มหายุทธ์ สะท้านภพ นิยาย บท 2831

“ตราต้าฮวง สยบ!”

วิชาตราประทับที่อยู่ในมือหลัวซิวแปรเปลี่ยนกะทันหัน จู่ ๆ หอคอยฮวงที่ซ่อนอยู่ตรงหว่างคิ้วเขาก็บินออกมา แล้วมาถึงเหนือศีรษะเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนภายในพริบตา

เงาลวงของหอคอยฮวงหลังนี้ ไม่ใช่สิ่งที่หลัวซิวผนึกรวมออกมาจากการตระหนักรู้ในธรรมเวชกาลร้างของตนเอง แต่เป็นหลักฐานที่เขาได้รับการยอมรับจากหอคอยฮวง ซึ่งมีพลังของหอคอยฮวงแฝงซ่อนอยู่ภายใน

เล่ากันว่าหอคอยฮวงเป็นอัญสมบัติที่ถูกหล่อเลี้ยงออกมาในธรรมดั้งเดิม แม้นจะเป็นเงาลวงเพียงหลังเดียว แต่ก็มีพลังที่เกะกะระรานอย่างไร้ขอบเขตแฝงซ่อนอยู่

ภายใต้การกดอัดของเงาลวงหอคอยฮวง จู่ ๆ สีหน้าของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็เปลี่ยนไปอย่างมาก เพราะเขาสัมผัสได้ว่ามีพลังอันแข็งแกร่งที่ไร้เทียมทานได้ปกคลุมร่างกายเขาเอาไว้ ทำให้ร่างกายเขาถึงขั้นทำได้เพียงยืนนิ่งอยู่กับที่ ขยับไม่ได้ด้วยซ้ำ

“ทะยานเซียน!”

หลัวซิวพลิกมือหยิบกระบี่ร่องฟ้าออกมา ปราณกระบี่ทั้งหลายตัดสลับไปมาดั่งแสงเซียน แม้นจะถูกพันธนาการโดยผลการฝึกตนแล้วไม่สามารถปลดปล่อยพลังอานุภาพทั้งหมดของวิชาทะยานเซียนออกมา แต่ก็ทำให้สภาพอาการบาดเจ็บบนตัวเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนยิ่งอยู่ยิ่งสาหัสเช่นกัน

หลังจากผ่านไปเพียงครู่เดียว เลือดเนื้อบนร่างกายของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่ถูกเงาลวงหอคอยฮวงกดอัดจนไม่สามารถขยับได้ก็เละตุ้มเป๊ะ แทบจะไม่เหลือความเป็นคนแล้ว เลือดสีแดงสดยิ่งไหลนองเป็นทาง สภาพน่าเวทนามากจนไม่อาจทนดูได้

แต่ว่าศักยภาพของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนก็แข็งแกร่งจนน่ากลัวจริง ๆ ถูกหลัวซิวโจมตีมากเช่นนี้ แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะยังไม่ตาย ชีวีดั้งเดิมคึกคักมีชีวิตชีวาถึงขีดสุด

อย่างไรก็ตามต่อให้ชีวีดั้งเดิมของเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนจะมีมากล้นมากเพียงใด หากถูกหลัวซิวโจมตีอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ ไม่เร็วก็ช้าเขาก็ต้องตายอยู่ดี

และในเวลานี้เอง ก็มีพลังอำนาจหนึ่งที่มากมายมหาศาลพรั่งพรูมา หลัวซิวจึงหยุดโจมตีทันที แล้วมองไปทางตำแหน่งที่อยู่ห่างไกลออกไป

เห็นเพียงมีเงาดำสิบกว่าร่างรวมตัวเข้าด้วยกัน แล้วพุ่งตรงเข้ามาทางนี้อย่างรวดเร็ว ซึ่งผู้ที่เป็นผู้นำก็คือชายชุดขาวที่เหมือนจะมีความสัมพันธ์กับเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนเล็กน้อย ยู่เหมิน!

