ขณะที่หลัวซิวต่อสู้กับยี่หนิงจูและยู่หานเซียง ลู่เมิ่งเหยายืนอยู่ในตำแหน่งที่ห่างออกไปไม่ไกลตลอดมา กงล้อเทพดวงแสงสมบูรณ์แบบที่ใหญ่โตมโหฬารทั้งสองวงก็ไม่มีท่าทีที่จะเคลื่อนไหวเลยแม้แต่น้อย
ถึงแม้ศิษย์ร่วมสำนักตนจะถูกโจมตีจนบาดเจ็บ สีหน้าอารมณ์ของนางก็ยังคงสุขุมเรียบนิ่งอยู่เช่นเคย ไม่มีคลื่นความรู้สึกและการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
หลังจากผ่านการสำรวจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ ณ วินาทีนี้ของลู่เมิ่งเหยา หลัวซิวมีการคาดคะเนลาง ๆ แต่ทว่าตกลงความจริงเป็นอย่างไรนั้น ไม่มีทางทราบได้โดยการคาดคะเนแน่นอน ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงไปพิสูจน์ความจริงด้วยตนเอง
“เวิ่ง!”
อนัตตาสั่นเทิ้ม เมื่ออยู่ต่อหน้าหลัวซิว การขวางกั้นของปริภูมิก็เหมือนดั่งความว่างเปล่า เงาร่างเขามาถึงตรงหน้าลู่เมิ่งเหยาภายในพริบตา
ลู่เมิ่งเหยาเย็นชาไร้อารมณ์ เห็นเพียงนางยกนิ้วมือขึ้นมาหนึ่งนิ้วแล้วจิ้มลง ก็มีแสงดาบสองดวงพุ่งออกมาจากกงล้อเทพที่ใหญ่โตมโหฬารสองวง ในขณะเดียวกันกงล้อเทพของจริงก็กดอัดลงมาด้วย
“สังหารเทพ!”
มีแสงมืดที่ลึกซึ้งปรากฏในแววตาหลัวซิว ก่อนจะมีพลังตัวสำนึกที่มากมายมหาศาลพุ่งเบียดเสียดกันออกมาภายในพริบตา ใช้อำนาจทลายทุกสรรพสิ่งที่ขวางกั้น แล้วพุ่งเข้าไปในตัวหยั่งรู้ของลู่เมิ่งเหยา
ตัวหยั่งรู้ได้รับการกระทบ แนวโน้มที่กงล้อเทพดวงแสงจะกดอัดลงมาก็หยุดลงกะทันหัน ทั้งสองลอยอยู่กลางอากาศแล้วประจันหน้ากัน ส่วนจิตสำนึกของทั้งสองต่างถูกฉุดดึงเข้าไปในโลกพลังจิตของตัวหยั่งรู้แล้ว
ตัวหยั่งรู้ของลู่เมิ่งเหยาคือโลกาปริมภูมิที่ผนึกรวมออกมาจากแสงดาบ เนื่องจากฝึกเกณฑ์วิถีดาบ ตัวสำนึกวิญญาณทุกดวงของนางล้วนเหมือนดังรังสีดาบ และตรงใจกลางตัวหยั่งรู้แห่งนี้ ช่องจิตของนางก็เป็นรูปร่างลักษณะของรังสีดาบเช่นกัน มีแสงสีขาวที่แยงตาสาดส่องออกมา
การที่หลัวซิวปลดปล่อยพลังอมตะวิญญาณเข้ามาในตัวหยั่งรู้ของลู่เมิ่งเหยานั้น ย่อมไม่ได้เป็นเพราะจะทำร้ายนางอยู่แล้ว เขามาที่นี่เพื่อสอดแนมความทรงจำในตัวหยั่งรู้ อยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับลู่เมิ่งเหยากันแน่
ไร้รูปไร้ลักษณ์ หลังจากเข้ามาตัวหยั่งรู้แล้ว ตัวสำนึกวิญญาณของหลัวซิวก็กลายเป็นร่างมนุษย์ เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขาใช้ญาณเทวร่างมนุษย์ของตัวเอง จุติลงมาในตัวหยั่งรู้ของลู่เมิ่งเหยาโดยตรง
ณ เสี้ยววินาทีที่ญาณเทวหลัวซิวปรากฏ รังสีดาบอันนับไม่ถ้วนที่ผันมาจากตัวสำนึกวิญญาณก็พุ่งเบียดเสียดกันเข้ามา มืดฟ้ามัวดิน
แม้นจะอยู่ในสภาวะญาณเทว หลัวซิวก็ยังคงสามารถอาศัยไร้ลักษณ์วิวัฒนาการวิถีนับหมื่น ตลอดจนปลดปล่อยพลังอมตะออกมาได้อยู่ดี เห็นเพียงมีหอคอยฮวงสีทองหลังหนึ่งปรากฏเหนือศีรษะเขา รังสีดาบที่นับไม่ถ้วนโจมตีพุ่งชนเข้ากับหอคอยฮวง แล้วเกิดเป็นเสียงที่ดังกังวานและเต็มไปด้วยพลัง
ในด้านแดนและระดับขั้นของตัวสำนึกวิญญาณ หลัวซิวล้วนแข็งแกร่งกว่าลู่เมิ่งเหยามาก ๆ ดังนั้นเขาแค่อาศัยการป้องกันของพลังอมตะหอคอยฮวง ก็มาถึงศูนย์กลางตัวหยั่งรู้แสงดาบแห่งนี้ได้อย่างง่ายดายแล้ว
ช่องจิตดวงหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนดาบแวววาวจับตาอย่างยิ่ง และด้านบนของช่องจิตดวงดังกล่าวมีแม่น้ำยาวสายหนึ่งที่ตระการตา คลื่นแสงใสแจ๋ว และจะมีภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ปรากฏบนสายน้ำดังกล่าวอยู่เป็นระยะ
สายน้ำยาวดังกล่าวอยู่ในตัวหยั่งรู้ อยู่เคียงคู่กับวิญญาณดั้งเดิม และถูกเรียกว่าห้วงวนความทรงจำ
แสงดาบที่นับไม่ถ้วนยังคงโจมตีหลัวซิวอยู่เช่นเคย แต่ทว่าลู่เมิ่งเหยาไม่ชำนาญพลังอมตะโจมตีวิญญาณแต่อย่างใด ดังนั้นจึงไม่สามารถทำให้เกราะป้องกันของพลังอมตะหอคอยฮวงสั่นคลอนได้เลยด้วยซ้ำ
ในขณะที่ปล่อยตัวสำนึกดวงหนึ่งออกไปหวังจะสอดแนมห้วงวนความทรงจำอยู่นั้น จู่ ๆ ช่องจิตรูปดาบนั่นก็เคลื่อนไหวแล้ว
ช่องจิตกลายเป็นลักษณะของดาบเล่มหนึ่ง ซึ่งเท่ากับอาวุธเทพโจมตีวิญญาณที่รวดเร็วและเฉียบคมอย่างยิ่งหนึ่งเล่ม แสงดาบดวงหนึ่งแพรวพรายดั่งเสา พุ่งสังหารเข้ามาจนเสียงดังสะเทือนเลื่อนลั่น
“ตู้มม!”
หอคอยฮวงสีทองสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง พลานุภาพของการโจมตีในครั้งนี้เกะกะระรานจนน่ากลัว แทบจะทลายเกราะป้องกันของพลังอมตะหอคอยฮวง
หลัวซิวขมวดคิ้วลงเล็กน้อย โบกมือแล้วใช้วิถีไร้ลักษณ์ปลดปล่อยพลังอมตะของเกณฑ์ธรรมต่าง ๆ นานาออกมาอีกครั้ง ระฆังเซียนลูกหนึ่งสั่นเทิ้ม ปริภูมิสั่นกระเพื่อมขึ้น ๆ ลง ๆ แล้วทลายพลังโจมตีทั้งปวงไป
มีประตูเต๋าบานหนึ่งลอยขึ้นมาอีกครั้ง แล้วดูดกลืนทุกสรรพสิ่ง ทำให้พลังโจมตีทั้งปวงกลายเป็นไร้รูป
สวรรค์ใต้ดินเสวียนเหลือง จักรวาลจักรภพท่วมท้นร้าง ธรรมดั้งเดิมทั้งแปดประเภทที่คนในโลกค่อนข้างคุ้นเคยล้วนถูกหลัวซิวปลดปล่อยออกมา ถึงแม้เขาจะไม่เคยได้สัมผัสกับอัญมณีดั้งเดิมอื่น ๆ แต่ก็เคยตระหนักรู้ความล้ำลึกของธรรมดั้งเดิมเหล่านี้ในหอคอยนภากาศอยู่
ใช้วิถีไร้ลักษณ์วิวัฒนาการสรรพวิชา ก็เหมือนกับการปลดปล่อยพลังอมตะของตราสรรพสิทธิ์ แต่ทว่าเขาไม่ได้ใช้พลังงานอมตะวิชานี้มาโจมตีปราบปราม แต่ใช้มาป้องกัน พลังอมตะวิชาหนึ่งก็วิวัฒนาการพลังอมตะป้องกันนับหมื่นวิชาออกมาแล้ว
เมื่อมีการป้องกันของพลังอมตะเหล่านี้ ถึงแม้พลังโจมตีของช่องจิตรูปดาบนั่นจักทรงพลังมาก แต่ก็อย่าคิดว่าจะสามารถทลายเกราะป้องกันของเขาภายในระยะเวลาสั้น ๆ ได้ ดังนั้นหลัวซิวจึงปลดปล่อยตัวสำนึกดวงหนึ่งออกไปกะทันหัน แล้วทิ่มแทงเข้าไปในห้วงวนความทรงจำของลู่เมิ่งเหยา!
เพียงพริบตาเดียว ความทรงจำต่าง ๆ ในอดีตที่นับไม่ถ้วนก็ปรากฏตรงหน้าหลัวซิว อย่างไรก็ตามสิ่งที่เขามองเห็นในความทรงจำล้วนเป็นเรื่องราวที่ลู่เมิ่งเหยาพบเจอหลังจากเข้าร่วมหอมกุฎดาบ ในส่วนของความทรงจำในอดีตของนางนั้น มีเพียงรายชื่อบางส่วนและข้อมูลทั่วไปเท่านั้น ประสบการณ์ความสัมพันธ์ทั้งหมดที่มีความเกี่ยวข้องกับอดีตล้วนหายไปแล้ว!
“ถูกผนึกไปแล้วหรือ?”
ตัวสำนึกของหลัวซิวเข้าไปยังส่วนที่ลึกกว่าของห้วงวนความทรงจำ แต่กลับไม่พบผนึกใด ๆ เขาเห็นเพียงความทรงจำเล็กน้อยที่อยู่ในมุมมืดของห้วงวนความทรงจำ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ
แปลต่อทีค่า รออ่านอยู่นะคะ🥺🥺...
มีต่อไหมครับ...
รออยู่นะครับ...
เรื่องเก่าอัพเดตบ้าง ไม่ใช่ลงแต่เรื่องใหม่...
เมื่อไรจะลงซักที...
เค้ายังแปลอยู่ไหมครับ...
ไม่ลงให้อ่านซักที...
รออานยุ...
รอต่อไปครับ...
ตอนใหม่ยังไม่ลงเลยครับ...