มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2819

“แคว็ก! ……”

โลกาที่อยู่รอบ ๆ ก็เหมือนดั่งกระจกที่กำลังจะแตกสลาย เกิดเป็นรอยร้าวจำนวนมาก

ซึ่งนี่เกิดจากการต่อต้านโดยสัญชาตญาณของลู่เมิ่งเหยา เพราะเขาไม่อยากทำร้ายลู่เมิ่งเหยา ดังนั้นเมื่ออยู่ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงไม่ได้สอดแนมห้วงวนความทรงจำตามอำเภอใจ 

“ข้าเจอแล้ว!”

ในขณะที่ปณิธานกำลังจะถูกบีบให้ออกมาจากห้วงวนความทรงจำโดยสิ้นเชิงอยู่นั้น ในที่สุดหลัวซิวก็เจอคำตอบที่เขาต้องการในส่วนที่ลึกที่สุดของห้วงวนความทรงจำสักที 

ปณิธานย้อนกลับมายังร่างดั้งเดิมของญาณเทว ถัดจากนั้นก็มีจิตสังหารที่รวดเร็วและดุดันม้วนซัดมา ห้วงดาบที่ไร้ขอบเขตกลายเป็นจิตสังหาร ถึงแม้เขาจะเป็นร่างญาณเทว แต่ก็มีความรู้สึกเหมือนจะถูกดาบนับหมื่นประหารโดยการแล่เนื้อเอาเกลือทา

“เมิ่งเหยา......”

หลัวซิวตะโกนเสียงยาวคำหนึ่ง ในตัวหยั่งรู้ของนางไม่มีปัจจัยที่ส่งผลต่อความรู้สึกใด ๆ คงอยู่ แม้กระทั่งช่องจิตของนางก็อยู่ในรูปดาบที่เย็นยะเยือก ในส่วนของความรู้สึกดั้งเดิมที่เป็นของมนุษย์อสูรจิตนั้น กลับถูกนางฝังอยู่ในส่วนลึกของห้วงวนความทรงจำ 

หลังจากผ่านการสอดแนมห้วงวนความทรงจำ หลัวซิวก็เข้าใจจิตใจที่แท้จริงของลู่เมิ่งเหยาอีกขั้น

เส้นทางจิตใจของนางขรุขระเป็นหลุมเป็นบ่อ ผ่านพ้นเรื่องราวต่าง ๆ มามากมายเช่นนี้ ท้ายที่สุดแล้วก็เลือกที่จะออกแสวงหาเส้นทางที่เขาเคยเดินพร้อมกับฮู๋ชิงชิง เดิมทีชั่วชีวิตนี้ของนางน่าจะจบลงอย่างสมบูรณ์แบบ แต่กลับประสบพบเจอกับความเปลี่ยนแปลงอื่น ๆ อีกครั้ง 

ฮู๋ชิงชิงปลุกตื่นความทรงจำของชาติปางก่อน อีกทั้งผลการฝึกตนที่แข็งแกร่งก็ฟื้นฟูกลับคืนมาด้วย นางนำเรื่องราวของโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดบอกเล่าให้ลู่เมิ่งเหยาฟัง แถมยังบอกกับนางอีกด้วยว่าไม่เร็วก็ช้า สักวันหลัวซิวก็จะไปโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเช่นกัน ดังนั้นจึงพานางมุ่งหน้าไปยังโลกร้างพร้อมกัน

แม้นหลัวซิวจะมาถึงโลกร้างจริง ๆ แต่นางกลับไม่อยู่แล้ว เพราะอุบัติเหตุครั้งหนึ่งทำให้นางถูกส่งมาในโลกสวรรค์

และสาเหตุที่อุปนิสัยนางเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่นั้น ก็เป็นเพราะเรื่องราวที่ได้ประสบพบเจอในโลกสวรรค์เช่นกัน ความทรงจำ รวมไปถึงความรู้สึกที่ได้ประสบพบเจอมาในช่วงเวลานั้น ถูกพลังหนึ่งผนึกไว้