“สหายสิง ไม่ว่าอย่างไรเจ้าก็เป็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนหนึ่ง ผู้แข็งแกร่งระดับมหาจักรพรรดิยุทธ์เก้ากงล้อ เหตุใดจึงจนตรอกเช่นนี้ได้เล่า?”เมื่อยู่เหมินเห็นเจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนที่ร่างกายเต็มเปี่ยมไปด้วยบาดแผล เขาก็ขมวดคิ้วลงอย่างควบคุมไม่ได้

“นี่สหายยู่เหมินมาหัวเราะเยาะข้าหรือ?”เจ้าศักดิ์สิทธิ์สิงเทียนทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ทว่ากลับตะโกนร้องอย่างทุกข์ทรมานในใจ หากไม่ใช่เพราะอยู่บนพสุดารานอกนภา จากศักยภาพที่เล็กน้อยมากจนไม่มีค่าพอที่จะให้พูดถึงนั่นของหลัวซิว เขาไม่จำเป็นต้องลงมือด้วยซ้ำ แค่ใช้พลังออร่าภายนอกก็สามารถบดขยี้ให้เขาตายได้หลายครั้งจนนับไม่ถ้วนแล้ว

แต่ไม่นึกเลยว่าเจ้าหมอนี่จักเก่งกาจและวิปริตมากขนาดนี้ จากผลการฝึกตนเทพมารระดับแปดก็สามารถต่อกรกับตัวเองที่มีผลการฝึกตนราชาเทพระดับเก้า เมื่ออยู่ภายใต้แดนเดียวกันตนยิ่งถูกเจ้าหมอนี่โจมตีจนไร้แรงที่จะโต้กลับ

“ฮ่าฮ่า สหายสิงไม่ต้องเป็นห่วง ข้าจักช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากความยากลำบากเอง จะได้ทำให้เจ้าหนูที่จองหองพองขนนี่ได้รู้ซึ้งถึงความเก่งกาจของโลกาฟ้าดินหลิงหลงเรา ให้มันรู้ซะบ้างว่าอะไรคือที่ต่ำที่สูง!”

ยู่เหมินพูดอย่างหยิ่งผยองประโยคหนึ่ง ก่อนที่เขาจะนำพาเทพมารจำนวนมากที่อยู่ใต้บังคับบัญชาพุ่งตรงไปทางหลัวซิว

“โลกาฟ้าดินหลิงหลงแม่งใหญ่โตมาจากที่ใด?”หลัวซิวทำเสียงหึอย่างเยือกเย็นทีหนึ่ง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็มีความผูกพันต่อโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดอยู่ มิเช่นนั้นละก็เขาในอดีตชาติก็คงไม่ยอมสละชีพตายไปพร้อมกับกงล้อวัฏจักรธรรมหรอก

แม้นจิตใจของเขาที่เป็นไท่ซ่างฉิงเมื่ออดีตชาติจะแสวงหาแต่ธรรมวิถี แต่ก็มีจิตใจที่กว้างขวางเช่นกัน เพื่อเป็นการทำให้ทุกสรรพสิ่งในโลกหล้าหลุดพ้นจากยุคสมัยที่จ้าววัฏสงสารควบคุมกฎทวยเทพธรรมโดยสิ้นเชิง จึงเลือกที่จะตายไปพร้อมกับกงล้อวัฏจักรธรรมอย่างแน่วแน่

แต่คำพูดของเจ้ายู่เหมินนี่ที่มาจากโลกาฟ้าดินหลิงหลงกลับไม่ให้เกียรติโลกมหาศักดิ์ทั้งแปดเลย นี่จึงทำให้หลัวซิวรู้สึกไม่พอใจมาก

“ช่างปากดียิ่งนัก! ทว่าสิ่งที่ข้าพูดกลับเป็นความจริง โลกมหาศักดิ์ทั้งแปดของพวกเจ้าเทียบเคียงกับโลกาฟ้าดินหลิงหลงของเราไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!”

