มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2796

“ฟึ่บ!”

เลือดสีแดงสดสาดกระเด็น ถึงแม้สิงจงจะถอยหลังกลับไปด้วยความเร็วที่รวดเร็วที่สุดแล้ว แต่ก็ถูกแสงกระบี่ของกระบี่ร่องฟ้าตัดจนแขนหลุดไปข้างหนึ่งอยู่ดี 

แขนระเบิดแตกเป็นหมอกเลือด ความรู้สึกที่เจ็บปวดรวดร้าวทำให้เส้นเลือดบริเวณขมับของสิงจงนูนขึ้น สีหน้าขาวซีดเล็กน้อย

แต่เขากลับไม่กล้าพูดจาไร้สาระเลยแม้แต่น้อย ถอยหลังหลบหนีไปโดยไม่ลังเลใจ เกรงว่าฝ่ายตรงข้ามจะคว้าโอกาสสังหารเขาที่นี่

เขาไม่ได้คาดหวังอะไรในตัวเฮ่าเฟิงหยางแล้ว เนื่องจากถึงแม้เขาจะร่วมมือกับเฮ่าเฟิงหยาง ก็ไม่มีทางใช้คู่ต่อสู้ของชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำนี่แน่นอน

อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้สิงจงรู้สึกอัดอั้นตันใจมากที่สุดคือเขาพ่ายแพ้แล้ว แต่กลับไม่ทราบเลยว่าความเป็นมาของผู้ที่โค่นล้มตนเป็นอย่างไรกันแน่

ขณะที่สิงจงลงมือ เฮ่าเฟิงหยางก็วางแผนที่จะลงมือเช่นกัน ในเมื่อจะแตกหักกันไปข้างหนึ่ง ต้องมีการเข่นฆ่ากันอยู่แล้ว ขอแค่จัดการตัวปัญหาคนนี้ทิ้ง ผู้ใดจะได้ครอบครองต้นยาเซียนทั้งหมดในป่าไม้แห่งนี้ ก็ขึ้นอยู่กับอำนาจของพวกเขาทั้งสองคนแล้วล่ะ

แต่สิ่งที่เฮ่าเฟิงหยางคิดไม่ถึงคือสิงจงจะพ่ายแพ้ได้ราบคาบขนาดนี้ แค่ประมือกันเพียงกระบวนท่าเดียว สิงจงก็ถูกโค่นล้มไปแล้ว ยิ่งกว่านั้นคือยังหลบหนีออกไปอย่างน่าเวทนาอีก ไม่กล้าพูดจาข่มขู่อะไรเลยแม้แต่คำเดียว 

หลัวซิวไม่ได้ไล่ล่าสิงจงแต่อย่างใด แม้นเขาก็ทราบดีเช่นกันว่าคนอย่างสิงจงเป็นคนที่จิตใจคับแคบ ต้องตามกลับมาแก้แค้นแน่นอน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับการไปไล่ล่าสิงจงแล้ว สิ่งที่เขาใส่ใจมากกว่ากลับเป็นต้นยาเซียนที่อยู่ที่นี่ 

มีความรู้สึกผิดหวังจาง ๆ กระพริบผ่านไปในแววตาเฮ่าเฟิงหยาง หากเจ้าผู้เก่งกาจนี่ออกไปไล่ล่าสิงจงละก็ เขาก็จะมีโอกาสเก็บเกี่ยวต้นยาเซียนที่มีระดับขั้นสูงได้บ้างแล้ว

หลัวซิวกวาดตามองเฮ่าเฟิงหยางด้วยสายตาที่เยือกเย็นรอบหนึ่ง แม้นเขาจะไม่ได้พูดอะไรก็ตาม แต่เฮ่าเฟิงหยางกลับสามารถสัมผัสได้ถึงการตักเตือนของฝ่ายตรงข้าม นี่จึงทำให้เฮ่าเฟิงหยางอัดอั้นไฟโกรธอยู่เต็มหัวใจ ในฐานะที่เป็นบุตรผู้ภาคภูมิของสวรรค์แห่งตำหนักเวหา เขาเคยอัดอั้นตันใจเช่นนี้มาก่อนหรือ?

