่ง!”

หลังจากการต่อสู้ได้สิ้นสุดลง สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ศพของอสุราแปดแขน แต่กลับไม่มีผู้ใดลงมือ แต่ได้เลื่อนสายตาไปมองหลัวซิว

“ศิษย์พี่ท่านนี้ ที่พวกเราสามารถสังหารอสุราแปดแขนตนนี้ได้ล้วนเป็นเพราะการช่วยเหลือจากศิษย์พี่ ร่างของอสุราแปดแขนตนนี้ มอบให้ศิษย์พี่เป็นคนจัดการก็แล้วกัน” บุรุษหนึ่งผมยาวคนหนึ่งเดินมาหยุดที่ด้านหน้าหลัวซิวแล้วประสานมือกล่าว

“เช่นนั้นข้าก็ไม่เกรงใจแล้วนะ” หลัวซิวพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม จากนั้นก็โบกมือเก็บร่างอสุราแปดแขนเข้าไปไว้ในแหวนเก็บของ

เขาต้องการร่างของอสุราแปดแขนนี้มากจริง ๆ เขาจำเป็นต้องศึกษาโครงสร้างร่างเนื้อของอสุราแปดแขนตนนี้ เพื่อสร้างพลังอมตะร่างเนื้อที่เขาปรารถนา

ในขณะเดียวกันนั้น การต่อสู้ทางสิงจงกับเฮ่าเฟิงหยางก็ได้สิ้นสุดลงเช่นเดียวกัน ศพของอสุราแปดแขนได้ถูกเฮ่าเฟิงหยางเก็บลงไป

“พวกเจ้ากำจัดอสุราแปดแขนได้เช่นนั้นหรือนี่?”

เมื่อสายตาของสิงจงสังเกตเห็นสถานการณ์ทางฝั่งพวกหลัวซิว แววความเคร่งครัดได้ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขา ตามทฤษฎีทั่วไป ต่อให้เทพมารระดับแปดขั้นสูงสุดมีจำนวนมากแค่ไหน ก็ไม่มีทางที่จะเอาชนะราชาเทพระดับเก้าได้

แม้ว่าความสามารถของอสุราแปดแขนจะด้อยกว่าราชาเทพระดับเก้าอยู่อีกมาก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นราชาเทพระดับเก้า จะเป็นไปได้อย่างไรที่เทพมารระดับแปดขั้นสูงสุดจะสามารถท้าทายได้?

ทว่าความจริงได้ปรากฏอยู่ตรงหน้า อสุราแปดแขนได้ถูกกำจัดแล้วจริง ๆ และยังกำจัดได้เร็วกว่าเขากับเฮ่าเฟิงหยางเสียอีก

“ศพของอสุราแปดแขนเล่า?” สิงจงก้าวเท้าเดินเข้ามา กวาดสายตามองพวกหลัวซิวอย่างดุดัน น้ำเสียงแข็งกระด้างเป็นที่สุด

“อสุราแปดแขนที่พวกเราร่วมมือกันสังหาร มันเกี่ยวอะไรกับเจ้าด้วยหรือ?” หลัวซิวขมวดคิ้ว เอ่ยตามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“สามหาว!”

สิงจงตวาดขึ้น รัศมีพลังปะทุขึ้นมารอบกาย “เจ้าเป็นตัวอะไร ถึงกล้าพูดกับข้าเช่นนี้?”

ระหว่างที่พูดนั้น สิงจงก็พลิกฝ่ามือ หอกเทวอัสนีม่วงเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นมาในมือของเขา แล้วแทงหอกเข้าใส่หลัวซิว

ตอนที่ต่อสู้กับอสุราแปดแขน สิงจงกับเฮ่าเฟิงหยางไม่ได้ลงมือโดยใช้พลังทั้งหมด ตอนนี้กลับทำให้พวกเขาสังหารอสุราแปดแขนได้ช้ากว่าพวกเทพมารระดับแปดขั้นสูงสุด มันทำให้สิงจงต้องการหาโอกาส แสดงฝีมือที่ร้ายกาจของตนเองออกมา เพื่อให้ผู้คนได้ตกตะลึง

ทว่าสิงจงได้เลือกหลังซิวเพื่อประกาศศักดา กลับเป็นการเลือกผิดคู่ต่อสู้

“เคร้ง!”

กระบี่เทพที่เปล่งประกายสีเขียวแวววาวปรากฏขึ้นมาในมือของหลัวซิว คมกระบี่และคมหอกกระทบเข้าด้วยกัน เกิดเป็นประกายไปสาดกระเซ็น

ร่างของหลัวซิวไม่ขยับเขยื้อน ตรงกันข้ามสิงจงกลับได้ก้าวถอยหลังไปหลายก้าว แรงกระแทกที่สะเทือนมาตามหอกเทพ ทำให้ง่ามมือของเขารู้สึกเหน็บชา

“ภัณฑ์มกุฎเทพระดับเก้า!”

สายตาของสิงจงจ้องมองไปที่กระบี่เทพที่อยู่ในมือของหลัวซิว นักยุทธ์ที่ไม่ได้มาจากวังนภาสิบสอง ก็มีอาวุธระดับนี้อยู่ในมือด้วยหรือ?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