กลางอนัตตา หลัวซิวกำลังยืนประจันหน้ากับเทพมารสิบกว่าคนแห่งโลกาฟ้าดินหลิงหลงที่มียู่เหมินเป็นผู้นำ พลังออร่ารอบกายซัดสาด

“วันนี้กูจะทำให้มึงได้พบเห็นรู้จักกับวรยุทธ์พลังอมตะที่เจ้าสำนักน้อยเราริเริ่มเอง!”

ยู่เหมินตวาดอย่างเยือกเย็น ยังไม่ทันสิ้นเสียง ก็มีเมืองเทพแห่งหนึ่งวิวัฒนาการออกมาหลังศีรษะเขา เหล่าเทพมารที่ติดตามมาพร้อมกับเขาต่างพากันผันร่างเป็นแสงรุ้ง แล้วบินเข้าไปคุ้มกันรักษาอยู่ในเมืองเทพที่อยู่หลังศีรษะเขา

เพียงพริบตาเดียว พลังออร่าของเทพมารสิบกว่าคนก็ผนึกรวมเข้าด้วยกัน แล้วปลุกเสกบนตัวยู่เหมิน ทำให้พลังออร่าของเขาพุ่งสูงขึ้นอย่างบ้าระห่ำ อยู่เหนือขอบข่ายของเทพมารอย่างรวดเร็ว อำนาจมากมายมหาศาลจนน่าสยดสยอง!

“นี่คือวรยุทธ์อะไร?”

เมื่อเห็นภาพเหตุการณ์ดังกล่าว อี้หยูก็เบิกตากว้างอ้าปากค้างอย่างควบคุมไม่ได้ ผลการฝึกตนของเทพมารสิบกว่าคนปลุกเสกร่างตน เขาไม่เคยได้ยินวรยุทธ์ประเภทนี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ

เนื่องจากมีจอมยุทธ์ที่แตกต่างกัน พรสวรรค์ของทุกคนก็แตกต่างกันด้วย เมื่อฝึกตนถึงแดนเทพมาร พลังแห่งกฎที่ยึดกุมก็แตกต่างกันอีก มาตรแม้นว่าเป็นจอมยุทธ์ที่ฝึกกฎประเภทเดียวกัน พลังเวทย์ที่ฝึกก็จะแตกต่างกัน ด้วยเหตุนี้ผลการฝึกตนเหล่านี้จึงหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ยากมาก

อีกทั้งแม้จะสามารถหลอมรวมเข้าด้วยกันได้ หากเทพมารคนหนึ่งได้รับการปลุกเสกจากคนสิบกว่าคนที่มีผลการฝึกตนเหมือนกัน แล้วเขาจะแบกรับไหวได้อย่างไร?

ทว่ายู่เหมินนี่กลับทำเช่นนั้นได้ ซึ่งนี่ก็แสดงว่าวรยุทธ์พลังอมตะที่เขาฝึกมีความลึกลับมหัศจรรย์ที่ลึกซึ้งประเภทหนึ่งแฝงซ่อนอยู่ จึงสามารถทำให้เขาทำเช่นนี้ได้

วินาทีนี้ ผลการฝึกตนเป็นเทพมารเหมือนกัน แต่ภายใต้การปลุกเสกด้วยผลการฝึกตนของเทพมารสิบกว่าคน พลังออร่าของยู่เหมินกลับน่าสยดสยองกว่าหลัวซิวหลายเท่าเลย

เห็นเพียงออร่ารอบกายเขาระเบิดแตก ทำให้พลังออร่าของหลัวซิวถูกกดอัดลงไปภายในพริบตา ง้างฝ่ามือขยำไปทางหลัวซิว ราวกับทั้งฟ้าดินอยู่ภายใต้การควบคุมของเขายังไงอย่างนั้น พลังของฝ่ามือหนึ่งเทียบเท่าเทพมารระดับสองขั้นสูงแล้ว!

“ตายซะเถอะ!”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: มหายุทธ์ สะท้านภพ