ระหว่างทางที่นางมุ่งหน้าไปยังมิติสมรภูมิกู่ไท่ นางเคยเข้าไปในแดนปริศนาแห่งหนึ่ง และนางก็ได้รับช่องจิตครึ่งดวงในแดนปริศนาแห่งนั้น 

“เวิ่ง! ……”

ญาณเทวของหลัวซิวกลายเป็นลำแสงดวงหนึ่ง หลบเลี่ยงพลังโจมตีทั้งหมด ออกจากตัวหยั่งรู้ของลู่เมิ่งเหยา แล้วย้อนกลับมายังร่างแท้ของหลัวซิว

ณ เสี้ยววินาทีที่ญาณเทวกลับเข้ามาในตัวหยั่งรู้ หลัวซิวลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมากะทันหัน จิตสังหารอันน่าทึ่งที่ราวกับมาจากยุคดึกดำบรรพ์ก็ระเบิดแพร่กระจายออกมาจากตัวเขา

“ฝีมือผู้ใด!”

เขากัดฟันแน่นพลางพูดประโยคนี้ออกมา จิตสังหารที่ไร้ขอบเขตทำให้พื้นที่รอบตัวเขาถูกย้อมด้วยสีที่แดงฉานปานเลือดสด

ตัวธรรมของเขาหนักแน่นดั่งหินก้อนใหญ่มาโดยตลอด สุขุมเรียบนิ่ง แต่วินาทีนี้ตัวธรรมของเขากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยจิตสังหาร แทบจะเหมือนดั่งมาร ราวกับเทพสังหารดึกดำบรรพ์ที่ถูกปลุกตื่น 

แม้เขาจะไม่ได้มองเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าวด้วยสายตาตนเอง ทว่าจากความทรงจำที่ถูกผนึกของลู่เมิ่งเหยา เขาก็ยังคงสามารถยืนยันได้ว่าช่องจิตครึ่งดวงที่นางได้รับนั่น เป็นช่องจิตของจี้หวูชวง!

ช่องจิตของนางถูกพลังโจมตีที่แข็งแกร่งโจมตีจนแตกสลาย และในฐานะที่ช่องจิตเป็นที่สถิตของวิญญาณดั้งเดิม ความเสียหายที่หนักหน่วงเช่นนี้ แทบจะไม่มีโอกาสได้กลับชาติมาเกิดอีกแล้ว

ซึ่งช่องจิตครึ่งดวงที่ลู่เมิ่งเหยาได้รับมานี้ไม่มีความรู้สึกใด ๆ ปนอยู่เลย สาเหตุที่ความทรงจำและความรู้สึกของลู่เมิ่งเหยาถูกผนึกนั้น ก็เป็นผลพวงหลังจากหลอมรวมเข้ากับช่องจิตดวงนี้เช่นกัน 

ส่วนสาเหตุที่นางเข้าร่วมหอมกุฎดาบ ก็เป็นเพราะหลังจากหลอมรวมเข้ากับช่องจิตแล้ว นางได้แสดงพรสวรรค์วิถีดาบที่น่าทึ่งออกมา เนื่องจากภายในช่องจิตครึ่งดวงที่นางได้รับมามีการถ่ายทอดสืบสานส่วนหนึ่งของจี้หวูชวงด้วย!

“ไยจึงเป็นเช่นนี้!”