ในส่วนของเรื่องที่ว่าเฮ่าเฟิงหยางจะคิดอย่างไรนั้น หลัวซิวเบื่อที่จะสนใจด้วยซ้ำ เขาทำการเก็บเกี่ยวต้นยาเซียนระดับราชาชั้นเก้าต่อ ขอแค่ไม่ใช่ยาเซียนที่เขาต้องตา เขาก็จะไม่ไปแย่ง ต้นยาเซียนที่ขึ้นอยู่ที่นี่มีเยอะมาก ๆ เขายังไม่ได้โลภถึงขั้นที่จะกลืนกินทุกอย่างคนเดียว 

“ยาเซียนระดับราชาชั้นเก้าพรสวรรค์!”

เมื่อมาถึงส่วนที่ลึกที่สุดของป่าไม้แห่งนี้ ในที่สุดหลัวซิวก็เจอของดีที่ตัวเองใฝ่ฝันมาโดยตลอด

ยาเซียนระดับราชาพรสวรรค์มีทั้งหมดสามต้น ภายในยาเซียนทุกต้นล้วนมีออร่าเริงชีวีที่เข้มข้นแฝงซ่อนอยู่ จึงแสดงให้เห็นเลยว่ามันเป็นยาเซียนพิเศษที่กำเนิดจากสภาพแวดล้อมฟ้าดินที่พิเศษในหอคอยนภากาศ

ในละแวกใกล้เคียงของยาเซียนระดับราชาพรสวรรค์ทั้งสามต้นนั้น ผู้คนยังมองเห็นบ้านไม้อีกหนึ่งหลัง มีกลิ่นอายแห่งกาลเวลาตลบฟุ้งออกมาจากบ้านไม้หลังนั้น ซึ่งไม่รู้ว่ามันคงอยู่มานานเท่าไหร่แล้ว

เมื่อนึกถึงค่ายกลพรสวรรค์ต้องห้ามที่อยู่ด้านนอก รูม่านตาของหลัวซิวก็หดลงเล็กน้อย การที่จะเข้าไปบ้านไม้หลังนั้นโดยไม่แตะต้องค่ายกลพรสวรรค์นั้น นอกซะจากการตระหนักรู้และความเข้าใจในวิถีค่ายจะบรรลุถึงแดนที่สูงมาก ๆ แล้ว ผลการฝึกตนของคนคนนั้นก็ต้องสูงถึงขั้นที่ไม่อาจคาดเดาได้เช่นกัน

สถานที่แห่งนี้น่าจะเป็นที่พักของผู้แข็งแกร่งโบราณคนใดคนหนึ่ง มันยากที่จะจินตนาการได้จริง ๆ ว่าจะเคยมีคนพักอยู่อาศัยในสถานที่อย่างหอคอยนภากาศด้วย

มีประวัติศาสตร์มากมายที่ผู้คนไม่ทราบฝังซ่อนอยู่ในกาลเวลาที่เก่าแก่ ช่วงประวัติศาสตร์ที่สลายหายไปจากสายน้ำแห่งประวัติศาสตร์ ก็เคยมีผู้แข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สะเทือนฟ้าสะเทือนดินอุบัติขึ้นมาหลายท่านเช่นกัน

หลัวซิวไม่มีความคิดที่จะแบ่งยาเซียนระดับราชาพรสวรรค์สามต้นให้ผู้อื่น คนอื่นที่เหลือก็ทำได้เพียงมองดูเขาเก็บเกี่ยวต้นยาเซียนไปต่อหน้าต่อตา แต่กลับไม่กล้าคัดค้านเลยแม้แต่น้อย มิฉะนั้นจุดจบก็จะเป็นอย่างสิงจง 

มีจิตสังหารเปี่ยมล้นไปทั้งหัวใจเฮ่าเฟิงหยาง เขาตัดสินใจแล้วว่าจะทำการสืบทราบให้ได้ว่าความเป็นมาของเจ้าหมอนี่เป็นอย่างไรกันแน่ บังอาจกระตุกหนวดเสือ กูจะทำให้มึงอยู่ไม่สุขในโลกสวรรค์!