หลัวซิวรู้สึกเจ็บปวดหัวใจมาก อดีตครั้นเมื่ออยู่ในมหาโลกาพันสาม เขาก็เข้าใจการดับสลายสูญสิ้นของจี้หวูชวงผ่านการบันทึกของเผ่าจี้แล้ว เป็นเพราะเผ่าจี้ประสบพบเจอกับศัตรูตัวฉกาจ และเพื่อเป็นการคุ้มกันให้คนในเผ่าถอยกลับไปได้อย่างปลอดภัย จี้หวูชวงจึงเลือกที่จะต่อสู้กับศัตรูตัวฉกาจอย่างแน่วแน่ จึงหายเข้าไปในกลีบเมฆตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา 

เขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่าเมื่อปีนั้นจี้หวูชวงได้ประสบพบเจอกับศัตรูที่แข็งแกร่งมากเพียงใดกันแน่ ไม่เพียงดาบเทพชีวีของนางแตกหัก แม้แต่ช่องจิตของนางก็ถูกโจมตีจนแตกสลายด้วยอย่างนั้นหรือ

ลู่เมิ่งเหยาที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถอยหลังกลับไปด้วยสีหน้าที่ระแวดระวัง เพราะจิตสังหารอันน่ากลัวที่ระเบิดออกมาจากตัวชายหนุ่มชุดคลุมยาวดำที่อยู่ตรงหน้า ทำให้นางรู้สึกหวาดหวั่นโดยสัญชาตญาณ

มาตรแม้นว่าความรู้สึกและความทรงจำส่วนหนึ่งของนางจะถูกผนึกไปแล้ว แต่กลับสามารถสัมผัสได้อยู่ว่าพลังอมตะวิญญาณที่คนดังกล่าวปลดปล่อยออกมาในเมื่อครู่นี้ได้ออมมือต่อตนเองอยู่ นางไม่เข้าใจว่าเหตุใดคนดังกล่าวจึงต้องทำเช่นนี้ เขาไม่รู้หรือไงว่าตัวเองเป็นศัตรูของเขา? 

“ทุกอย่างเป็นความผิดของข้าเอง……”

สายตาของหลัวซิวมองไปทางพยับเมฆ มีน้ำตาไหลออกมาจากดวงตาคู่นั้น เขาจะเปิดเผยด้านที่อ่อนแอของความรู้สึกออกมาน้อยมาก ๆ ทว่าข่าวคราวที่ได้รับจากความทรงจำของลู่เมิ่งเหยากลับทำให้เขาไม่สามารถควบคุมการปะทุของความรู้สึกเช่นนี้

เมื่อปีนั้นเขาต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับเมิ่งเชียนชาง เดิมทีคิดว่าเมื่อตนทุ่มสุดชีวิตทลายกงล้อวัฏจักรธรรมแล้ว ก็จะสามารถคืนจักรวาลที่แจ่มใสให้แก่ชาวโลก ตั้งแต่วินาทีนี้จะไม่มีประมุขเต๋าควบคุมสวรรค์ ทุกสรรพสิ่งในโลกล้วนเท่าเทียมกัน 

อย่างไรก็ตามเขาคิดอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่า หลังจากเขาเพิ่งดับสลายสูญสิ้นไปได้ไม่นาน ก็เกิดเรื่องกับผู้คนที่อยู่ข้างกายอย่างต่อเนื่อง เมื่อปีนั้นถ้าเกิดเขาไม่ได้ไปเอาเป็นเอาตายกับเมิ่งเชียนชาง บางทีเรื่องทั้งหมดนี้ก็อาจไม่เกิดขึ้น

ทั้งหมดทั้งมวลนี้ล้วนทำให้เขารู้สึกผิดมาก นอกจากการแสวงหาขีดสูงสุดบนวิถียุทธ์แล้ว จุดประสงค์ในการฝึกยุทธ์ของเขาก็คือการคุ้มกันผู้คนที่อยู่ข้างกายมิใช่หรือ?

สายตาของเขาร่วงลงบนตัวลู่เมิ่งเหยา สีหน้าอารมณ์ดูซับซ้อนอย่างยิ่ง ถ้าเกิดเปลี่ยนเป็นผู้อื่น บางทีเขาจะใช้พลังอมตะแยกและกลั่นแปรช่องจิตครึ่งดวงนั้นที่เป็นของจี้หวูชวงออกมา แต่วิธีการเช่นนี้จะทำให้นางได้รับความเสียหายอย่างยิ่ง และอาจดับสลายสูญสิ้นได้ด้วย  

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