ล้มเลิกความคิดที่มีต่อยาเซียนพรสวรรค์ บัดนี้แววตาของทุกคนล้วนผนึกไปที่บ้านไม้หลังนั้น 

การที่มีบ้านไม้อยู่ในนี้นั้น ไม่เพียงแค่หลัวซิวคนเดียวเท่านั้นที่คาดเดาได้ว่าเคยมีผู้แข็งแกร่งโบราณฝึกตนอยู่ที่นี่ คนอื่นที่เหลือก็สามารถคาดเดาได้เช่นกัน 

มีความเป็นไปได้สูงมากว่าอาจมีการถ่ายทอดสืบสานที่น่าทึ่งของผู้แข็งแกร่งโบราณคงอยู่ในบ้านไม้หลังนั้น

หลัวซิวไม่ได้เดินตรงไปแต่อย่างใด เพียงแวบเดียวเขาก็สัมผัสได้แล้วว่าบริเวณรอบบ้านไม้มีค่ายกลต้องห้ามที่นับไม่ถ้วนจัดวางอยู่ ซึ่งความล้ำลึกของค่ายกลต้องห้ามเหล่านั้นอยู่เหนือขอบเขตความเข้าใจในวิถีค่ายของเขาแล้ว

หากพูดถึงมาตรฐานด้านค่ายกล ปัจจุบันหลัวซิวแค่สามารถจัดวางค่ายกลระดับราชาชั้นเก้า แต่ถ้าเกิดพูดถึงระดับฝีมือด้านค่ายกล หลัวซิวกลับอยู่ในระดับผู้สูงส่งอย่างแท้จริงเลยล่ะ

ทว่าแม้นระดับฝีมือในวิถีค่ายจักเป็นเช่นนี้ เขากลับมองค่ายกลที่อยู่รอบบ้านไม้หลังนี้ไม่ทะลุปรุโปร่งอยู่ดี ซึ่งนี่ก็หมายความว่าค่ายกลต้องห้ามที่อยู่ ณ สถานที่แห่งนี้อยู่เหนือระดับผู้สูงส่งทั่วไป!

หรืออาจจะเป็นค่ายกลระดับผู้สูงส่งที่ลึกซึ้งกว่ามาก และอาจจะเป็นค่ายกลที่อยู่เหนือระดับผู้สูงส่งแล้ว!

สำหรับผลลัพธ์ทั้งสองประเภทที่กล่าวมาข้างต้นนั้น หลัวซิวคิดว่ามันมีแนวโน้มไปทางประเภทที่สองมากกว่า 

แผ่ขยายตัวสำนึกออกไป หลัวซิวสัมผัสออร่าของต้นยาเซียนต้นอื่น ๆ ไม่ได้แล้ว เมื่อต้นยาเซียนทั้งหมดทยอยถูกผู้คนจัดสรรเสร็จสรรพ ออร่ายาเซียนของสถานที่แห่งนี้ก็เริ่มค่อย ๆ สลายหายไป 

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ หลัวซิวก็ไม่มีความคิดที่จะหยุดอยู่ที่นี่ต่อแล้ว ก่อนที่เขาจะกระโดดขึ้นฟ้าแล้วหายไปจากนภา 

เพ่งมองแผ่นหลังของหลัวซิวที่จากไป ในขณะที่จิตใจของเฮ่าเฟิงหยางเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหารนั้น เขาก็รู้สึกสงสัยเล็กน้อยเช่นกัน ภายในบ้านไม้มีโอกาสมีการถ่ายทอดสืบสานอันน่าทึ่งของผู้แข็งแกร่งโบราณคงอยู่สูงมาก เหตุใดเจ้าหมอนี่มองเพียงแวบเดียวก็จากไปแล้ว?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